ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ปิดวงจรอุบาทว์ DCHL ยึด 500 ล. DSI รอสรุป 3 เดือน









จบเกม DCHL หลอกลวงทำนาบนหลังคน หลัง 3 หน่วยงานรัฐแท็กทีมบุกถึงรังย่านพระราม 9 ชี้หลอกลวงมานานแรมปี ทั้งโน้มน้าวให้เจ้าทุกข์ ขายบ้าน ขายที่ดิน หลอกลวงสารพัดวิธี ผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์แล้ว 2,600 ราย ประเมินมูลค่าความเสียหายกว่า 5,000 ล้านบาท สั่งอายัดเงินแล้ว 500 ล้านบาท ระบุห้ามทำธุรกรรมใดๆ ด้าน DCHL ยันให้ผู้เสียหายนำสินค้าไปรับเงินคืน หลังรัฐยกเลิกอายัดเงิน ด้าน DSI รอผล 3 เดือน ชี้ชะตาเสร็จสิ้น


ในเวลานี้คงมีน้อยคนนักที่ไม่รู้จัก บริษัท ดิจิตอล คราวน์ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ DCHL เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทดังกล่าวมีข่าวไม่เว้น แต่ละวันเกี่ยวกับการทำธุรกิจเป็นแชร์ลูกโซ่ มากกว่าการทำธุรกิจ ขายตรง และจากการทำธุรกิจในลักษณะดังกล่าวได้มีผู้เสียหาย เป็นจำนวนมากได้เข้าไปร้องเรียนกับ สำนักงานคณะกรรมการ- คุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบบริษัทดังกล่าว


ล่าสุด สคบ. ได้ร่วมกับกองปราบปราม และกรมสอบสวน คดีพิเศษ หรือ DSI เข้าทำการตรวจค้นที่ บริษัท ดิจิตอล คราวน์ โฮลดิ้ง จำกัด เลขที่ 338 อาคาร ดี ซี เอช แอล จำกัด ถ.พระราม 9 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ และจากการตรวจสอบพบ ว่า บริษัทดังกล่าวได้จดทะเบียนกับ สคบ. ในรูปแบบธุรกิจ ขายตรงน้ำมันหอมระเหย และตะเกียง แต่มีผู้ใช้ร้องเรียนว่าบริษัท ดังกล่าวดำเนินธุรกิจในลักษณะแชร์ลูกโซ่ โดยได้มีการชักชวน ให้ร่วมลงทุน และหาสมาชิกเพิ่ม หากหาสมาชิกใหม่มาได้ 5-6 คน ก็จะได้รับเงินปันผลเพิ่มขึ้นถึง 21,000-26,000 บาท


พ.ต.อ.นิรันดร์ อดุลยศักดิ์ ผ้บูัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 1 กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI เปิดเผยว่า จากการเข้าตรวจค้น พบว่า บริษัท DCHL ได้กระทำธุรกิจในลักษณะแชร์ลูกโซ่ ซึ่งเป็น ธุรกิจที่ผิดกฎหมายจริง และขณะนี้ได้สั่งการให้บริษัทดังกล่าว หยุดดำเนินการธุรกิจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากยังฝ่าฝืนจะทำการ ปรับเป็นเงินจำนวน 10,000 บาทต่อวัน ไปจนกว่าจะหยุดดำเนินการ พร้อมกันนี้ยังได้สั่งอายัดเงินในบัญชีของบริษัทไว้แล้วจำนวนกว่า 500 ล้านบาท และได้เสนอคดีนี้กับอัยการให้ฟ้องเป็นคดีอาญา และคดีแพ่ง พร้อมกับสั่งให้มีการจับกุมผู้ที่กระทำความผิดในคดี ดังกล่าวจำนวน 20 ราย ซึ่งขณะนี้จับกุมได้แล้ว 9 ราย


ในด้านของผู้เสียหาย ขณะนี้มีผู้ร้องทุกข์แล้ว 2,600 ราย หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม คาดว่าอย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่สามารถคืนเงินลงทุน น่าจะมีผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียนเพิ่มอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่ง DSI ก็พร้อมที่จะอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ต้องการเข้ามาร้องเรียน โดย DSI จะตั้งโต๊ะรับเรื่องร้องเรียน และพร้อมกับจ่ายค่าเดินทาง เป็นบางส่วนให้กับผู้เสียหายที่อยู่ในต่างจังหวัด และในกรุงเทพฯ ที่เดินทางมาให้การกับคดีนี้


ขณะที่ บริษัท DCHL ที่ตกเป็นผู้ต้องหา เบื้องต้นบริษัทได้ ออกมารับผิดชอบด้วยการคืนเงินตามจำนวนที่ผู้เสียหายแต่ละราย ได้ลงทุนไป แต่ต้องมีสินค้าของบริษัทไปยื่นคืนให้แก่บริษัทด้วย อย่างไรก็ตามบริษัทยังไม่สามารถคืนเงินลงทุนให้กับผู้เสียหายได้ในขณะนี้ เนื่องจากเงินในบัญชีของ บริษัทได้ถูกอายัดไว้จึงต้องรอให้มีการดำเนินคดีให้เสร็จ สิ้นก่อนจึงจะสามารถคืนเงินให้กับผู้เสียหายได้ ซึ่ง DSI รับรองว่าผู้เสียหายจะได้เงินที่ลงทุนคืนกลับอย่าง แน่นอน หากจำนวนเงินที่ได้อายัดไว้ไม่เพียงพอกับ ค่าเสียหายที่ต้องจ่าย DSI จะไปติดต่อกับกรมคุ้มครอง สิทธิ์ว่าในกรณีที่ถูกหลอกลวงจะสามารถจ่ายเงิน ค่าเสียหายให้ได้หรือไม่ แต่ยังไม่สามารถรับปากได้ หาก เป็นกรณีที่ผู้ต้องหาถูกดำเนินคดีแล้วต่อมาศาลยกฟ้อง ผู้เสียหายสามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้ อย่างไรก็ดี ในด้านการดำเนินคดี DSI คาดว่า จะดำเนินคดีให้เสร็จสิ้นภายใน 3 เดือน โดยจะดำเนินการ เสร็จเป็นส่วนๆ ซึ่ง 70 คนแรกที่ได้เข้ามาร้องเรียน ก่อนนั้นได้ส่งฟ้องศาลไปแล้วเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2555 ที่ผ่านมา และที่เหลือจะทำการสอบปากคำและ ส่งฟ้องศาลให้เร็วที่สุด


ณัชภัทร ขาวแก้ว นิติกรชำนาญการ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวว่า ขณะนี้ สคบ. ได้สั่งเพิกถอนใบอนุญาตการทำธุรกิจของ DCHL ไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2555 ที่ผ่านมา หากยังมีการฝ่าผืนจะสั่งปรับเป็นเงินวันละ 10,000 บาท หากย้อนไปก่อนที่จะมีการดำเนินการจับกุมบริษัท ดังกล่าว สคบ. ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทำธุรกิจ แชร์ลูกโซ่ของบริษัทดังกล่าว มาตั้งแต่ปลายปี 2553 แต่ยังไม่สามารถที่จะเอาผิดได้ เนื่องจากในการเข้า ร้องเรียนมีความแตกต่างกัน


อย่างไรก็ตาม ในการที่จะดำเนินคดีในแต่ละ ครั้งนั้นจะต้องมีหลักฐานที่สามารถเอาผิดได้จริง และ ต้องผิดพลาดไม่ได้ ดังนั้น สคบ. จึงได้ทำการประชุม ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานป้องกันและ ปราบปรามการฟอกเงิน และกลุ่มป้องปรามการเงินนอก ระบบ เพื่อหาข้อมูลในเรื่องนี้เพื่อจะดำเนินการต่อ และ หลังจากนี้ สคบ. จะทำหนังสือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในจังหวัดต่างๆ เพื่อเตือนประชาชนในการทำธุรกิจ แชร์ลูกโซ่ต่อไป


จากกรณีดังกล่าวเพื่อเป็นการเผยแพร่ให้กับ ประชาชนได้รับรู้ถึงการทำธุรกิจที่ไม่ถูกต้องของ DCHL น.ส.โนเนม (นามสมมติ) ผู้เสียหายจากกรณีดังกล่าว ได้เข้าร้องเรียนกับรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งเพื่อ เผยแพร่ให้กับประชาชนได้รับทราบ โดย น.ส.โนเนม เล่าว่า ครั้งแรกที่ได้ลงทุนทำธุรกิจกับ DCHL ได้ใช้ งบลงทุน 230,000 บาท เริ่มสมัครในเดือนมีนาคม 2555 ที่ผ่านมา และหลังจากทำธุรกิจไปไม่นานก็ได้เงินคืน จำนวน 200,000 บาท แต่สิ่งที่ทำให้ตัดสินใจเลิกทำ เพราะข้อมูลที่ได้รับกับความเป็นจริงไม่ตรงกัน


น.ส.โนเนม เล่าต่อไปว่า ตอนเข้าไปช่วงแรกๆ คนที่เป็นระดับผู้นำจะมีการพูดโน้มน้าวให้ทำธุรกิจ โดย ยกตัวอย่างคนที่ประสบความสำเร็จให้ฟัง และบอกว่า ถ้าทำไม่ได้ระบบก็จะมีการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน หลังจากนั้นก็ให้เริ่มหาคนเข้ามาร่วมทำธุรกิจด้วย การสอนให้ไปโกหกคนอื่นเพื่อให้เข้ามาร่วมธุรกิจหากทำ ไม่ได้ก็จะมีการต่อว่า


นอกจากนี้หากทำไปสักพักจะให้ลงทุนเพิ่ม หากไม่มีเงินทุนก็จะพูดเกลี้ยกล่อมให้ขายทรัพย์สิน ที่มีอยู่เพื่อนำเงินมาลงทุน บางรายถึงขั้นต้องไปหลอก ขายทรัพย์สิน ขายที่ดิน ขายบ้าน จากญาติพี่น้อง เพื่อ นำเงินไปลงทุน จากจุดนี้ทำให้ตนมองเห็นว่าธุรกิจนี้ ไม่ใช่ธุรกิจที่ถูกต้อง เพราะสอนให้สมาชิกโกหกหลอก- ลวงคนอื่น จึงตัดสินใจเลิกทำธุรกิจดังกล่าว


อนึ่ง บริษัท ดิจิตอล คราวน์ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ DCHL นั้น เป็นบริษัทนำเข้าตะเกียงน้ำมันหอมระเหย อโรมา บำบัด สินค้านำเข้าจากประเทศฝรั่งเศส ซึ่งใน ภูมิภาคเอเชีย มีบริษัท DCHL ตั้งอยู่ทั้งหมดประมาณ 14 ประเทศ รวมทั้งในประเทศไทย และเป็นบริษัทที่ได้ จดทะเบียนเป็นบริษัทที่ถูกต้องตามกฎหมาย


อย่างไรก็ตาม แม้บริษัทดังกล่าวจะถูกสั่งให้ ปิดกิจการไปแล้ว แต่สุดท้ายแล้วเรื่องนี้จะจบลง อย่างไรนั้น ต้องติดตามกันต่อไปว่าหน่ายงานภาครัฐ จะเอาจริงเอาจังกับเรื่องดังกล่าวอย่างไร และคาดว่า จากกรณีนี้ จะเป็นอุทาหรณ์สำหรับหลายๆ คน ที่ต้องการจะมีรายได้สูง แต่ขาดสติในการยั้งคิดก่อน ที่จะทำธุรกิจและคงเป็นตัวอย่างให้กับหลายบริษัท ที่ยังมีพฤติกรรมการทำธุรกิจในรูปแบบนี้ได้เห็นว่า สุดท้ายการทำอะไรที่ไม่ถูกต้องจะต้องจบลงในแบบที่ไม่สวยงามเสมอ



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ. เดอะ พาวเวอร์ เน็ตเวิร์ค ปีที่ 9 ฉบับที่ 211 วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

4 ความคิดเห็น:

  1. อีจิน ไอ่มาร์ค ทำใมไม่เห็นออกมารับผิดชอบอะไรกับพวกกูเลยวะ เกลียดพวกแกจริงๆ dchl เฮี้ย

    ตอบลบ
  2. อยากเอาตี่นเหยียบขี้หมาแล้วเอาไปเหยียบหน้ามึงจริงๆ ไอ่โอ+เอ+ปุ๋ย พวกมึงเคยพูดใว้ว่าถ้าบริษัทปิดให้เอาตีนเหยียบขี้หมาแล้วเอาไปเหยียบหน้ามึง อยากฆ่าพวกมึงให้ตายชิบหาย อย่าเจอนะมึง เพราะพวกมึงทำให้กูต้องเป็นหนี้ขนาดนี้ พวกมึงตายแน่ไอ่เลวเอ่ย

    ตอบลบ
  3. ไอ้ผวกรวงโลกหลอกกูสโนดที่ดินต้องไปอยู่นายทุนกูตัองหาเงินส่งมา-3ปียังไม่ได้คืนผมพร้อมจะให้ข้อมูลขอให้DSIหน่วยงานที่เกียวข้องช้วยเลีอประชาชนด้วยครับท่าน

    ตอบลบ
  4. ไอ้พวกต้มตุ่นหลอกให้ไปกู้เงินมาทำให้เป็นหนี้หลายแสนไม่เห็นออกมารัับผิดชอบอะไรเลย

    ตอบลบ