ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพุธที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2555

‘สุพรีเดอร์ม’ อัดผังอบรมถี่ดึงศรัทธา หลังนักขายส่ายหัวยกมือปิด ‘นูทริเดอร์ม’


“สุพรีเดอร์ม” หันหางเสือกลับ เน้นเป้าบริษัทเดียว หลังปีที่ผ่านมาให้น้ำหนักบริษัทลูก “นูทริเดอร์ม” ทำยอดขายร่วง เหตุนักขายไม่เอาด้วย ชักธงจัดอบรมถี่ พร้อมเพิ่มศูนย์ประชุมเป็น 100 แห่ง ดันสินค้าเสริมอาหารเป็นเรือธงไต่ฝันพันล้าน


นายธรรมนูญ สมบูรณ์สิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท สุพรีเดอร์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผย “สยามธุรกิจ” ว่า ยอดขายโดยรวมเมื่อปีที่แล้ว บริษัทปิดยอดได้ที่ 700 ล้าน บาท ซึ่งไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดย สาเหตุหลัก เกิดจากบริษัท สุพรีเดอร์ม ซึ่ง เดิมใช้แผนการตลาดแบบสแตร์สเต็ป แต่ ในปี 2554 บริษัทได้เปิดบริษัทลูกขึ้น ในนาม “นูทริเดอร์ม” โดยใช้แผนการตลาดแบบไบนารี่ ซึ่งปรากฏว่า การปรับบริษัทในครั้งนั้น แผนการตลาดดังกล่าวของบริษัทไม่ประสบความสำเร็จ สมาชิกโดยส่วนใหญ่ปรับตัวไม่ได้กับแผนแบบไบนารี่ สิ่งนี้จึงทำให้ระบบการจัดการ และเป้าหมายยอดขายไม่เป็นไปตามที่วางไว้


โดยในปี 2555 นี้ บริษัทจึงหันกลับมาใช้แผนธุรกิจในรูปแบบเดิม และกลับมาเน้นที่ บริษัท สุพรีเดอร์มฯ อีกครั้งเช่นกัน ส่วนกลยุทธ์ทางการตลาดอื่นๆ ที่จะพิชิตเป้าหมายยอดขายอีกครั้ง คือ การเน้นโปรโมชั่นต่างๆ เป็นแรงกระตุ้น โดยเฉพาะโปรฯท่องเที่ยว ซึ่งบริษัทจะเปลี่ยนกฎเกณฑ์ ในรูปแบบใหม่ คือ จากเดิมที่บริษัทใช้ระบบอิงกลุ่ม เปลี่ยนมาใช้ระบบอิงเกณฑ์ หากใครผ่านเกณฑ์ที่บริษัทกำหนดก็สามารถไปท่องเที่ยวได้เลย และหากใครเก่งทำเป้าได้สูง ก็อาจจะไปท่องเที่ยวได้มากกว่า 2 ที่นั่ง


นอกจากนี้ สุพรีเดอร์ม ยังได้ชื่อว่า เป็นผู้นำทางด้านผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ดังนั้นในปีนี้ บริษัทจึงมีสินค้าชนิดใหม่ ที่จะมาเป็นผลิตภัณฑ์หลักอีกหลายชนิดให้สมาชิกสามารถนำไปเสนอต่อผู้บริโภค


“ปัจจุบันสินค้า ของบริษัทมีประมาณ 300 รายการ โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีสัดส่วนยอดขาย ประมาณ 45% กลุ่มผลิตภัณฑ์คอสเมติก มีสัดส่วนยอดขายประมาณ 30% กลุ่มผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน และกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตร ในสัดส่วนเท่าๆกัน ซึ่งในปีนี้ตนคาดว่าจะมีแผนงานเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์สินค้าของบริษัทเพิ่มขึ้นอีกด้วย”


ส่วนในเรื่องการอบรม ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจเครือข่ายอีกอย่างหนึ่งนั้น บริษัทก็พยายามจัดการฝึกอบรม ในคอร์สต่างๆ เพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของสมาชิก และพนักงาน เพื่อให้พวกเขามีความรู้ที่จะสามารถบริการหรือตอบสนองความต้องการต่างๆ ของผู้บริโภคได้ โดยบริษัท จะมีระบบการจัดฝึกอบรมในทุกๆ วันพุธ ส่วนศูนย์สาขาต่างๆ ก็จะมีการจัดประชุม ในทุกๆ เสาร์-อาทิตย์ นอกจากนี้ จะมีการ จัดอบรมพิเศษในเรื่องของสินค้า และกิจกรรมต่างๆ อีกมากมาย


โดยในเรื่องของศูนย์อบรมหรือสาขา ของบริษัทนั้น ในขณะนี้มีอยู่ทั้งหมดประมาณ 96 สาขา กระจายไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ทั้งนี้สัดส่วนของยอด ขายส่วนใหญ่ก็ยังอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยในปีนี้หากทุกอย่างดำเนินไปตามแผนที่วางไว้ ตนก็อยากที่จะเปิดสาขา ให้ครบ 100 สาขา


ทั้งนี้เมื่อกล่าวถึงกระแสการเตรียมตัวรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ว่า บริษัทมีการเตรียมตัวอย่างไรบ้างนั้น นายธรรมนูญ กล่าวว่า “ตนขอเรียนตามตรงว่า ในตลาดต่างประเทศ บริษัทก็อยาก จะขยายสาขาเช่นเดียวกับบริษัทอื่นๆ แต่ในขณะนี้ก็คงยังไม่มีแผนที่จะขยายไปอย่างแน่นอน เนื่องจากตลาดภายในประเทศ ก็ยังมีอีกจำนวนมากอยู่ และผู้บริโภคภายใน ประเทศก็มีกำลังซื้อและยังมีความต้องการดูแลสุขภาพอีกเยอะมาก ตนจึงยังคงชะลอการขยายออกสู่ตลาดต่างประเทศไปก่อน”


นอกจากนี้ นายธรรมนูญ ยังได้แสดง ความคิดเห็นถึงภาพรวมของธุรกิจเครือข่ายภายในประเทศในปีนี้ ว่า ขายตรงภายในประเทศยังสามารถเติบโตเพิ่มขึ้นอีกมาก เพียงแต่บริษัทและสมาชิกของบริษัทนั้นๆ จะต้องดำเนินธุรกิจอย่างมืออาชีพมากขึ้นเช่นกัน 


ส่วนในประเด็นการขึ้นค่าแรงที่เป็น กระแสอยู่ในขณะนี้ ตนมองว่าผลกระทบก็คงมีบ้าง ซึ่งบริษัทก็เตรียมปรับขึ้นค่าแรง ให้กับพนักงานตามที่รัฐบาลกำหนด ซึ่งแม้ การปรับค่าแรงดังกล่าวจะทำให้ต้นทุนในการบริหารจัดการ หรือต้นทุนทางการผลิต เพิ่มขึ้น แต่บริษัทก็ไม่มีแผนที่จะเพิ่มราคา สินค้า เพื่อลดค่าใช้จ่ายดังกล่าว คงพยายามเน้นให้ทุกคนพยายามทำงานแบบมืออาชีพมากขึ้น ในปีนี้ บริษัทได้มีการตั้งเป้าหมาย ยอดขายว่า บริษัทจะต้องพิชิตยอดขาย 1,000 ล้านบาทให้ได้ ซึ่งตนมั่นใจว่าบริษัท ไม่พลาดเป้าเช่นปีที่แล้วอย่างแน่นอน


 ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1294 ประจำวันที่ 25-4-2012 ถึง 27-4-2012   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น