ฮือฮากันพอสมควรเมื่อมหาเศรษฐีระดับโลกอย่าง Donald Trump ลงทุนในธุรกิจเครือข่าย และค่อยๆโด่งดังยิ่งขึ้น เมื่อมีข่าวว่า Antoine Nohra นักธุรกิจใหญ่จากแคนาดา เจ้าของบรัท Credico Marketing (www.credico.com) เตรียมซื้อกิจการ Trump Network กล่าวคือ Donald Trump ขายกิจการทิ้งนั้นเอง
ธุรกิจขายตรงยังคงเป็นธุรกิจที่หอมหวล เป็นเครื่องจักรในการผลิตเงินที่น่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นประเทศไทย หรือที่ใดๆ ในดลก Wall street Journal ถึงกับพาดหัวเอกสารบับแทรกเมื่อปลายปีที่แล้วว่า ธุรกิจขายตรงเป็น “The Ultimate Social Business Model” หรือ “สุดยอดของรูปแบบกิจการที่ใช้สังคมชุมชนในการทำธุรกิจ” จากจากนั้น Wall Street Journal ยังรายงานอีกว่า ในช่วงปี ค.ศ. 2009 ถึง 2011 ราคาหุ้นของ 7 ธุรกิจขายตรงที่ทำการซื้อขายกันในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกานั้น ปรับตัวขึ้นไปดึง 268 % (หากท่านลงทุนซื้อหุ้นบริษัทขายตรง 7 กิจการนี้รวม 1 ล้านบาท ในปี 2009 เงินของท่านจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.68 ล้านบาทในไม่ถึง 3 ปีดี)
จากข้อมูล Wall Street Journal จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไม ? นักธุรกิจคนดังอย่าง Donald Trump รวมถึงคนอื่นๆ อีกมากมาย จึงให้ความสนใจกับธุรกิจเครือข่ายนัก
Donald Trump เริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะของนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการใหญ่ๆ ในสหรัฐอเมริกา แต่คนทั่วโลกรู้จัก Trump ดีกว่านั้นจากรายการ Reality Show กึ่งธุรกิจ “ The Apprentice” ซึ่งมีคำพูดติดหูที่ Trump พูดอยู่เสมอเวลาขจัดผู้ร่วมแข่งขัน คือ “คุณถูกไล่ออก”
The Apprentice รายการ Reality Show ยอดนิยม
Donald Trump ให้ความสนใจในธุรกิจเครือข่าย โดยเข้าซื้อกิจการ Ideal Health และเปลี่ยนชื่อเป็น Trump Network ในปี 2009 โดยมี Tood และ Scott Stanwood ทำหน้าที่บริหารหนึ่งปีให้หลัง ยอดขายของ Trump Network ทะยานขึ้น 600 ล้านบาทต่อปี
เว็บไซต์ Trump Network ซึ่งมีหน้าของ Donald Trump แปะหราอยู่หน้าเว็บไซต์
Trump Network ชูจุดเด่นคือการสร้าง “กระแสคนดัง” จากตัว Donald Trump เขาลงทุนออกมาเชิญชวนผู้คนให้เขามาทำธุรกิจด้วยตัวเอง นอกจากนั้น Trump Network มีสินค้าเด่นๆ อย่างเข่น Priva Test ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่ได้รับการออกแบบขึ้นมาเฉพาะสำหรับผู้ใช้แต่ละราย
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจเครือข่ายนั้นไม่ได้ทำง่ายอย่างที่คิด ยอดขายหลายร้อยล้านในปีแรกที่ได้มา ก็ยังไม่เข้าเป้าที่แท้จริง และเมื่อธุรกิจไม่ Hot อย่างที่คาด นักธุรกิจของ Trump Network จึงเริ่มหันเนความสนใจไปที่อื่น เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ผู้นำระดับ Diamond Director 20 คน ได้ลาออกจากบริษัท และ Trump Network ก็ถูกฟ้องร้องในอีกหลายคดี ซึ่งยังคงรอการตัดสินจากศาลในประเทศสหรัฐอเมริกา
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา มีข่าวลือในหน้าเว็บบอร์ดต่างๆ ว่า Donald Trump อาจพิจารณาถอนการลงทุนในธุรกิจเครือข่าย ในที่สุดเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ เว็บไซต์ขายตรงชื่อดัง www.business-forhome.org โดย Mr.Ted Nuytem ได้ใหข่ายอย่างชัดเจนว่า Antoine Nohra นักธุรกิจจากประเทศแคนาดาได้เข้าซื้อหุ้นของบริษัท Trump Network เป็นที่เรียบร้อย แม้จะไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดใดๆ ก็ตาม
ปัจจุบัน ธุรกิจเครือข่ายยังคงเป็นธุรกิจที่ทำเวินมหาศาล นักธุรกิจต่างวงการยังคงให้ความสนใจ ที่จะเข้ามามีส่วนแบ่งในตลาดบริษัทเครือข่ายเปิดใหม่หลายแห่ง มีเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นเป็นนักธุรกิจต่างวงการที่มีชื่อเสียง ซึ่งย่อมทำให้ตัวบรัทเกิดความน่าเชื่อถือ และทำให้การชักชวนผู้คนเข้าร่วมธุรกิจนั้นง่ายมากขึ้น แต่แท้ที่จริงแล้วการประสบความสำเร็จในธุรกิจหนึ่ง จะส่งผลโดยตรงต่ออีกธุรกิจหนึ่งอย่างแน่นอนหรือไม่? คนที่ทำธุรกิจเลี้ยงไก่ประสบความสำเร็จ จะทำธุรกิจร้านก๊วยเตี๋ยวประสบความสำเร็จด้วยหรือไม่? คงเป็นความเชื่อมโยงที่ต้องคาดเดา การทำธุรกิจเครือข่ายนั้นแตกต่างจากธุรกิจอื่นๆ นักธุรกิจต้องมีความรู้ความเข้าใจในหลายๆด้าน ซึ่งอาจแตกต่างจากธุรกิจเดิมที่ทำอย่างสิ้นเชิงสำหรับประเทศไทย เราคงเคยได้เห็นนักธุรกิจใหญ่ต่างวงการเข้ามาลงทุนในธุรกิจเครือข่ายหลายราย บ้างก็สำเร็จ บ้างก็ล้มเหลว
สิ่งที่นักธุรกิจเครือข่ายต้องพิจารณานอกเหนือจากชื่อเสียงของเจ้าของหรือผู้ลงทุนก็คือ ความตั้งใจ เจ้าของมีความสนใจอะไรนักหนาถึงมาเริ่มธุรกิจเครือข่าย? เขาตั้งใจจริงแค่ไหน?
ความชำนาญเจ้าของที่มีความเชี่ยวชาญ หรือความชำนาญอะไรที่พอจะเกี่ยวข้อง และพอที่จะแสดงให้เห็นได้บ้างว่า จะก่อให้เกิดความได้เปรียบเมื่อเทียบกับบริษัทเครือข่ายอื่นๆ
มีทีมงานที่เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ และเคยทำบริษัทเครือข่ายสำเร็จมาแล้วหรือไม่? หรือมีแต่หน้าใหม่ที่พร้อมจะวัดดวง? ความเต็มที่ ตัวเจ้าของลงมาเล่นเองหรือไม่? ลงมาบริหารเองหรือไม่? หรือเงินเหลือเชื่อแม่ทีม เลยลองๆ แหย่ๆ ดู เกิดได้กำไร
ฉะนั้น การเป็นเจ้าของกิจการใหญ่มาจัดตั้งธุรกิจเครือข่ายอาจไม่ใช่ปัจจัยหลักเพียงอย่างเดียวในการการันตีความสำเร็จของธุรกิจอีกต่อไป นักธุรกิจเครือข่ายจึงควรพิจารณาปัจจัยดังกล่าวข้างต้น และเหตุผลอื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนเข้าร่วมกับบริษัทเครือข่ายใดๆ เพราะหากพลาดพลั้งไปแล้วมันเจ็บปวดและเสียหายพอควร กว่าจะรวบรวมกำลังเพิ่มเริ่มต้นกับบริษัทใหม่ได้อีกครั้ง
ขอขอบพระคุณเนื้อหาดีดี : นสพ. เดอะ พาวเวอร์ เน็ตเวิร์ค
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น