ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ขายตรงไทย (MLM THAILAND) : กรี๊ดรับ AEC คาดตลาดเดือด! เทงบสู้


สมรภูมิขายตรงไทยแข่งขันดุ รับตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนปี 58 หลายค่ายขายตรงไทยอัดงบห้ำหั่นกันสุดฤทธิ์ เริ่มจากค่าย มิสทินเทงบ 1,800 ล้านบาท ร่วมกับพันธมิตร สร้างศูนย์กระจายสินค้าลาดหลุมแก้ว ด้านคิงส์เฮิร์บ พร้อมรับมือ ควักงบอีก 16 ล้านบาท สร้างศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ขอนแก่น ขณะที่แบรนด์ นีโอ ไลฟ์ ไม่น้อยหน้าเร่งขยายตลาดนอก โดยอัดงบขยายแต่ละประเทศ 20 ล้านบาท ล่าสุดทุ่ม 20 ล้านบาท ซื้อเครื่องจักรใหม่เสริมไลน์คอสเมติกส์ ชี้รองรับการผลิตได้ถึง 3 ปีข้างหน้า


เป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศไทยจะเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในปี 2558 ด้วยเหตุผลดังกล่าวส่งผลให้ผู้ประกอบการต่างเตรียมความ- พร้อมเพื่อรับมือกับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้น และไม่เพียงแค่ปรับในส่วนของ การบริหารจัดการทั่วไปเท่านั้น แต่การลงทุนในด้านโลจิสติกส์ ที่ไม่ใช่เป็น เพียงแค่กระบวนการขนส่งสินค้า แต่หมายถึงกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำยัน ปลายน้ำ เพื่อจัดส่งสินค้าไปถึงมือลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะ การจัดเก็บ คลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้า และเส้นทางการขนส่งสินค้า ที่จะมีบทบาทสำคัญในการสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง


มิสทีนจีนคู่ค้า ลงทุนเพิ่ม
การขยายตลาดของนักธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้ผู้ประกอบการแต่ละค่ายต่างเร่งลงทุนเพื่อสร้าง ระบบโลจิสติกส์เพื่อรองรับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้น โดย เฉพาะแบรนด์สินค้าไทยที่ต้องวางแผน รองรับตลาดอย่างเข้มงวด เริ่มจาก ยักษ์ใหญ่อย่างมิสทิน ที่ได้วางแผน- งานรองรับสำหรับการขยายตัว ของตลาดต่างประเทศ การจัดการ ระบบโลจิสติกส์ เพื่อลดต้นทุน ซึ่ง เรื่องนี้ ดนัย ดีโรจนวงศ์ กรรมการ- ผู้จัดการ บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมี เป้าหมายที่จะขยาย ตลาดไปยังประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากประเทศที่มีฐาน การตลาดที่แข็งแกร่งอย่าง พม่า กัมพูชา และ สปป.ลาว ด้วยการ ร่วมมือกับพันธมิตรในประเทศ ต่างๆ เพื่อขยายตลาด ซึ่งไม่ได้ จำกัดว่าต้องเป็นแบรนด์ มิสทินเท่านั้น แต่อาจเป็น การสร้างแบรนด์ใหม่ขึ้นมา อีกแบรนด์
ปัจจุบันมิสทินมีรายได้ จากตลาดต่างประเทศ 400 ล้าน- บาท แบ่งเป็นประเทศในแถบอินโดจีนที่ประกอบด้วย พม่า, สปป.ลาว, กัมพูชา คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% ส่วนที่เหลืออีก 60% มา จากประเทศในแถบตะวันออกกลาง แอฟริกาใต้ โดย ยอดขายหลักในแถบตะวันออกกลางจะอยู่ที่อิหร่าน และกานา
ดังนั้น เพื่อเป็นการรองรับการเปิดตลาด AEC มิสทินได้ขยายการลงทุนในตลาดต่างประเทศ ด้วยการ ร่วมมือกับกลุ่มสหพัฒน์ ภายใต้งบลงทุน 60 ล้านบาท สำหรับการตั้งโรงงานแห่งใหม่ที่เมืองย่างกุ้ง บนพื้นที่ 10 ไร่ เพื่อผลิตสินค้าในกลุ่มสกินแคร์ เมกอัพ และเพอร์- ซันนอลแคร์ คาดว่าจะสามารถเดินเครื่องได้ในปี 2556 ขณะที่โรงงานแห่งเดิมที่ผลิตเฉพาะกลุ่มสินค้าเพอร์- ซันนอลแคร์ ประเภทแป้งหอม โรลออน โลชั่น จะย้าย มาอยู่ที่โรงงานแห่งใหม่ทั้งหมด เบื้องต้นโรงงานแห่งนี้ จะใช้สำหรับการผลิตเพื่อป้อนตลาดพม่า แต่ในอนาคต อาจจะใช้รองรับความต้องการในประเทศแถบอื่นอีกด้วย
นอกจากนี้ การขยายตลาดเพื่อรองรับกับอัตรา การเติบโตที่จะเกิดขึ้น ยังต้องประกอบไปด้วยการ บริหารจัดการระบบโลจิสติกส์ ที่เป็นส่วนหลักสำคัญของ ระบบซัพพลายเชนทั้งหมด ดังนั้น มิสทิน จึงได้วางแผน รองรับสำหรับจุดนี้ ด้วยการเพิ่มศักยภาพของศูนย์ กระจายสินค้าบนพื้นที่ 40,000 ตารางเมตร ที่ใช้เงิน ลงทุนไปประมาณ 1,600-1,800 ล้านบาท ที่อำเภอ ลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี ด้วยการร่วมมือกับบริษัท จากต่างประเทศ ในการนำเครื่องจักรและเทคโนโลยี สมัยใหม่เข้ามาใช้ในการรับออร์เดอร์ จัดวางสินค้าเพื่อ ส่งถึงมือสาวมิสทิน
การที่มิสทินต้องนำเครื่องจักรและเทคโนโลยี สมัยใหม่มาใช้ในระบบโลจิสติกส์ นอกเหนือจากเหตุผล เพื่อลดต้นทุนในระยะยาว ทั้งค่าจ้างแรงงานที่ปรับตัว เพิ่มสูงขึ้น การลดสินค้าคงคลัง การบริหารสต๊อกสินค้า แม้ว่าเบื้องต้นการนำระบบดังกล่าวเข้ามาใช้จะทำให้ ต้นทุนโดยรวมปรับสูงขึ้น 15% แต่ในระยะเวลา 5 ปี คาดว่าต้นทุนจะเริ่มลดลง นอกจากนี้ยังมีเหตุผลในด้าน การเพิ่มประสิทธิภาพความแม่นยำ รวดเร็วและถูกต้อง เนื่องจากปัจจุบันมิสทินมีสินค้ามากถึง 5,000 รายการ และมีออร์เดอร์สินค้าในแต่ละวัน 30,000-40,000 รายการ ดังนั้น จึงต้องใช้ระบบการบริหารจัดการที่ดี เพื่อ เพิ่มสภาพคล่อง และให้สินค้าถึงมือสาวมิสทินได้ครบ ตามความต้องการ นอกจากเป้าหมายการเพิ่มศักยภาพ ของระบบโลจิสติกส์แล้ว มิสทินยังมีเป้าหมายใช้ศูนย์ กระจายสินค้าแห่งนี้ในการต่อยอดธุรกิจ ด้วยการรับเป็น ดิสทริบิวเตอร์สินค้าต่างๆ ให้กับแบรนด์สินค้าอื่นๆ ทั้งใน และต่างประเทศ โดยเฉพาะหลังเปิดตลาด AEC ที่คาดว่า จะมีสินค้าแบรนด์ใหม่เข้ามาบุกตลาดอีกเป็นจำนวนมาก


คิงส์เฮิร์บ ทุ่มงบสร้างคลังสินค้า
ขณะที่แบรนด์ไทยแท้อีกรายอย่าง คิงส์เฮิร์บ ก็ได้ เตรียมแผนรองรับการเปิดตลาด AEC ด้วยการเตรียมซื้อ ที่ดินที่จังหวัดขอนแก่นตั้งคลังสินค้ารองรับตลาดใน อนาคต ซึ่งเรื่องนี้ ปพน ลิ้มธำรงค์กุล ประธานกรรมการ บริษัท คิงส์เฮิร์บ เวิลด์ 1999 จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้ บริษัทได้ทดลองตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ในรูปแบบ ของการซื้อมาขายไป ได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้า เป็นอย่างดี โดยที่ผ่านมาได้ใช้งบสำหรับเปิดศูนย์กระจาย สินค้าแห่งใหม่ที่จังหวัดขอนแก่น 14 ล้านบาท เป็นการ ย้ายจากที่เก่ามาเปิดที่ใหม่ โดยงบลงทุนดังกล่าวแบ่ง เป็นการจ่ายค่าซื้อตึกจำนวน 12 ล้านบาท และตกแต่ง อีกจำนวน 2 ล้านบาท บนพื้นที่ 1,200 ตารางเมตร จำนวน 3 ชั้น สามารถรองรับสมาชิกได้ 200-300 คน และยังเป็นห้องประชุมที่รองรับสมาชิกได้ถึง 200 คน โดยบริษัทมีเป้าหมายการขยายตลาดในภาคตะวันออก- เฉียงเหนือมากขึ้น รวมไปถึงศูนย์กระจายสินค้าแห่ง ใหม่นี้ จะเป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าในภูมิภาคนี้ทั้งหมด และใช้เป็นศูนย์กลางของตลาดอินโดจีน ที่จะขยายธุรกิจ ออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย
ล่าสุด บริษัทได้ซื้อที่ดินเพิ่มเติมที่จังหวัดขอนแก่น เพื่อสร้างเป็นคลังสินค้าเพื่อกระจายไปสู่ประเทศ สปป. ลาว, กัมพูชา, เวียดนาม, พม่า และจีน และได้มีการส่งสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านแล้ว พร้อมเปิดกว้าง หากมีผู้สนใจจะดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ รูปแบบ จะเป็นในลักษณะของการตั้งสาขา ใช้เงินลงทุน 5 ล้าน- บาท และใช้ระบบการบริหารงานเหมือนในประเทศไทย ทุกประการ ซึ่งขณะนี้บริษัทได้มีตัวแทนสมาชิกที่สั่ง- สินค้าเข้าไปจำหน่ายใน สปป.ลาว, พม่า และกัมพูชา แล้ว โดยที่ประเทศกัมพูชาบริษัทมีแผนเข้าไปตั้งสาขา แห่งแรก ซึ่งขั้นตอนอยู่ระหว่างการเจรจารายละเอียด


นีโอ ไลฟ์ รุกคืบตลาดนอก
ดร.นพรุจ เวชกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท นีโอ ไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยกับ เดอะ พาวเวอร์ เน็ตเวิร์ค ว่า การปรับตัวของแบรนด์ ขายตรงไทย เพื่อรองรับกับตลาดอาเซียน บริษัทได้ เตรียมแผนรองรับการแข่งขันด้วยการทุ่มงบ 20 ล้าน- บาท ซื้อเครื่องจักรใหม่ ในส่วนของไลน์ผลิต ผลิตภัณฑ์ สกินแคร์ ที่จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากปี 2553 ที่บริษัท ได้ทุ่มงบในการซื้อพื้นที่ก่อสร้างโรงงานพร้อมเครื่องจักร ไปแล้วประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งโรงงานดังกล่าว มี 2 อาคาร ใช้ดำเนินการผลิตไปแล้ว 1 อาคาร สามารถ รองรับกำลังการผลิตไปได้อีก 2-3 ปีข้างหน้า และใน อนาคตหากการผลิตไลน์สกินแคร์เต็มกำลังการผลิต บริษัทจะมีการทุ่มงบก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 2 ต่อไป
ในส่วนของพันธมิตรโรงงานผู้ผลิต ผลิตภัณฑ์ เสริมอาหาร อย่าง บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ จำกัด ที่ ร่วมธุรกิจกันมานานก็จะมีการก่อสร้างโรงงานเพิ่มเป็น แห่งที่ 3 ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู เพื่อรองรับกับความ ต้องการของผู้บริโภคที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หลังเปิด ตลาด AEC ปี 2558 ขณะที่สินค้าในกลุ่มคอสเมติกส์ ใน ปัจจุบันบริษัทได้เป็นพันธมิตรกับผู้ผลิตรายใหญ่จาก ประเทศจีนที่ผลิตสินค้าให้กับพันธมิตรในแถบยุโรป และอเมริกา ซึ่งในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2556 จะมีการ เปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่มคอสเมติกส์ ในงานประดับ เข็มเกียรติยศ
ขณะที่แผนรองรับในด้านคลังสินค้า ที่ปัจจุบัน มีอยู่แล้ว 3 แห่ง ได้แก่ คลังสินค้าที่โรงงาน เมก้า ไลฟ์ ไซแอ็นซ์ ที่สำนักงานใหญ่นีโอ ไลฟ์ ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ และที่โรงงานในจังหวัดเชียงใหม่ บริษัทเตรียม แผนที่จะขยายคลังสินค้าเพิ่มบนพื้นที่ที่มีอยู่แล้ว ทั่วทุกภาคของไทย ได้แก่ อุดรธานี, นครราชสีมา, นครสวรรค์, หาดใหญ่ และระยอง ซึ่งปัจจุบันพื้นที่ ดังกล่าวบริษัทได้เปิดเป็นศูนย์ประชุมให้กับสมาชิก และ กำลังอยู่ระหว่างการทยอยปรับปรุงพื้นที่เพิ่ม เพื่อขยาย เป็นคลังสินค้า รวมถึงการติดตั้งระบบไอทีเพื่อรองรับ การบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่บริษัทได้ขยายเครือข่าย ในรูปแบบจัดตั้งสำนักงานที่ ประเทศกัมพูชา, เวียดนาม, สปป.ลาว และสิงคโปร์ แล้ว ปี 2556 บริษัท เตรียมแผนที่จะขยายตลาดไปยังประเทศพม่า และ อินโดนีเซีย โดยวางงบในการขยายสาขาแต่ละ ประเทศประมาณ 20 ล้านบาท


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.เดอะ พาวเวอร์ เน็ตเวิร์ค ฉบับที่ 210 วันที่ 1-15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

1 ความคิดเห็น:

  1. อยากได้ภาพLOGOธงครับ เอาแบบละเอียดครับ จะเอามาพิมพ์ไวนิล ไว้จัดงานประชุมขายตรงครับ รบกวนด้วยครับ

    ขอบคุณครับ

    ตอบลบ