ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพุธที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2555

ขายตรง ‘บีฮิป’ ฟุ้ง 4 ด. ยอดขาย 200 ล.แจง ‘มากี้ เบอร์รี่’ โดนอย.ฟัน แค่ข่าวลือ



“บีฮิป” บอก “มากี้ เบอร์รี่” สินค้าเรือธงผ่านด่าน อย. เรียบร้อย กลบข่าวสินค้าหลักโดนถอนใบอนุญาต พร้อมยิ้มปลื้ม เมื่อยอดขายของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวพุ่งสูง 4 เดือน ยอดขายทะลุ 200 ล้านบาท เตรียมส่งต่อความแรงด้วยการเข็นสินค้าล็อตใหม่เข้ามาเสริมทัพอีกหลายรายการ เน้นการฝึกอบรมในทุกๆ ด้าน ตั้งเป้าสิ้นปีนี้ยอดขายโดยรวมต้องทะลุ 700 ล้านบาท

นายชัยวัฒน์ชัยจินดาวัธน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีฮิป (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยต่อ “สยามธุรกิจ” เกี่ยวกับแผนกลยุทธ์ของบริษัทในปี 2555 ว่า บริษัทเตรียมที่จะนำสินค้า ในส่วนของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเข้ามาเพิ่มอีก 3-4 ชนิด หลังจากผลิตภัณฑ์หลัก น้ำผลไม้มากี้ เบอร์รี่ ซึ่งได้รับการจดทะเบียน จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ไปเมื่อปลายปีที่แล้วนั้นได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค ดังจะเห็นได้จากขณะนี้ มากี้ เบอร์รี่ มีสัดส่วนยอดขายอยู่ถึง 45% จากยอดขายโดยรวมทั้งหมด ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมาบริษัทสามารถปิดยอดขายได้ที่ 465 ล้านบาท เกินเป้าที่วางไว้ คือ 400 ล้านบาท

“ผลิตภัณฑ์ชนิดใหม่ บริษัทจะเน้นการใช้วัตถุดิบที่มีในเมืองไทยมากขึ้น เพื่อส่งเสริมความเป็นไทย โดยในขณะนี้เรากำลังยื่นเสนอ แนวคิดดังกล่าวไปยังบริษัทแม่ เพื่อพิจารณา อนุมัติ ซึ่งหากผลตอบรับเป็นไปในทางบวก ตนเชื่อว่าจะส่งผลดีในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการช่วยลดต้นทุนของการผลิต บริษัทมีสินค้าเป็นของตนเอง ซึ่งอาจนำมาสู่การส่งออกไปยังบริษัทบีฮิปในประเทศอื่นๆ อันจะเป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายและรายได้ให้แก่บีฮิปเมืองไทยมากขึ้น”

แผนงานต่อเนื่องจากการเพิ่มจำนวนสินค้า บริษัทได้มีนโยบายการฝึกอบรม ซึ่งจะเน้นการให้ความรู้เกี่ยวกับรายละเอียดของสินค้าเพิ่มขึ้นด้วย เพื่อสมาชิกทุกคนจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค อันจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้บีฮิปได้ต่อไป นอกจากนี้ คอร์สการฝึกอบรมต่างๆ บริษัทก็จะจัดหลักสูตรเน้นในด้านไลฟ์สไตล์ต่างๆ เพิ่มขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสังคมหรือการฝึกความเป็นผู้นำ ซึ่ง ตนคาดว่าน่าจะส่งผลดีกว่าเน้นการอบรมเฉพาะแผนทางธุรกิจดังเช่นที่ผ่านมา

ส่วนทิศทางการดำเนินงานอื่นๆ คงเป็นไปตามแผนเดิมที่บริษัทได้วางไว้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแผนที่กำหนดไว้ในระยะยาว เช่น 4 เดือน หรือ 6 เดือน โดยมีการยึดตามหลักเกณฑ์ของบริษัทแม่ 

“อย่างไรก็ดี ในปีนี้บริษัทบีฮิปเมืองไทย ก็คาดว่าจะหันมาเน้นตลาดในกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น เพราะการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ของกลุ่มคนเหล่านี้จะเป็นไปโดยง่าย จากการใช้เทคโนโลยีรุ่นใหม่หรือการใช้สื่อสังคม ออนไลน์ที่กำลังมีอิทธิพลอย่างมากในปัจจุบัน โดยขณะนี้สมาชิกของบริษัท ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในวัยกลางคนนั้นมีทั้งหมดประมาณ 3 หมื่นรหัส สมาชิกแอ็กทีฟประมาณ 40% ดังนั้นเมื่อบริษัทมีสินค้าที่มีคุณภาพ และหันมาเจาะตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ มากขึ้น คาดว่าตลาดจะยิ่งขยายไปโดยกว้าง และเติบโตอย่างต่อเนื่องตามที่วางเป้าไว้ โดยในปลายปีนี้บีฮิปวางเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 700 ล้านบาท” ชัยวัฒน์ กล่าว

ทั้งนี้ “ชัยวัฒน์” ยังได้แสดงทรรศนะเกี่ยวกับธุรกิจขายตรงของประเทศภายในปีนี้ว่า จะต้องมีทิศทางที่ดีขึ้นและเติบโตขึ้น อย่างแน่นอน เนื่องจากภาพลักษณ์ของธุรกิจขายตรงในปัจจุบันเริ่มกลายเป็นสีขาว ประชาชนเชื่อถือในธุรกิจนี้มากขึ้น และขณะนี้จะเห็นได้ว่า มีบริษัทขายตรงเปิดใหม่ เกิดขึ้นมากมาย สิ่งนี้จะยิ่งทำให้ประชาชนมีทางเลือกในการเข้าถึงธุรกิจขายตรงมากขึ้น

ส่วนกรณีการปรับขึ้นค่าแรง ซึ่งส่งผลกระทบต่อหลายๆ ธุรกิจอยู่ในขณะนี้ ตนเชื่อว่า ไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อธุรกิจขายตรง และอาจส่งผลดีด้วยซ้ำ เพราะผู้ที่เป็นลูกจ้างประจำจะมีโอกาสในการเข้าถึงอาชีพเสริม ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ถ้ามีรายได้เพิ่มขึ้น ประชาชนก็มีโอกาสมองหาอาชีพเสริมที่เข้ากับเขาได้มากกว่า ในแง่การปรับกลยุทธ์เพื่อรองรับกับสถานการณ์การขึ้นค่าแรงดังกล่าว ในขณะนี้บริษัทยังไม่มีแผนใดๆ มารองรับในจุดนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการปรับราคาสินค้า หรือการปรับเปลี่ยนแผนโปรโมชั่นต่างๆ เพราะในแง่ราคาสินค้าของบริษัทจะ มีการปรับตามมาตรฐานของสำนักงานใหญ่ อเมริกา ฉะนั้นในปีนี้บริษัทจึงไม่มีแผนที่ จะปรับขึ้นราคาสินค้าอย่างแน่นอน 

 ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1294 ประจำวันที่ 25-4-2012 ถึง 27-4-2012   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น