ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2556

การเมืองร้อน! 'กูรู-ผู้ค้า' แนะหนีกรุงมุ่งตลาดภูธร







eco01 (Mobile)

 


เหตุการณ์ทางการเมืองร้อนระอุ! ขายตรง ไทยเจอพิษ "ดร.ประสิทธิ์ รัตนพันธ์" ผู้คลุกคลี อยู่ในวงการเครือข่าย แนะผู้ค้าเน้นทำตลาดต่างจังหวัด เลื่อนกิจกรรมในเมืองกรุง ปั้นยอด ขาย ด้าน "โมรินดา" เห็นพ้องทำตลาดภูธร พร้อมดันสมาชิกสั่งสินค้าทางโทรศัพท์แทนเดินทางเอง ฝั่ง "เลิฟยู" ใจชื้นตลาดหลักอยู่ในส่วนภูมิภาค แต่หวังปรองดองเร็ววัน ไม่เช่นนั้นปีหน้าแย่


จากเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมือง ส่งผลกระทบไปสู่ภาคธุรกิจ ไม่เว้นแม้แต่วงการขายตรง ซึ่งเรื่องผลกระทบคง เป็นสิ่งที่ต้องยอมรับและปรับตัว โดยเฉพาะในปีนี้ที่มีสภาพเศรษฐกิจ ฉุดกำลังซื้อของประชาชน บีบให้กลุ่มบริษัทต้องดิ้นรน เพื่อขยับการเติบโตของบริษัทตัวเอง อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นภาพรวมการขยายตัวของมูลค่าการเติบโตของธุรกิจ


หนีกรุงเทพฯ ทำตลาด ตจว.ปั่นยอดขาย


ดร.ประสิทธิ์ รัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ผู้ที่มีความรู้ และคลุกคลีอยู่ในวงการขายตรง เปิดเผยกับ "สยามธุรกิจ" ในประเด็นที่เกี่ยวกับผลกระทบด้านการเมืองต่อธุรกิจขายตรงว่า ต้องยอมรับว่า จากเหตุการณ์ ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เป็นเรื่องที่อยู่เหนือการควบคุม ซึ่งในส่วนของผลกระทบต่อธุรกิจขายตรงก็มีบ้าง แต่ไม่ได้มากกว่า วงการธุรกิจอื่นๆ


"สำหรับบริษัทใหญ่ๆ ในวงการขายตรง ถือว่าจะได้เปรียบ กว่าบริษัทเล็ก เนื่องจากไม่ว่าการเมืองไทยจะเป็นอย่างไร กลุ่มบริษัทใหญ่ก็มีทีมที่สามารถเข้าถึงกับทุกกลุ่ม รวมถึงทุนและฐาน ลูกค้าที่มีมากกว่า ก็ย่อมทำให้ผลกระทบที่บริษัทจะได้รับก็น้อยกว่า บริษัทเล็กที่ต้องรอเพื่อการเข้าหา และด้วยทุนการทำธุรกิจ บวก กับลูกค้าที่น้อยกว่า เรื่องการเมืองย่อมส่งผลกระทบมากกว่า แต่ อย่างไรก็ดี กลุ่มบริษัทต่างๆ ก็ควรที่จะมองเรื่องของคุณธรรม ด้วยไม่เพียงแต่มองในเรื่องของกำไรที่มาจากการทำธุรกิจ" ดร.ประสิทธิ์ กล่าว


อย่างไรก็ดี ดร.ประสิทธิ์ ยังได้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า "จากเหตุการณ์ทางการเมืองที่มีความวุ่นวายในกรุงเทพฯ กลุ่มผู้ประกอบการขายตรง ควรเลื่อนการจัดกิจกรรมของบริษัทในเมืองหลวงก่อน จากที่หลายบริษัทได้ปฏิบัติไปแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ และควรมาให้ความสำคัญกับการทำตลาดในพื้นที่ต่างจังหวัดแทน เนื่อง จากคนต่างจังหวัดยังมีการซื้อกินซื้อใช้อย่างต่อเนื่อง เพราะไม่ได้รับผลกระทบต่อ เหตุการณ์บ้านเมืองมากนัก"


"เหตุการณ์ทางการเมืองคงไม่ส่งผลกระทบต่อขายตรงมากเท่าเรื่องของเศรษฐกิจ ที่ทำให้คนต้องการเก็บเงิน มาก กว่าที่จะซื้อกินซื้อใช้เหมือนปีที่ผ่านๆ มา แต่ธุรกิจขายตรงก็ต้องปรับกลยุทธ์ให้คล้อยตาม ส่วนภาพรวมของวงการขายตรงในปีนี้นั้นก็ยังโตอยู่ แต่คงน้อยกว่าปีก่อน ซึ่งได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจเป็น สำคัญ" กูรูของวงการขายตรงเผย


"โมรินดา" ดันสมาชิกโทร.สั่งสินค้า


นางวิภารัตน์ รัตนพรหมมา ผู้จัดการ ประจำประเทศไทย บริษัท โมรินดา เวิร์ลไวด์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยในประเด็นเดียวกันว่า "จากสถานการณ์ทาง การเมืองส่งผลให้เศรษฐกิจตกต่ำ และที่ผ่านมาตลอดต้นปี เศรษฐกิจก็ตกลงไปทำให้บริษัทต้องยอมลดเป้าหมายยอดขายลง และยิ่งมีเหตุการณ์ทางการเมืองขึ้นมา ก็ทำให้ต่างชาติไม่มั่นใจในสถานการณ์ความปลอดภัย ซึ่งจุดหนึ่งที่เห็นชัดคือ ผู้นำของบริษัทจากต่างชาติไม่ต้องการเข้ามาประชุมในประเทศไทยเวลานี้"


ในส่วนของทางแก้ไขของวงการขายตรงในเวลานี้ คือ ต้องออกไปทำตลาด ในต่างจังหวัดมากขึ้น โดย "โมรินดา" ก็เริ่มปรับตัวในเรื่องนี้แล้ว ซึ่งก็ได้รับผลที่ดี โดยในส่วนของยอดขายรวมของบริษัท ต่างจังหวัดมีส่วนแบ่งถึง 60% อีกทั้งตลาด ในภาคอีสาน ก็เป็นตลาดที่ดีมากๆ สำหรับ "โมรินดา" ในช่วงนี้


อีกอย่างคือการฝึกให้สมาชิกของ บริษัทพยายามใช้การสั่งซื้อสินค้าผ่านทาง ช่องทางสื่อสารต่างๆ โดยเฉพาะโทรศัพท์ เพื่อเลี่ยงการเดินทางมาเอง ซึ่งตรงนี้ก็จะ ช่วยบริษัท และวงการขายตรงได้เป็นอย่างดี


ทั้งนี้ในด้านของภาพรวม "วิภารัตน์" เผยว่า "ภาพรวมของวงการขายตรงในปีนี้ คงโตได้น้อยกว่าปีที่ผ่านมา จากสภาวะเศรษฐกิจ ที่ส่งผลให้ผู้คนไม่ต้องการจับจ่าย ซื้อของมากนัก ซึ่งทำให้ภาพรวมของวงการ ขายตรงเติบโตน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อ ช่วงต้นปี"


"เลิฟยู" หวังสงบเร็ว ไม่เช่นนั้นปี 57 ทรุด


นายภาวัช หรัญรัตน์ รองประธาน กรรมการบริหาร บริษัท เลิฟยู (ประเทศ ไทย) จำกัด ได้เผยว่า "ตลอดช่วง 3-4 เดือนหลังเจอเหตุการณ์ทางการเมือง ทำให้บริษัทไม่กล้าที่จะอัดงบทำการตลาด เพราะเกรงว่าจะขาดทุน แต่ยังโชคดีที่ส่วนใหญ่บริษัทจะเน้นทำตลาดขายสินค้าอยู่ตามต่างจังหวัดที่มีศูนย์สาขาของบริษัทเปิดอยู่"


"เลิฟยูยังโชคดีที่ฐานสมาชิกจะอยู่ต่างจังหวัด แต่ก็เริ่มมีผลกระทบขึ้นเรื่อยๆ ในเรื่องของการจ่ายค่าคอมมิสชั่น และส่ง สินค้าที่มีปัญหาในการขนส่ง อีกทั้งสมาชิก ใหม่ๆ ก็ยังไม่กล้าเข้ามาทำธุรกิจ เพราะรอ ดูสถานการณ์ทางการเมืองให้สงบก่อน"


โดยตอนนี้บริษัทได้ออกมาตรการให้สมาชิกทุกคนสามารถอยู่ได้ และบริษัท ก็ดำเนินธุรกิจไปได้ด้วย เพราะคงได้แต่หวังให้ความวุ่นวายทางการเมืองสงบลงก่อน และคงไม่อยากให้ยืดเยื้อถึงปีหน้า เพราะยอดขายบริษัทจะต้องตกลงแน่นอน เพราะคนไม่กล้าใช้เงินซื้อสินค้า โดยภาพรวมทุกบริษัทต้องปรับตัวรับเรื่องนี้อย่างหนัก หากบริษัทไม่แข็งแรงพอก็อาจต้อง ปิดกิจการได้เหมือนกัน


"ภาวัช" กล่าวต่อว่า ในส่วนของทางออกก็คงได้แต่หวังว่า ให้ทุกฝ่ายยุติความรุนแรงและหันหน้าเข้ามาคุยกัน เพราะเวลานี้ประชาชนเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ยิ่งในกรุงเทพฯ บางจุดสำคัญที่มีประชาชนอาศัยอยู่ก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ยิ่งใกล้เปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนด้วยแล้ว หากประเทศชาติยังทะเลาะกันเอง จะทำให้ไม่มีชาติไหนเข้ามา ลงทุน เพราะภาพลักษณ์ประเทศที่มีแต่ความขัดแย้ง ยังไงก็ขอให้ทุกฝ่ายมองถึง ผลกระทบตรงจุดนี้ด้วย


 


 


 


Credit By : http://www.siamturakij.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น