ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ขายตรง ‘โมสท์เวลล์ฯ’ ตอกย้ำแบรนด์สินค้าไทย ‘คุณภาพคู่คุณธรรม เพื่อสุขภาพ’







moswell (Mobile)

 


หากพูดถึง “บริษัท โมสท์เวลล์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด” ในวงการขายตรงอาจจะไม่คุ้นหูมากนัก แต่หากบอกว่าเป็น“บริษัท เฮ็ลธ์ อีส เวลธ์ จำกัด” (Health is Wealth Group) โรงงานผลิตน้ำสมุนไพรที่มีชื่อเสียงและอยู่ในระดับแถวหน้าของประเทศ และยังเป็นผู้ผลิตสินค้าเครื่องดื่มสมุนไพร ให้กับบริษัทขายตรงหลายแห่ง หลายคนคงจะร้องอ๋อ!!


ความโดดเด่นของโมสท์เวลล์ฯ ถือเป็นบริษัทขายตรงน้องใหม่น้ำดี และมีบริษัทแม่ที่เป็นโรงงานผลิตสินค้าของตัวเอง โดยได้ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงอย่าง “สรณฏฐ์ สาระสมบัติ” บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของ “ศ.(พิเศษ) ดร.ยงยุทธ สาระสมบัติ”


อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ,อดีตเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และอดีตวุฒิสมาชิกมานั่งกุมบังเหียน แม้จะเปิดตัวไปไม่นานแต่โมสท์เวลล์ฯ เป็นบริษัท MLM ที่น่าจับตาอย่ามาก ในขณะนี้


ด้วยความน่าสนใจดังกล่าวคอลัมน์ “Visit CEO” ได้รับเกียรติจาก “สรณัฏฐ์ สาระสมบัติ” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทโมสท์เวลล์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และที่ปรึกษา เฮ็ลธ์ อีส เว็ลธ์ จำกัด มานั่งพูดคุยถึงวิสัยทัศน์ และแผนรุกตลาดขายตรงของโมสท์เวลล์ฯ ทั้งในประเทศและต่างประเทศให้ทุกคนได้ทราบกัน


“ก่อนหน้านี้เราเป็นผู้ผลิตสินค้าป้อนให้กับหลายบริษัททั้งขายตรง และทั่วไปทั้งในรูปแบบของการรับจ้างผลิตหรือ OEMและลูกค้าเอาแบรนด์ของเราไปทำตลาดเองก็มี แต่ด้วยแนวคิดของทีมผู้บริหารที่ต้องการให้ผู้บริโภคทุกคนไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่รวมไปถึงต่างประเทศให้ได้ใช้สินค้าที่ดี มีคุณภาพจึงได้กำเนิดเป้นโมสท์เวลล์ฯ ขึ้นมาในปัจจุบัน”


ด้วยจุดแข็งของ โมสท์เวลล์ฯ นอกจากจะมีโรงงานผลิตอาหารเสริม ภายใต้ชื่อ บริษัท เฮ็ลท์ อีส เวลล์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ที่ได้มาตรฐานและทั่วโลกให้การยอมรับ ด้วยมาตรฐานระบบสากลไม่ว่าจะเป็นมาตรฐาน GMP,GAP,HACCP,FDA(อย.ของสหรัฐฯ)และเครื่องหมายรับรองฮาลาลแล้ว ยังมีทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยต่างๆ อาทิ


ม.เชียงใหม่ ม.แม่ฟ้าหลวง และ ม.มหิดล ที่คิดค้นวิจัยและพัฒนาสินค้าใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง ทำให้สินค้าของ โมสท์เวลล์ฯ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี “สรณัฏฐ์” บอกว่าหลังจากที่ โมสท์เวลล์ฯ เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อกลางปี 2556 ที่ผ่านมากระแสตอบรับค่อนข้างดี ซึ่งหลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ยังช่วยสร้างความมั่นใจให้กับสมาชิกได้เป้นอย่างมาก รวมถึงคนที่ไม่รู้จักธุรกิจเครือข่ายมาก่อนก็เริ่มตอบรับธุรกิจโมสท์เวลล์ฯ มากขึ้น ซึ่งต่อไปหลังจากบริษัทนี้จะโฟกัสการทำธุรกิจโดยเน้นที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ยังไม่เคยรู้จักธุรกิจเครือข่ายมากขึ้น


ขณะเดียวกันบริษัทยังเน้นในเรื่องของการจัดฝึกอบรมให้กับสมาชิก ได้มีความเข้าใจในธุรกิจและผลิตภัณฑ์เพิ่มมากขึ้น เพื่อช่วยต่อยอดให้กับนักธุรกิจสามารถออกไปขยายตลาดให้คลอบคลุมมากขึ้นมาว่าจะเป็นภาคกลางและภาคเหนือนอกเหนือจากภาคใต้และภาคอีสานซึ่งถือเป็นฐานตลาดหลักของบริษัท นอกจากนั้นยังได้จัดโปรโมชั่นพิเศษ เพื่อช่วยหระต้นยอดขายอีกทางหนึ่งด้วยโดยในปีนี้บริษัทมองว่าจะมีอัตราการเติบโตประมาณ 20-30%


ส่วนแนวโน้มตลาดขายตรงในเมืองไทยในช่วงครึ่งปีหลังนั้น “สรณัฏฐ” มองว่าด้วยภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัวส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคภายในประเทศ ทำให้หลายบริษัทเริ่มขยับขยายตลาดออกไปยังต่างประเทศ


เพื่อชดเชยตลาดในประเทศโดยเฉพาะปี 2558 ที่จะมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ซึ่งในส่วนของบริษัทเองก็ได้มีการปรับตัวเช่นกัน โดยล่าสุดได้รับการติดต่อจากทางพาร์ทเนอร์ในต่างประเทศที่ให้ความสนใจอยากจะนำผลิตภัณฑ์ของบริษัทเข้าไปทำตลาดในประเทศนั้นๆ เช่น อินโดนีเซีย,มาเลเซีย,สิงคโปร์ และกลุ่มในแถบตะวันออกกลางซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในอนาคตอันใกล้นี้


“การจะเข้าไปบุกตลาดต่างประเทศได้ สิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องมีพาร์ทเนอร์ในประเทศเหล่านั้นเพราะหากไม่มีจะยิ่งทำให้เราทำงานยากขึ้น ซึ่งพาร์ทเนอร์ของเราได้มีการติดต่อค้าขายกันมานาน โดยเขามีความสนใจที่จะเอาสินค้าของเราไปขายในประเทศของเขา ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจาในข้อตกลงคาดว่าจะได้ข่าวดีเร็วนี้”


“สรณัฏฐ์” บอกทิ้งท้ายว่า การจะบุกตลาดต่างประเทศได้นั้นในฐานะที่เป็นโรงงานผุ้ผลิตที่ส่งสินค้าออกไปตลาดต่างประเทศ สิ่งที่จำเป็นอย่างมาก คือ การศึกษาข้อมูลของแต่ละประเทศให้ดีก่อน เช่น ข้อกฎหมายของแต่ละประเทศรวมถึงศึกษาทิศทางและแนวโน้มความต้องการของตลาดในประเทศนั้นๆ ว่ามีความต้องการสินค้าประเภทไหน เช่น สินค้าบางอย่างในประเทศไม่เป็นที่ต้องการของตลาด แต่ในต่างประเทศกลับเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคก็ได้


“การจะเข้าไปบุกตลาดต่างประเทศได้ สิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องมีพาร์ทเนอร์ในประเทศเหล่านั้น เพราะหากไม่มีจะยิ่งทำให้เราทำงานยากขึ้น”


 


 


 


Credit By : นสพ.เดอะพาเวอร์ เน็ตเวิร์ค ฉบับที่ 234 วันที่ 1-15 พฤษศจิกายน 2556


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น