ขายตรงไทยเนื้อหอมสุดๆ น้องใหม่ทยอยเปิดตัวกันอย่างคึกคัก ค่ายแกแลคซี่ จับมือยินดี เนเจอร์ ผลิตสินค้าวางตลาด ชูผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเอาใจคนรักสุภาพ ด้านไวต้าอีส ฉีกแนวสร้างความแตกต่าง กับแผน Smart Binary หวังผลักดันสมาชิกเพิ่มขึ้น 200รหัส ด้าน เมก้าบัคส์ ลุยจัดอบรมพัฒนาศักยภาพสมาชิกให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ฝั่งพระรามเก้า เน็ตเวิร์ค ขยับเท้าเล็งข้ามชอตไปตลาดเพื่อนบ้าน รองรับตลาด AEC ปี '58
ตลาดขายตรงไทยยังคงสดใสรับกระแสปีงูใหญ่ หลังไตรมาสแรกของปี 2555 เพิ่งผ่านพ้นไป จะเห็นได้ว่ามีผู้ประกอบการหลายบริษัทต่างทยอยขอใบอนุญาตการประกอบธุรกิจขายตรง จากสำนักงานคณะกรรมการการคุ้มครองผู้บริโภคหรือ สคบ. กันหลายราย ซึ่งมีทั้งผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตแล้ว และยังไม่ได้รับใบอนุญาติ ซึ่งก็ต้องรอผลการตรวจสอบผลตอบแทนและเอกสารต่างๆ กันต่อไป ขณะที่ตลาดขายตรงกำลังคึกคัก ยังมีอีกหลายบริษัทที่มองเห็นโอกาสของตลาดไทย และกำลังกระโดดไปสู่สมรภูมิขายตรง เพื่อแย่งชิงเค้กก้อนโตที่มีมูลค่าสูงกว่า 60,000ล้านบาท
ตลาดขายตรงคึก
แกแลคซี่รุกเสริมอาหารเจาะกลุ่มผู้หญิง
ปุณยวีย์ อุดมประเสริฐคุณ ประธานบริหาร บริษัท แกแลคซี่ ออนไลน์ จำกัด กล่าวในช่วงแรก บริษัทจะวางจำหน่ายสินค้า 2 รายการในรูปแบบแคปซูลเสริมอาหารและกาแฟควบคุมน้ำหนักสำหรับผู้หญิง ซึ่งบริษัทมองว่า สินค้าดังกล่าว จะเป็นสินค้านำร่อง ที่จะได้รับความนิยมอย่างสูงจากผู้บริโภค ผนวกกับยริษัทมีความมั่นใจเกี่ยวกับกาแฟของผู้ผลิตอย่าง ยินดีเนเจอร์ ว่าจะสามารถขยายตลาดได้ในอนาคต
สำหรับแผนการตลาดบริษัทจะเน้นสื่อออนไลน์ ซึ่งเป็นการตลาดที่กำลังแพร่หลายในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นช่องทางที่สะดวกสบาย ง่ายสำหรับผู้ที่จะสั่งซื้อสินค้า และสมาชิกที่สามารถทำงานจากที่บ้านผ่านอินเทอร์เน็ตได้ โดยไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทาง
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายประมาณ 10-20 ล้านบาทต่อเดือน และคาดว่าจะมีจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็น 200รหัส จากปัจจุบันที่มีจำนวนสมาชิกกว่า 1,000 รหัส นอกจากนี้ยังวางแผนที่จะสร้างแม่ทีม ให้มีความโดดเด่นอีกประมาณ 3-4 น โดยจะใช้เวลาในการสร้างไม่เกิน 3 เดือน ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพูดคุยทางธุรกิจ หากตกลงกันได้ บริษัทก็พร้อมที่จะตั้งตำแหน่งทางธุรกิจ และเปิดตัวทันที
ขณะที่แผนการจ่ายผลตอบแทน บริษัมได้เลืือกแผนแบบไบนารี่ เนื่องจากเป็นแผนที่ได้รับความนิยมอย่างสูง และเป็นแผนที่มีความยุติธรรมในการแบ่งผลตอบแทนมากที่สุด นอกจากนี้ ยังมีแผนในการอบรมสัมมนาโดยในการอบรมแต่ละครั้งบริษัทจะเชิญวิทยากรจากภายนอกมาให้ความรู้แก่สมาชิก
ไวต้าอีสชูแผน Smart Binary
สรยุทธ วิไลลักษณ์ ประธานบริษัท ไวต้าอีส เน็ทเวิร์ค จำกัด กล่าวว่า บริษัทเพิ่งเปิดตำแหน่งธุรกิจอย่างเป็นทางการในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา โดยปัจจุบัน มีกลุ่มผู้บริโภค และนักธุรกิจอิสระหลายรายให้ความสนใจและเข้าร่วมดำเนินธุรกิจประมาณ 5,000 ราย เบื้องต้นบริษัทมองว่า เหตุผลที่สมาชิกเลือกเข้ามาร่วมกับบริษัท เพราะไวต้าอีส มีแผนการตลาดที่แตกต่างจากบริษัทอื่นๆ อีกทั้งผู้ที่เข้ามาร่วมงานกับบริษัทยังสามารถปรับแผนการตลาดให้เจ้ากับไลฟ์สไตล์หรือวิถีชีวิตของตนเองได้ตามต้องการ
สำหรับแผนการจ่ายผลตอบแทนที่บริษัทเลือกใช้คือ แผนแบบ Smart Binary ที่มีความแตกต่างจากบริษัทอื่นๆ เพราะ นักธุรกิจอิสระของบริษัทสามารถเลือกทำธุรกิตจด้วยไลฟ์สไตล์ในแบบของตนเองได้ และยังสามารถสร้างรายได้โดยผ่านแผนกลยุทธ์ V ได้แก่ V Money เป็นวิธีการสร้างรายได้จากไลฟ์สไตล์ของนักธุรกิจอิสระ โดยสมาชิกไม่ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต และยังสามารถมีรายได้ตอบแทน โดยเป็นการนำเอาเงินสดมาแลกเป็นบันแทนเงินสด ที่ V Shop แล้วนำบัตรดังกล่าวไปใช้ในร้านค้าหรือบริการที่เป็นพันธมิตรกับไวต้าอีสได้ทั่วประเทศ ซึ่งการนำบัตรเงินสดของไวต้าอีสไปใช้นั้น สมาชิกจะได้รับคะแนนสะสมแต้มและกลับคืนเป็นรายได้ในช่วงปลายเดือน
ขณะที่กลยุทธ์ V ตัวต่อมาคือ V connect เป็นระบบการทำงานที่นักธุรกิจของไวต้าอีสสามารถทำธุรกรรม และขยายธุรกิจได้ด้วยระบบดิจิตอลออนไลน์ ซึ่งทำให้นักธุรกิจทุกคนสามารุชักชวนหรือสื่อสารกับผู้ที่สนใจเข้าร่วมทำงานกับไวต้าอีสได้โดยง่าย และยังสามารถสร้างความรู้ความเข้าใจในระบบการทำธุรกิจเครือข่ายของบริษัทได้โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง พร้อมกันนี้ ยังมี V call เมื่อโทรหาสมาชิกที่ใช้ระบบเดียวกันก็จะได้คะแนนสะสม และเปลี่ยนเป็นรายได้ตามมา
นอกจากนี้ V shop เป็นช่องทางขายสินค้าให้กับสมาชิกโดยปัจจุบันมีช่องทางดังกล่าว 10 แห่ง ซึ่งเป็นช็อปเพื่อให้บริการสินค้า และศูนย์กลางการฝึกอบรมพนักงาน ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งบริษัทลงทุนเองทั้งหมด ด้วยงบประมาณ 400,000-500,000 บาทต่อสาขา ขึ่นอยู่กับขนาดของพื้นที่ ขณะที่แม่ทีมสามารถลงทุนเปิดศูนย์ฝึกอบรมได้ ทั้งนี้ต้องมีสมาชิกอยู่ในทีมไม่ต่ำกว่า 500 คน
ในส่วนของ V Quick เป็นการจัดส่งสินค้ามให้กับผู้บริโภค และนักธุรกิจไวต้าอีสถึงบ้าน และส่วนสุดท้ายคือ V VIVOORZY เป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัท ซึ่งปัจจุบันมี 2 กลุ่ม คือกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Vitalife และกลุ่มผลิตภัณฑ์สกินแคร์ VIVO Skincare โดยมีครีมบำรุงผิวหน้าและเซรั่ม โดยผลิตภัณฑ์ทั้ง 2กลุ่ม บริษัทได้นำมาบรรจุเอง โดยใช้โรงงานของพาร์ทเนอร์ ซึ่งได้มีการนำแมททีเรียล หรือวัตถุดิบมาจากต่างประเทศ อย่างเช่น สหรัฐอเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ และญี่ปุ่น และในปีนี้บริษัทจะมีการร่วมกับบริษัทในต่างประเทศพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพออกมาอีกประมาณ 10 รายการ ทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและสกินแคร์ และอีก 3 ปัข้างหน้า จะมีการลงทุนสร้างโรงงานเองเพื่อผลิตสินค้าของไวต้าอีส แต่วัตถุดิบยังควนำเข้าจากต่างประเทศ
สำหรับแผนการตลาด บริษัทได้วางงบประมาณ 10-15% หรือประมาณ 10-15 ล้านบาท จากยอดขายที่ปีนี้ตั้งเป้าไว้ 100 ล้านบาท จากปัจจุบันบริษัทดำเนินธุรกิจมา 6 เดือน มีรายได้ไปแล้วประมาณ 30 ล้านบาท โดยกิจกรรมการตลาดจะเน้นฝึกอบรมให้กับสมาชิก การโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ และเคเบิล ทีวี เพื่อสร้างแบรนด์ไวต้าอีสให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ขณะที่เป้าหมายของสมาชิกตั้งเป้าทั้งปีที่ 30,000 รหัส
เมก้า บัคส์ ลุยเพิ่มศักยภาพสมาชิก
พัชรพล คฤหโยธิน ประธานกรรมการบริษัท เมก้า บัคส์ จำกัด กล่าวกับ "เดอะ พาวน์เวอร์ เน็ตเวิร์ค" เหตุผลของการเปิดบริษัท เมก้า บัคส์ฯ เพื่อต้องการสร้างบริษัทขายตรงที่สามารถสร้างอาชีพให้กับทุคน โดยมีรายได้ที่มั่นคง ไม่เน้นแผนระดมทุน หรือสร้างภาพ โดยบริษัทได้ใช้แผนการตลาดที่ช่วยให้ทุกคนสามารถประสบความสำเร็จได้ง่าย และเป็นแผนการจ่ายผลตอบแทนที่จ่ายได้จริง ส่วนสินค้าที่นำมาจำหน่าย บริษัทได้คัดเลือกจากโรงงานที่ได้รับมาตรฐาน มีการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง
ทั้งนี้ในเดือนเมษายนนี้ บริษัทได้เตรียมคอร์สฝึกอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพสมาชิก และแนะนำวิธีการทำธุรกิจอย่างถูกต้อง โดยใช้ชื่อว่า P -MASS System โดย P มาจาก Professional, M มาจาก Marketing and Management, A คือ Administration &Achievement , S คือ Success, Sคือ system แปลได้ว่า ระบบสู่ความสำเร็จ ระบบการจัดการทางการตลาดอย่างมืออาชีพ ปัจจุบันมี 3คอร์สหลัก ที่จัดอบรมให้แก่สมาชิก ในวันอังคารและวันพฤหัสคือ OPP และทุกวันเสาร์ Mega OPP อีกด้วย
ในส่วนของแผนการสร้างผู้นำใหม่นั้น บริษัทไม่มีนโยบายซืื้อตัวผู้นำ แต่จากการที่ผู้นำหลายค่อยเห็นโอกาสทางธุรกิจกับบริษัทจึงเข้ามาร่วมงาน อีกส่วนหนึ่งจากสายสัมพันธ์จากการที่อยู่วงการขายตรงมานาน มีหลายคนต้องการมาเปิดรหัสในช่วงบุกเบิก หรือจะกล่าวได้ว่า กลุ่มนักธุรกิจของบริษัทมีความหลากหลาย นอกจากนี้บริษัทยังมีทีมผู้บริหารสมาชิกที่มีประมาณ 20 คน
อย่างไรก็ตามบริษัทได้ บริษัทตั้งเป้ายอดขาย ภายในปีนี้ ไว้ที่ 10 ล้านบาทต่อเดือน และจะมีสินค้าวางตลาดไม่ต่ำกว่า 10 รายการ รวมถึงเป้าหมายที่จะสร้างผู้นำหน้าใหม่ๆ มาประดับวงการขายตรง
พระรามเก้าตั้งรับตลาด AEC
เสกข์สรร ธีระวาณิชย์ ประธานกรรมการ บริษัท พระรามเก้า เน็ตเวิร์ค จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีสินค้าจำหน่ายในระบบ 2 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มสกินแคร์ ที่วางจำหน่ายแล้วและ 2.กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ได้แก่ ยาบำรุงร่างกายชนิดน้ำ ยาบำรุงร่างกาย ซึ่งบริษัืได้วางไว้เป็นกลุ่มสินค้าหลักที่จะสร้างรายได้ให้กับบริษัท ขณะที่สินค้าในกลุ่มเสริมอาหาร จะวางตลาด 3รายการ โดยจะเน้นที่กลุ่มรูปร่างและผิวพรรณ ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งเป้ารายได้ 100 ล้านบาท และตั้งเป้ามีจำนวนสมาชิก 10,000-20,000 ราย ขณะที่แผนงานในการดำเนินธุรกิจปีแรกจะเน้นไปในเรื่องของการบริหารจัดการ เพื่อสร้างความพร้อมให้กับสมาชิก ขณะที่การสื่อสารบริษัทจะมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้ไปยังสื่อทีวี โดยจะเห็นได้ใน เฟส 2 ซึ่งกลุ่มเป้าหมายเบื้องต้นที่วางไว้จะเน้นพื้นที่กรุงเทพฯ จับกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นและวัยทำงานเป็นหลัก
อย่างไรก็ตามในปี 2558 ที่จะเปิดเขตการค้าเสรี ประชาคมอาเซียน หรือ AEC อย่างเต็มรูปแบบนั้น บริษัทมองว่าจะมีผลต่อภาษีนำเข้าเป็นหลัก และในอนาคตจนักลงทุนต่างประเทศจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งจะเป็นแรงพลักดันให้กับนักธุรกิจในไทยต้องออกไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันได้มีบริษัทยา เหมือนกับบริษัท ยาพระรามฯ ได้เข้าไปเปิดตลาดใหม่ในตลาดประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ส่งผลให้ปัจจุบัน ตลาดเวชภัณฑ์ในต่างประเทศมีการแข่งขันที่สูงขึ้น ขณะที่บริษัท ยาพระรามฯ ได้อยู่ในตลาดมานาน ทำให้มีฐานลูกค้าจำนวนมากนั้นไม่ได้รับผลกระทบต่อยอดขาย แต่บริษัทก็ไม่ประมาทและได้มีการเตรียมวิธีรับมืออยู่ตลอดเวลา
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ พาวเวอร์ เน็ตเวิร์ค
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น