ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

‘สคบ.-ดีเอสไอ-อย.’สานพลัง เร่งโชว์ผลงานปราบขายตรงผิดกม.







Capture (Mobile)

 


หน่วยงานรัฐ “สคบ.-ดีเอสไอ-อย.” เตรียมโชว์ผลงาน...ล่าสุด “สคบ.” เตรียมภารกิจยกแรกลงพื้นที่สำรวจสถานีดาวเทียม หวังปราบการโฆษณาสินค้าเกินจริง พร้อมเร่งลดขั้นตอนการยื่นขออนุญาตประกอบธุรกิจให้สั้นลง...ส่วน “ดีเอสไอ” แนะวิธีป้องกันการโดนหลอกจากแชร์ลูกโซ่ อย่ารีบด่วนตัดสินใจ ควรศึกษาบริษัทที่จะทำให้รอบคอบ..ด้าน อย. ยอมรับปัจจุบันสินค้าขายตรง ให้ข้อมูลในช่วงแรกไม่ตรงกับข้อมูลหลังทำธุรกิจ ระบุหากพบการโฆษณาที่ไม่เป็นไปตามที่ให้ไว้ หรือเกินจริง มีโทษทั้งจำทั้งปรับ


เรียกว่าเป็นการเดินเครื่องส่งท้ายปีเลยก็ว่าได้ สำหรับหน่วยงานภาครัฐที่คอยสอดส่องดูแลผู้ที่กระทำความผิดในธุรกิจขายตรง ซึ่งหน่วยงานภาครัฐที่อาจเรียกว่าสั่นคลอนมากที่สุดในช่วงนี้ คงจะเป็นทาง “สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค” หรือ สคบ. ที่ได้มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคคนใหม่ ซึ่งผู้ที่เข้ามารับหน้าที่แทน “จิรชัย มูลทองโร่ย” นั่นก็คือ “อำพล วงศ์ศิริ” นั่นเอง...ล่าสุดเลขาธิการคนใหม่ เครื่องเริ่มร้อน ประกาศพร้อมที่จะบูรณาการธุรกิจขายตรงใหม่กันเลยทีเดียว


ในขณะเดียวกัน ทั้งทางด้าน “ดีเอสไอ” หรือ “อย.” ต่างก็มีการเตรียมความพร้อมที่จะช่วยยกระดับธุรกิจ


ขายตรงให้ทำถูกต้องตามกฎหมายด้วยเช่นกัน!!


 สคบ.บูรณาการขายตรงใหม่


เร่งปรับขั้นตอนทำงานสั้นลง


นายสุวิทย์ วิจิตรโสภา ผู้อำนวยการส่วนขายตรงและตลาดแบบตรง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เผยถึงสิ่งที่ สคบ. จะเร่งดำเนินการนับจากนี้ในธุรกิจขายตรงว่า ในเรื่องของกฎหมายจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ในขณะเดียวกัน การทำธุรกิจขายตรงแต่ละบริษัทต้องทำถูกต้องตามกฎหมายด้วย ซึ่งผู้ที่จะเข้ามาสู่ธุรกิจขายตรงนั้น จะต้องยื่นหนังสือก่อนที่จะทำธุรกิจทุกครั้ง รวมถึงการที่จะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการบูรณาการอุตสาหกรรมขายตรงให้ดีด้วยเช่นกัน


ซึ่งล่าสุด นโยบายที่ทาง สคบ.ภายใต้เลขาธิการสคบ.คนใหม่ “อำพล วงศ์ศิริ” นั้น ก็ได้ออกมาเตรียมเร่งนโยบายในเรื่องของการปรับขั้นตอนการทำงานให้สั้นลง เนื่องจากที่ผ่านมา การยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจกับทางสคบ. ค่อนข้างที่จะล่าช้า จึงจำเป็นต้องปรับให้มีขั้นตอนการทำงานที่กระชับลงนั่นเอง


นอกจากนี้ ทาง สคบ. จะมีการพิจารณาในเรื่องแผนการจ่ายผลตอบแทนของแต่ละบริษัทอย่างละเอียดด้วยว่า ต้องไม่มีลักษณะการระดมทุนรายได้ ซึ่งรายได้ทั้งหมดต้องมาจากยอดขายไม่ใช่ค่าหัวคิว เนื่องจากจะผิดมาตรา 19 ที่ว่าด้วย


... “ห้ามมิให้ผู้ประกอบการธุรกิจขายตรงและผู้ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง ดำเนินกิจการในลักษณะที่เป็นการชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบธุรกิจขายตรงหรือในการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง โดยตกลงว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าว ซึ่งคำนวณจากจำนวนผู้เข้าร่วมเครือข่ายที่เพิ่มขึ้น”...


นายสุวิทย์ กล่าวอีกว่า “สิ่งที่รัฐมนตรีได้ฝากมาถึงทาง สคบ.อย่างเข้มงวดในช่วงนี้คือ ต้องการเห็นการบูรณการธุรกิจขายตรงใหม่ ในเชิงของการแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคที่มาร้องเรียนให้ได้ โดยทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องช่วยกัน พร้อมกับต้องให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับธุรกิจขายตรง ในทุกด้านและทุกมิติแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องด้วย”


ส่วนอีกหนึ่งภารกิจที่ทางสคบ. กำลังจะดำเนินการในเร็ว ๆ นี้ คือ การตรวจเข้มในเรื่องของสื่อโฆษณาต่าง ๆ ที่ผิดกฎหมาย ซึ่งในช่วงนี้จะเน้นหนักสินค้าสุขภาพที่ขายผ่านทางเคเบิลทีวีก่อน โดยอยากที่จะให้เคเบิลทีวีทุกช่องอยู่ในกรอบของกฎหมายเกี่ยวกับการโฆษณาผ่านสื่อทีวี โดยทาง สคบ. จะมีการเข้าไปตรวจสอบสถานีดาวเทียมในแต่ละสถานี ซึ่งหากพบว่ามีสถานีไหนที่กระทำผิดกฎหรือไม่ได้มีการจดทะเบียนประกอบธุรกิจ ทางสคบ. จะมีการเร่งดำเนินคดีทันที โดยจำคุก 1 ปี ปรับ 1 แสนบาท หรือปรับรายวัน 1 หมื่นบาท


“ต้องยอมรับว่า การโฆษณาสินค้าผ่านทางเคเบิลทีวีในปัจจุบันนี้ ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ค่อนข้างแก้ไขยากพอสมควร เพราะมีบางสถานีที่มีการฝ่าฝืนกฎหมาย ในขณะเดียวกัน พิธีกรหรือผู้ดำเนินรายการตามช่องเคเบิลที่ขายสินค้าอาหารเสริม มีการพูดและบรรยายสรรพคุณของสินค้าที่นอกเหนือจากสคริป รายการค่อนข้างเยอะพอสมควร ด้วยเหตุนี้เอง ที่ทำให้การทำงานของเลขาธิการ สคบ. คนใหม่ จะมีการลงพื้นที่มากขึ้น เพื่อให้สถานีเคเบิลทีวีแต่ละแห่งได้กระทำการโดยถูกต้องตามกฎหมายนั่นเอง”


ต่อด้วยประเด็นที่ว่าในส่วนของกรมขายตรงนั้น มีหลายฝ่ายอยากจะให้มีการแบ่งแยกออกมาจากหน่วยงาน สคบ. อย่างชัดเจนนั้น ขณะนี้รอการอนุมัติของกฎกระทรวงคาดว่าในช่วงต้นปี 2557 น่าที่จะชัดเจนมากยิ่งขึ้น


...เรียกได้ว่า นโยบายที่ทาง สคบ. ภายใต้เลขาธิการคนใหม่ที่ชื่อ “อำพล วงศ์ศิริ” นั้น ที่ได้ประกาศนโยบายอย่างชัดเจนที่ว่า ต้องการลดขั้นตอนการขออนุญาตการประกอบธุรกิจขายตรงของผู้ประกอบการให้สั้นลง รวมถึงการดูในเรื่องของแผนการจ่ายผลตอบแทนที่สกัดกั้นบริษัทที่มีแนวโน้มเข้าข่ายเป็นแชร์ลูกโซ่ไม่ให้เข้าสู่ธุรกิจขายตรงได้ และการลงพื้นที่เพื่อปราบปรามผู้ที่กระทำผิดกฎหมายในเรื่องของการโฆษณาสินค้าผ่านสื่อเคเบิลทีวีให้มากขึ้น น่าที่จะเป็นการพิสูจน์ความสามารถของเลขาธิการ สคบ. คนใหม่นี้ได้มากทีเดียว เพราะหากภารกิจแรกไม่สามารถดำเนินการได้ เชื่อว่าอนาคตเก้าอี้เลขาธิการ สคบ. นี้ก็อาจที่จะสั่นไหวได้ด้วยเช่นกัน!!


หน่วยรัฐชี้แนวทางขายตรง


ควรร่วมมือกันเพื่อยกระดับ


...จะเห็นได้ว่า การที่จะช่วยยกระดับธุรกิจขายตรงให้เป็นที่ยอมรับและถูกต้องตามกฎหมายนั้น ต้องอาศัยหลาย ๆ ฝ่ายร่วมมือกันด้วยเช่นกัน เช่นเดียวกับทางด้าน พ.ต.อ.นิรันดร์ อดุลยาศักดิ์ ผู้บัญชาการสำนักงาน คดีอาญาพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ก็ได้เผยว่า การที่จะไม่ให้โดนหลอกจากธุรกิจแชร์ลูกโซ่ได้นั้น สิ่งแรกเลยคือ ต้องรวบรวมข้อมูลทั้งตัวอย่างของธุรกิจที่เราจะทำให้ครบถ้วน อย่าเพิ่งรีบที่จะตัดสินใจทำธุรกิจ ที่สำคัญอย่าเดินตามเกมของผู้ที่ชักชวนเราเข้าไปร่วมธุรกิจ


ในขณะเดียวกันต้องศึกษาดูด้วยว่า บริษัทมีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายหรือเปล่า การจ่ายผลตอบแทนเป็นอย่างไร สินค้ามีคุณภาพมากน้อยแค่ไหน ซึ่งหากมีการชักชวนให้นำเงินไปลงทุนในครั้งละมาก ๆ ขอฟันธงได้เลยว่าน่าที่จะเป็นการระดมทุนอย่างแน่นอน


…เช่นเดียวกับทางด้าน ภภ.ประพนธ์ อางตระกูล รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ก็ได้พูดถึงในส่วนของกฎระเบียบ อย.ต่อการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ในธุรกิจขายตรงว่า ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันนี้ ต้องยอมรับว่าสินค้าในธุรกิจขายตรง นั้น การให้ข้อมูลในช่วงแรกและหลังจากที่ไปโฆษณาแล้วข้อมูลส่วนใหญ่จะไม่ค่อยตรงกัน ซึ่งตรงนี้ถือเป็นปัญหามานาน และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเร่งแก้ไข


ซึ่งพบว่า ปัจจุบันนี้ผลิตภัณฑ์ที่ค่อนข้างมีปัญหาจะเป็นในกลุ่มของผลิตภัณฑ์ควบคุมน้ำหนัก ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า ครีมบำรุงผิว และบำรุงผม และเครื่องมือแพทย์ ในขณะเดียวกัน สินค้าที่กำลังมีผู้ร้องเรียนค่อนข้างมาก ในขณะนี้คือ ที่นอนแม่เหล็ก เครื่องนวดผิวหน้า โดยปัจจุบันทาง อย. เองกำลังเร่งดำเนินการ


“สำหรับบริษัทไหนที่พบว่า มีการโฆษณาที่ดูแล้วพบว่า ไม่เป็นไปตามที่ให้ไว้ หรือเกินความจริง จะมีโทษอาญาจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนกรณีที่เป็นการโฆษณาฝ่าฝืน ราชการสามารถให้ระงับการโฆษณาได้ ในขณะเดียวกัน อยากที่จะฝากถึงผู้บริโภคด้วยว่า ก่อนตัดสินใจซื้อขายอะไร อย่าหลงเชื่อง่าย ควรที่จะต้องสอบถามผู้รู้ อ่านฉลาก และต้องกล้าปกป้องสิทธิ์ของตนเองด้วย เพื่อป้องกันการถูกหลอกนั่นเอง”


‘วิมล’ที่ปรึกษารมต.ชี้ขายตรง


ต้องยกระดับมาตรฐานรับAEC


...เช่นเดียวกับทางด้าน นายวิมล จันทร์จิราวุฒิกุล ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในงานสัมมนาขายตรงไทยที่จัดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาว่า ธุรกิจขายตรงถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีการขยายตัวมากที่สุด โดยสามารถสร้างเม็ดเงินให้กับประเทศมากกว่าปีละหลายหมื่นล้านบาท และคาดว่าเมื่อเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปลายปี 2558 ธุรกิจขายตรงน่าที่จะมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นประมาณ 1 แสนล้านบาทอีกด้วย จากปัจจุบันที่มูลค่าตลาดธุรกิจขายตรงอยู่ที่ประมาณ 8 หมื่นล้านบาท


“จากการเติบโตของธุรกิจขายตรงที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงยังมีผู้ประกอบทั้งรายใหญ่ และรายย่อยจำนวนมากที่เริ่มหันมาสนใจในธุรกิจนี้มากขึ้น เชื่อว่าภาพรวมการแข่งขันของธุรกิจขายตรงนับจากนี้ จะต้องรุนแรงมากขึ้นอย่างแน่นอน ในขณะเดียวกัน หลาย ๆ บริษัทในธุรกิจขายตรงเมืองไทย จะเริ่มมีแผนขยายธุรกิจไปยังประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้นด้วย”


นายวิมล ยังกล่าวอีกว่า ในช่วงที่ผ่านมา ทางภาครัฐได้มีการให้นโยบายและได้ดำเนินการอย่างจริงจังกับธุรกิจขายตรงผ่านส่วนราชการในสังกัดต่าง ๆ เพื่อหาแนวทางยกระดับมาตร ฐานธุรกิจขายตรงให้สูงขึ้น และปรับเปลี่ยนกฎหมายขายตรง เพื่อเอื้อแก่การทำธุรกิจ พร้อมทั้งหาทางปราบปรามบุคคลที่ฉวยโอกาสหาผลประโยชน์จากธุรกิจนี้ จนทำให้ภาพลักษณ์ธุรกิจขายตรงต้องเสื่อมเสีย


 


 


 


Credit By : http://www.taladvikrao.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น