ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2556

MLM เดือด! ทิ้งทวนปี 56 'อัดโบนัส-ปรับแผนจ่าย-เพิ่มรายได้-กระตุ้นยอด'







bonus (Mobile)

 


อีกไม่กี่วันปี 2556 ก็จะผ่านไป กลุ่มบริษัทขายตรงพยายามดิ้นสู้กระทุ้งยอดขายครั้งสุดท้าย เพื่อเก็บเกี่ยวรายรับให้ได้มากที่สุด โดยที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าปี 2556 นี้ ไม่ใช่ปีทองดั่งที่หลาย ฝ่ายคาดการณ์ โดยที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นในส่วนของสภาพเศรษฐกิจที่ส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอ การซื้อ รวมถึงเหตุการณ์ทางการเมืองในช่วง ท้ายกลายเป็นแรงเสริมตอกย้ำปัญหา ทำให้กลุ่มบริษัทขายตรงต้องทำงานหนักกว่าหลายปีที่ ผ่านมา


โดยกลุ่มบริษัทขายตรง พยายามออกกลยุทธ์และแผนงานกระตุ้นยอดขายในช่วงปลายปี ซึ่งถือเป็นช่วงที่ดีที่สุดของวงการขายตรงไทยในการเก็บเกี่ยวยอดขาย ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์ ลด แลก แจก แถม ที่ถูกงัดออกมาใช้ ตลอดจนไปถึงยาแรง นั่นคือการปรับแผนจ่าย เพื่อเป็นการปลุกเร้าสมาชิกในการสร้าง กำไร


เริ่มตั้งแต่ ดร.นพรุจ เวชกุล ประธานกรรมการ บริษัท นีโอไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่มีการปรับแผนรายได้ของ บริษัท โดย "ดร.นพรุจ" เปิดเผยว่า เดิมทีทางบริษัทมีแผนการตลาดที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว แต่ทางบริษัทยังไม่หยุดคิดจึงมีการพัฒนา ต่อยอด มีการนำเทคนิคใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุนให้สมาชิกทำงานได้ง่ายและประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว


"เราจึงมีการเปิดแผนการคิดรายได้แบบทวีคูณขึ้นมา นอกเหนือจะเป็นการ ส่งเสริมให้สมาชิกมีประกันชีวิตทุกคนแล้ว ยังมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว สมาชิกของ นีโอไลฟ์สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการรายได้ทวีคูณ โดยเสียค่าสมัครเพียง 200 บาท ทางบริษัทยินดีมอบประกันชีวิตวงเงิน 120,000 บาท เป็นเวลานาน 1 ปี นี่ถือเป็นสวัสดิการที่ทางบริษัทมอบให้กับสมาชิกที่ร่วมโครงการ"


ต่อไปสมาชิกของนีโอไลฟ์จะมีรายได้ 2 ทาง และจะเป็นสิ่งที่ทำให้สมาชิกของนีโอไลฟ์ ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนและมั่นคง เพียงแต่สมาชิกที่เข้าร่วมโครงการทวีคูณ เชิญสมาชิกให้ทำการซื้อสินค้าซ้ำระหว่างเดือน โดยทางบริษัทจะนำเอาคะแนน ไปคิดในผังองค์กรแบบทวีคูณ ทำให้สมาชิก มีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว


ด้านนางสุชาดา ธีรวชิรกุล ประธานบริหาร ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค แบรนด์ขายตรงในเครือ บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่มีการปรับเรื่อง ของแผนจ่ายเช่นเดียวกัน โดยนายใหญ่ของ "ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค" กล่าวว่า เพื่อให้ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค สามารถเติบโต 2 เท่า ภายในปี 2555-2563 สอดคล้องกับนโยบาย ของยูนิลีเวอร์ได้วางไว้ จึงต้องขยายธุรกิจไปต่างประเทศ เพื่อเพิ่มสมาชิกผู้ร่วมธุรกิจและกลุ่มลูกค้า ทั้งนี้ บริษัทใช้งบฯ ลงทุนวิจัย 1,000 ล้านยูโรต่อปี และศักยภาพด้านการ จ่ายผลตอบแทน ภายใต้แผน i12 (ไอทเวลฟ์) ซึ่งมีจุดแข็งก็คือสมาชิกสมัครครั้งเดียว สามารถไปทำธุรกิจเครือข่ายได้ทั่วโลก และ ตั้งแต่กรกฎาคมได้ปรับแผนการจ่ายเงินรางวัลหรือโบนัสเพิ่มอีก 4-5% เพื่อกระตุ้น นักธุรกิจ


การปรับแผนจ่ายนับเป็นเรื่องที่กลุ่มบริษัทขายตรงได้ให้ความสำคัญ ในการสร้างยอดขายในช่วงนี้เป็นอย่างยิ่ง โดยที่ "สุพรีเดอร์ม" ก็เป็นหนึ่งในบริษัทขายตรงที่มีการปรับในส่วนนี้


โดย พ.ต.ท.นพ.มั่น อุดมพาณิชย์ ประธานกรรมการ บริษัท สุพรีเดอร์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางบริษัทได้มีการปรับแผนจ่ายของบริษัท เพื่อให้เกิดการสอดรับกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง โดยบริษัทได้มีการปรับแผนจ่ายภายใต้ ชื่อ P17


"P17 เป็นแผนจ่ายเพื่อสร้างให้เป็นมรดกของสมาชิก โดยสุพรีเดอร์มเป็นบริษัท ที่ล้างสมองผู้คนที่เข้ามาไม่เก่งนัก ทำให้บริษัทต้องเดินหน้าธุรกิจด้วยการดึงผู้คนให้มาเป็นผู้บริโภค โดยบริษัทจะเน้นการสร้างฐานผู้บริโภคเป็นหลัก" พ.ต.ท.นพ.มั่น เผย


ไม่เพียงแต่การปรับเปลี่ยนในส่วนของ แผนจ่ายเท่านั้น ที่กลุ่มบริษัทขายตรงพยายามทำในช่วงสุดท้ายของปี แต่กับหลาย บริษัทก็มีการผุดโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม รวมถึงการกระตุ้นตลาดผ่านการโฆษณาทีวี


โดยนายภาวัช หรัญรัตน์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เลิฟยู (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในช่วงท้ายปี บ.เลิฟยูฯ ได้ทำการกระตุ้นตลาดด้วยการจัดโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม และยังได้ออกไปจัดโรดโชว์ตามจังหวัดใหญ่ๆ เพื่อขยายเครือข่ายของบริษัทโดยตรง ทั้งยังเป็น การกระตุ้นให้มีการซื้อสินค้ามากขึ้น ซึ่งในส่วนของสาขาที่ทำหน้าที่จำหน่ายสินค้ามี อยู่ประมาณ 10 แห่ง ครอบคลุม 4 ภาคของ ประเทศ โดยที่สำนักงานใหญ่ที่เปิดทำการครบวงจร หลักๆ จะอยู่ที่ภาคตะวันออก-เฉียงเหนือกับภาคใต้ เนื่องจากทั้ง 2 ภาค มีความนิยมในสินค้าของบริษัท


อย่างไรก็ตาม เลิฟยู คาดว่าปี 56 บริษัทจะต้องเติบโตตลอดทั้งปีถึง 60% และ ยอดขายมั่นใจว่าจะเพิ่มขึ้นไปถึง 350 ล้านบาท ถือว่าเป็นยอดขายสูงสุดของบริษัท โดยปีก่อนทำได้ 200 ล้านบาท ในส่วนของสมาชิกที่ปรับถ่ายเทสายเลือดใหม่นั้น ถึงเวลานี้มีอยู่ 10,000 รหัส คาดว่า สิ้นปีนี้ต้อง เพิ่มขึ้นถึง 15,000 รหัส และในปี 2557 บริษัท เตรียมจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของผลิตภัณฑ์ด้านความงาม, ผลิตภัณฑ์ เสริมอาหาร และสินค้ากลุ่มของใช้ประจำวัน พร้อมจะขยายสาขาในต่างจังหวัดเพิ่มให้เป็น 50 สาขา เพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศ


ด้านกลุ่มบริษัทขายตรงที่ใช้การโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้า และแบรนด์ในช่วงปลายปีนี้ ก็มีตั้งแต่บริษัทใหญ่ๆ อย่าง "กิฟฟารีน" ที่อัดงบกว่า 50 ล้านบาท เพื่อสร้างโฆษณาสินค้าเสริมอาหาร "อีสเลท" โดยได้ทำการดึง "เจมส์มาร์" ดาราชายวัยรุ่นที่กำลังเป็นที่นิยมมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ และอีกหนึ่งบริษัทที่ใช้การโฆษณาสินค้ามากระตุ้นยอดขายในช่วงปลายปีอีกราย นั่นคือ "ดี เน็ทเวิร์ค"


โดยนายสาคร ใสกมล ประธานผู้ก่อตั้ง บริษัท ดี เน็ทเวิร์ค เวิลด์ไวด์ จำกัด เปิดเผยว่า ในสเต็ปแรกนี้ทางบริษัททุ่มงบไป กว่า 20 ล้านบาท ในการประชาสัมพันธ์ทาง ฟรีทีวี เพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง


"การโฆษณาผ่านทางฟรีทีวีนั้น ในส่วน ของผลิตภัณฑ์ของบริษัท เราคาดหวังว่าจะ ทำให้เกิดกระแสใน 3 กลุ่มหลักๆ คือกลุ่มที่บริโภคอยู่แล้วก็จะบริโภคต่อเนื่อง กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะบริโภคดีหรือไม่ เมื่อได้ชมโฆษณาก็ตัดสินใจซื้อ กลุ่มที่ 3 คือกลุ่มที่ยังไม่รู้จัก ก็ได้รับรู้และรู้จักผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ตนคาดหวังว่าคนจะรู้จักสินค้า เรามากขึ้น สำหรับสินค้าบานเย็นซึ่งเป็นสินค้าในกลุ่มเกษตรนั้น เราก็คาดหวังว่าเกษตรกร ไทยจะรู้จักผลิตภัณฑ์ตัวนี้ และเมื่อครบปี ทางบริษัทจะนำเอาเทปรายการเกษตรไทย น่ารู้ที่ออกอากาศไปแล้วราว 21 ครั้ง ให้ผู้นำที่มีรายการ มีสื่อของตัวเอง นำเอาไปเป็นเครื่องมือในการทำธุรกิจที่เราทำการประชาสัมพันธ์ทางฟรีทีวี เนื่องจากเราอยากนำร่องให้กับนักธุรกิจและสมาชิก จุดประสงค์ หลักก็คือเราอยากให้สมาชิก ดี เน็ทเวิร์ค ทำงานได้ง่ายขึ้น"


 


 


 


Credit By : http://www.siamturakij.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น