ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

จิรชัย ปิ๊งตั้งกองทุนเยียวยาแก้เบี้ยประกันตรา สคบ. แพง


จิรชัย มูลทองโร่ย เลขาธิการ สคบ. เดินหน้าหาทางออก หลังผู้ประกอบการค้าน เรื่องจ่ายเบี้ยประกันแพงแลก ตราสัญลักษณ์ สคบ. ผุดไอเดีย ให้บริษัทขายตรงตั้งกองทุนเยียวยาขึ้นเอง หรือทำประกันกับธนาคารแทน พร้อมเปลี่ยนวิธีคิดเบี้ยประกัน จากเดิมคิดที่ยอดขายเป็นการหาค่าความเสี่ยงแทน ใช้วิธีตรวจสอบประวัติ ใครไม่เคยมีภาพลบจ่าย ถูกตามคดี ชี้ที่ผ่านมาการทำงานราบรื่น แบ่งงานจัดระบบ เน้นจัดทำฐานข้อมูลบริษัท และสินค้า ชัดเจน ลดปัญหาขาดแคลนคน

นายจิรชัย มูลทองโร่ย เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า ในส่วนของนโยบายตราสัญลักษณ์ สคบ. ที่หน่วยงานรัฐ ออกมาเพื่อยกระดับอุตสาหกรรม และสร้างความไว้ใจ ให้กับผู้บริโภคจนกลายเป็นเรื่องที่ทุกบริษัทขายตรงพูดถึงในช่วงที่ผ่านมานั้น จิรชัย เผยว่า ขณะนี้ยังติดปัญหาในเรื่องของการจะเลือกอะไรขึ้นมา เพื่อเป็นตัวกำหนดว่าใครหรือบริษัทใด ควรจะจ่ายเบี้ยประกันเท่าไหร่อย่างไร เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค โดยเน้นไปที่สินค้า และการไม่ทำผิดกฎหมายซึ่งรวมถึงกฎหมายอื่นๆ เดิมที สคบ.และบริษัทประกัน ก็พยายามคิดว่าเราควรจะใช้อะไรขึ้นมาเป็นเกณฑ์ว่าบริษัทใดควรจ่ายเท่าใด เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค

อาทิ การกำหนดเบี้ยจากสินค้า หรือยอด ขายรายปี แต่เรื่องนี้ก็ไม่เป็นที่ยอมรับทั้งจากบริษัท และโดยส่วนตัวของตน ทางสคบ.จึงได้ลองสอบถามความคิดเห็น ว่าจะเอาเรื่องของความเสี่ยงของแต่ละบริษัท มาเป็นตัวแปรในการจ่ายเบี้ยประกัน นายใหญ่สคบ. เผยถึงนโยบายตราสคบ.

การนำความเสี่ยงขึ้นมาเป็นตัวกำหนด คือ การเอาเรื่องของประวัติการ ดำเนินธุรกิจ ว่าเคยถูกฟ้องหรือไม่ จากการทำงานที่ผ่านมา บริษัทใดเป็นอย่างไร สินค้ามีการถูกร้องเรียนหรือเปล่า ซึ่งหาก มีประวัติที่ไม่ดี ความเสี่ยงก็สูง ทำให้เบี้ย ต้องสูงตาม ซึ่งเรียกว่าเป็นการประกันตามความเสี่ยง

อย่างไรก็ตาม จากที่อาจใช้เรื่องความเสี่ยงเป็นตัวชี้วัดเบี้ยประกัน ทาง สคบ.ก็ออกความคิดว่า อาจจะมีการตั้งธนาคาร เป็นหนึ่งในองค์กรประกันความ เสียหาย 2.อาจให้บริษัทต่างๆ ตั้งกองทุนขึ้นเอง และเมื่อมีความเสียหายก็เอาเงินจากกองทุนที่ตั้งมาชดใช้และเยียวยา และ 3.การให้บริษัทประกันเข้ามาประกัน อย่างที่ดำเนินงานมาในส่วนของนโยบาย

ทั้งนี้ ในส่วนของพ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรงตัวใหม่นั้น สคบ. พยายามเร่งทำให้เกิดขึ้น แต่ติดตรงที่คณะกรรมการขายตรงมักจะเข้ามาประชุมไม่ครบ ซึ่งคงต้องแก้ไขเป็นการด่วน อีกทั้งอาจต้องตั้งคณะกรรมการขายตรงขึ้นใหม่ เพื่อยกระดับ และการทำงานต่างๆ ก็จะเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม

จัดทำฐานข้อมูล MLM ใหม่ แก้ปัญหาเจ้าหน้าที่ไม่พอ จากการทำงานด้านธุรกิจขายตรง นับตั้งแต่ได้รับการคัดเลือกให้ขึ้นมานั่งในตำแหน่งเลขาธิการของ สคบ. ขณะนี้ ตนได้ทำการปรับปรุงเรื่องของกระบวน การทำงานต่างๆ ซึ่งจากการปรับปรุงตอนนี้ หลายสิ่งที่ทำเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากยิ่งขึ้น

ทางสคบ. ได้จัดการในส่วนของระบบการทำงานหลักๆ แล้ว โดยได้ตั้งกอง ทำงานขึ้นมาอย่างเป็นสัดส่วน 3 ส่วนคือ 1.ทีมงานการจดทะเบียนบริษัท 2.กองติดตามประเมินผลการทำงาน และ 3.ฝ่ายตรวจสอบและดำเนินการจับกุม ซึ่งเรื่องนี้นับเป็นเรื่องเร่งด่วน โดยสคบ.พยายาม ที่จะสร้างการทำงานให้มีสัดส่วน ลดความ ยุ่งยากที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด เนื่องจากจำนวนคนที่น้อย ทำให้ต้องแบ่งหน้าที่ให้ชัดเจน เลขาธิการ สคบ. กล่าว

สิ่งที่กล่าวมา เป็นเพียงเรื่องแรกที่สคบ.ได้ทำขึ้น มาตั้งแต่เดือนก.ย.ที่มีการ ปรับเปลี่ยนตัวเลขาธิการสคบ. ซึ่งในส่วน ของการทำงานขั้นที่ 2 คือ 1.การจัดทำฐานข้อมูลของธุรกิจขายตรง ทั้งเรื่องของ จำนวนบริษัท โดยต้องแยกว่าบริษัทใดยังอยู่ และบริษัทใดเลิกกิจการไปแล้ว เนื่องจากปัจจุบันมีบริษัทที่จดทะเบียนเป็น บริษัทขายตรงถึง 852 บริษัท แต่กลับมีเพียง 100 กว่าบริษัทเท่านั้น ที่ยังเห็นความเคลื่อนไหว 2.การทำข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าของธุรกิจขายตรง ว่าสินค้าใดเป็นของบริษัท อะไร อย่างไร และ 3.การจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับแผนการจ่ายของแต่ละบริษัท ว่ามีแผนการจ่ายผลตอบแทนอย่างไร ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ อีกทั้งมีการเปลี่ยนแผนจากที่ได้จดยื่นขออนุญาตกับสคบ.ไว้หรือไม่อย่างไร


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.สยามธุรกิจฉบับที่ 1351 ประจำวันที่ 10-11-2012 ถึง13-11-2012

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น