คามิโอเฮ้าส์ เร่งเจาะสถานศึกษา ขยายฐานสมาชิก/ผู้บริโภครุ่นใหม่

 

คามิโอเฮ้าส์ เร่งแผนขยายฐานกหลุ่มคนรุ่นใหม่ ลงลึกเจาะสถานศึกษา พร้อมเดินหน้าสานต่อกิจกรรมเพื่อสังคม ภายใต้โครงการคามิโอเฮ้าส์ รวมใจ ลดการเสี่ยงภัยมะเร็งเต้านม สร้างแบรนด์อะแวร์เนส ระยะยาว ย้ำชัดไม่มีแผนการเข้าไปลงทุนตั้งสาขาในต่างประเทศ เพราะไทยยังมีศักยภาพสูง ส่ดเป้าสิ้นปีวางยอดขายเติบโต 10%

            เสริมสุข บูรพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คามิโอเฮ้าส์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนการสร้างบุคคลากรและขยายฐานลูกค้าใหม่ จากเดิมที่กลุ่มสมาชิกและลูกค้าหลักจะเป็นกลุ่มคนอายุ 30-40 ปี โดยต้องการสร้างนักขายและผู้บริโภคกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจดูแลในเรื่องความสวยความงามและดูแลรูปร่าง ซึ่งล่าสุด เปิดโครงการใหม่ สมาชิกเข้าไปเจาะกลุ่มนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาถึงมหาวิทยาลัย จากเดิมจะเป็นกลุ่มคนทำงานออฟฟิศเป็นหลัก " ที่ผ่านมาการเจาะเข้ากลุ่มในระดับโรงเรียนมีการทำไปแล้วในส่วนของระดับครูอาจารย์ แต่ในปีนี้จะรุกหนักเจาะตรงกลุ่มนักเรียนโดยเฉพาะ ด้ายการตั้งบูธ ตามสถานศึกษา โดยจะเน้นการให้ความรู้เกี่ยวกับการเลือกสวมใส่บราที่ถูกต้อง รวมถึงแสดงให้เห็นถึงสรีระที่เปลี่ยนแปลงได้ คุณประโยชน์ของสินค้าที่พิสูจน์ได้จริง และขณะนี้ได้เริ่มแล้วในกลุ่มนักเรียนระดับ ปวส. เบื้องต้นจะเน้นในเขตเมืองขนาดใหญ่ ก่อนที่จะกระจายไปตามพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ"

            นอกจากนี้บริษัทมีการสานต่อแผนการจัดกิจกรรมเพื่อสังคม หรือ CSR (Corporate Socila Respondsibility) ภายใต้โครงการ คามิโอเฮ้าส์ รวมใจ ลดการเสี่ยงภัยมะเร็งเต้านมร่วมกับสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สภากาชาดไทย ที่ทำมาแล้วเป็นระยะเวลา 6 ปี โดยจะเพิ่มการร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆมากขึ้น ทั้งในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข องการบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในส่วนภูมิภาค เพื่อิทำการให้ความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องมะเร็งเต้านม การตรวจเต้านมด้วยตนเอง การรับประทานอาหารที่ถูกต้อง ไม่ใช่เฉพาะเรื่องการใช้บราเท่านั้น ซึ่งโครงการดังกล่าว จะช่วยสร้างแบรนด์อะแวเนสให้บริษัทในระยะยาวได้ด้วย

            เสริมสุข กล่าวต่อว่า เพื่อเป็นการสร้างศักยภาพผู้นำและสมาชิกให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น ในปีนี้จะมีการเน้นหนักการจัดประชุมสัญจรระดับผู้นำใเขตพื้นที่ต่างๆ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล รับรู้ปัญหา เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในตลาดภาคใต้ เนื่องจากเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงมาก โดยพื้นที่ดังกล่าวมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้ยอดขายในปีที่ผ่านมา มีการเติบโตรวม 40% เมื่อเทียบกับปี 2553 แม้ว่าปีที่แล้วจะมีปัญหาเรื่องอุทกภัยก็ตาม และในปีนี้คาดว่า การเติบโตจะมีประมาณ 10%  เนื่องจากฐานตลาดเริ่มใหญ่ ทำให้การเติบโตเริ่มลดลง

            ขณะที่การลงทุนนั้น ในปีนี้จะมีการลงทุนด้สนเครื่องจักรเพื่อขยายกำลังผลิตรับการเติบโต แต่ลักษณะของการลงทุนบริษัทจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งบริษัทจะมองการเติบโตที่มั่นคงไม่หวือหวา ซึ่งในปีที่ผ่านมาถือว่าตลาดอุตสาหกรรมสิ่งทอเติบโตได้ดีมาก มีการขยายงานเพืิิ่มขึ้น แต่ปัญหาที่พบจะเป็นเรื่องของฝีมือแรงงาน ซึ่งฝึกให้เชี่ยวชาญและชำนาญงานยาก ดังนั้น เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวในช่วงไตราสที่2 ของปี 2555 บริษัทจะมุ่งเน้นการเพิ่มศักยภาพและเพิ่มคนงานมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มศักยภาพของชิ้นงานได้เพิ่มขึ้นราว 40% จากความสามารถเดิมที่ทำได้

            สำหรับแผนขยายตลาดไปยังต่างประเทศนั้น บริษัทยังไม่มีแผนขยายสาขาหรือการลงทุนในขณะนี้ เนื่องจากต้องการสร้างฐานที่แข็งแกร่ง ในตลาดเมืองไทยก่อน เพราะมองว่า ช่องว่างทางการตลาดของประเทศไทยยังมีอีกมาก อีกทั้งปัจจุบันสินค้าที่ไปยังต่างประเทศส่วนใหญ่เป็นการขายผ่านผู้นำในแถบชายแดนของประเทศไทยมากกว่า

 ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:  นสพ พาวเวอร์ เน็ตเวิร์ค