ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันเสาร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2555

ผู้ประกอบการขายตรงย้ำไม่ขึ้นราคาสินค้าปีนี้ หลังนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ300บาทมีผลบังคับใช้


“เหล่าผู้ประกอบการขายตรง” ประกาศพร้อมใจไม่ปรับราคาสินค้าจนกว่าจะแบกรับไม่ไหว เผยหากจะปรับราคาสินค้าต้องเป็นไปตามกลไกธุรกิจ ชี้!นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา คาดว่าจะส่งผลกระทบในระยะยาวแน่นอน หลังพบมีขายตรงบางค่ายเริ่มมีการเตรียมแผนรองรับบ้างแล้ว

จากนโยบายการขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำ 300 บาท ที่เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 เมษายน 2555 ที่ผ่านมานั้น ส่งผลให้ในหลายๆ ธุรกิจ มีการเคลื่อนไหวและเตรียมความพร้อมที่จะรับมือกับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ เช่นเดียวกับทางด้าน “ผู้ประกอบการขายตรง” ก็ได้ออกมาให้ความเห็นในประเด็นดังกล่าวในหลากหลายแง่มุม?... เห็นได้จาก ทางด้าน บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ “มิสทิน” เอง ได้ออกมายอมรับว่า นโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่มีผลตั้งแต่เดือนเมษายนนี้ เชื่อว่าจะทำให้มีเม็ดเงินสะพัดในตลาด พร้อมยังจะช่วยให้พฤติกรรมการจับจ่ายดีขึ้นอีกด้วย รวมถึงยังมองอีกว่า ในแง่ของค่าครองชีพ คาดว่าจะมีแนวโน้มที่สูงขึ้นตามไปด้วย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะต้นทุนวัตถุดิบในการผลิตและสินค้าสำเร็จรูปที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ย 3-10% เมื่อเทียบค่าแรงที่ปรับขึ้น 40% นั่นเอง

ในขณะเดียวกัน ทาง “มิสทิน” ยังมองอีกว่า สิ่งที่น่ากังวลในขณะนี้ นั่นคือ เรื่องของต้นทุนค่าแรง ที่คาดว่าจะทำให้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะที่ส่งออกต้องปรับตัวเปลี่ยนมาใช้เครื่องจักรแทนแรงงานคนหรือย้ายฐานการผลิต

พร้อมกันนี้ ทาง “มิสทิน” ยังบอกอีกว่า ปัจจุบันนี้ ต้นทุนวัตถุดิบของมิสทินคิดเป็นสัดส่วน 80% ต้นทุนค่าแรง 20% หลักๆ เป็นค่าแรงในกลุ่มสกินแคร์และแป้งมีสัดส่วน 10% และต้นทุนค่าแรงกลุ่มเมคอัพมีสัดส่วนเฉลี่ย 7-9% โดยการขึ้นค่าแรงในครั้งนี้ จะทำให้ต้นทุนค่าแรงในกลุ่มสินค้าเมกอัพเพิ่มขึ้น 4-5% ส่วนต้นทุนค่าแรงในกลุ่มแป้งและสกินแคร์เพิ่มขึ้น 6-7% ทำให้สินค้าใหม่ที่จะออกมาทำตลาดในอีก 1-2 เดือนข้างหน้าอาจมีราคาที่สูงขึ้น แต่ทั้งนี้ มิสทิน ได้ยืนยันว่า จะไม่มีแผนที่จะปรับขึ้นราคาภายในปีนี้อย่างแน่นอน แต่จะทยอยปรับขึ้นราคาสินค้าเฉลี่ย 2-5% โดยดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไปครั้งละ 2% ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ต้นปี 2556 เป็นต้นไป

...เช่นเดียวกับทางด้าน “กิฟฟารีน” ก็ได้ออกมาบอกว่า ไม่มีนโยบายที่จะปรับราคาสินค้าขึ้นแต่อย่างใด โดยจะยังคงตรึงสินค้าเดิมไว้อีก 5 ปี เนื่องจากปัจจุบันนี้พบว่า ซัพพลายเออร์วัตถุดิบยังไม่มีรายใดที่ปรับขึ้นราคา อีกทั้งบริษัทฯ เอง ยังเตรียมวางแผนซื้อวัตถุดิบเป็นวอลุ่มใหญ่ไว้อีกด้วย พร้อมกับกล่าวย้ำอีกว่า หากทิศทางต้นทุนวัตถุดิบขึ้นราคาและบริษัทฯ รับไม่ไหว ตรงนี้จำเป็นต้องขึ้นราคาสินค้าด้วยเช่นกัน แต่ตอนนี้ยังไม่มี โดยต้องรอดูครึ่งปีหลังก่อน

ด้าน “อาวียองซ์” ก็ออกมายอมรับว่า นโยบายขึ้นค่าแรงถือเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทฯ ได้มีการพิจารณาประเด็นดังกล่าวไว้เหมือนกัน แต่ยังไม่มีแผนปรับขึ้นราคา และเบื้องต้นอาจจะยังตรึงราคาไว้ก่อน

…ส่วนทางด้าน “แอมเวย์” ก็ได้พูดถึงในเรื่องของค่าแรง 300 บาท ที่จะมีผลต่อการปรับราคาสินค้าของบริษัทฯ หรือไม่นั้น ทางด้าน “กิจธวัช ฤทธีราวี” กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศ ไทย) จำกัด ก็ได้เปิดเผยว่า เรื่องของการขึ้นค่าแรง 300 บาท จะมีผลต่อการปรับราคาสินค้าของแอมเวย์หรือไม่นั้น คงต้องบอกว่า ก่อนหน้าที่จะมีนโยบายการขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำ 300 บาทนั้น แอมเวย์เองได้มีการปรับขึ้นสินค้าบางรายการบ้างแล้ว ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ด้าน “ตาฮิเตียน โนนิ” ก็ได้บอกว่า ในการปรับขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำ 300 บาทนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ ต่อธุรกิจขายตรงเลย โดยเป็นการส่งผลดีด้วยซ้ำ ในขณะนี้เดียวกัน “ตาฮิเตียน โนนิ” ก็ไม่ได้มีแผนใดๆ มารองรับในจุดนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการปรับราคาสินค้า หรือการปรับเปลี่ยนแผนโปรโมชั่นต่างๆ โดยในส่วนของราคาสินค้านั้น ทาง “ตาฮิเตียน โนนิ” จะมีการปรับตามมาตรฐานของสำนักงานใหญ่อเมริกาเป็นหลัก และในปีนี้ จึงไม่มีแผนที่จะปรับขึ้นราคาสินค้าแต่อย่างใด

...เช่นเดียวกับ “คังเซน เคนโก” ที่ได้พูดถึงการปรับขึ้นค่าแรงว่า ไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจขายตรงแต่อย่างใด ซึ่งน่าที่จะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการโรงงานเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากต้องมีการปรับขึ้นค่าแรงให้กับพนักงานจำนวนมาก โดยกรณีดังกล่าวนี้ ส่งผลให้ต้นทุนในการผลิตสินค้าสูงขึ้น ผู้ประกอบการจึงต้องมาปรับราคาสินค้ากับผู้บริโภค เหมือนกับเป็นลูกโซ่ สะท้อนมาสู่ผู้บริโภคอีกต่อหนึ่งนั่นเอง แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อมีการปรับราคาสินค้าในท้องตลาด หรืออัตราค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิม ก็จะส่งผลให้ประชาชนจำนวนมาก ต้องการมีรายได้เสริมเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่าทุกอย่างจะมีการสอดคล้องเกี่ยวเนื่องกันหมด

...จะเห็นได้ว่า การปรับขึ้นค่าแรง 300 บาท นี้ ค่อนข้างที่จะเกี่ยวเนื่องกับทุกธุรกิจ ทุกอุตสาหกรรม แต่แม้ว่าธุรกิจขายตรงเอง ที่หลายๆ ผู้ประกอบการ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่กระทบ แต่ท้ายสุดแล้วเชื่อว่า ย่อมกระทบหมดทุกอย่างแน่นอนไม่เชื่อค่อยดู!

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1295 ประจำวันที่ 28-4-2012 ถึง 1-5-2012       

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น