ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพุธที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2556

ล้างบาง ขายตรงนอกรีต ปิดฉาก สหกรณ์กำมะลอ









เปิดโปง ธนธรรมไทย เน็ทเวิร์ค สังเวยกระบี่ ดีเอสไอ เป็นรายล่าสุด หลังพบพฤติกรรมซ่อนเร้น เปิดกิจการสหกรณ์บังหน้า ก่อนผันแปรสู่ธุรกิจขายตรงเต็มรูปแบบ ชี้ปมหายนะ ที่ดึงดูด แมงเม่า บินเข้ากองไฟ เหตุเพราะหลงคำโฆษณาชวนเชื่อภายใต้ แคมเปญ ตื่น-ตาย กู้ได้เงินแสนแต่สุดท้ายจบลงด้วยการ เบี้ยว ตามฟอร์ม สมาชิกนับพันดาหน้าร้องทุกข์กล่าวโทษ คาดเสียหาย กว่า 12,000 ราย



บทเรียนที่ยากจะจดจำ ปัญหา โลกแตกคนขายตรง


ปฏิบัติการกวาดล้าง ขายตรง เถื่อน ยังคงเดินหน้าต่อไปอย่างไม่ หยุดยั้ง ตราบใดที่สังคมไทยยังเต็ม ไปด้วยความ โลภ การบังคับ กฎหมายไร้ประสิทธิภาพ การที่ใคร สักคนจะหลุดเข้าไปติด กับดักแห่ง ผลประ โยชน์ ก็ยังคงจะต้องเกิดขึ้น อยู่อย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า วิวัฒนาการของการนำเอา ธุรกิจขายตรงมาเป็นฉากบังหน้า กำลังเป็นปัญหาใหญ่ของสังคม เนื่องจากมาตรฐานด้านกฎหมาย รวมถึงการบังคับใช้กฎหมาย ยังขาด ประสิทธิภาพ รวมทั้งยังขาดองค์กรที่รับผิด ชอบอย่างเต็มรูปแบบเข้ามาดำเนิน การ ในการกำกับและตรวจสอบอย่าง จริงจัง ในรอบเดือนกุมภาพันธ์ 2556 ที่ผ่านมา นับเป็นห้วงเวลาแห่ง หายนะในวงการธุรกิจขายตรง เนื่องจากมีการกล่าวโทษร้องทุกข์ต่อ เจ้าพนักงาน เป็นจำนวนมาก รวมทั้ง ยังมีการร้องเรียนไปยังสำนักงาน คณะกรรมการคุ้ม ครองผู้บริโภคหรือ สคบ.อีกจำนวนไม่น้อย แต่การที่ดำเนินการเอาผิดเอา โทษต่อขบวนการเหล่านี้ กลับอยู่ใน สภาพที่ไม่ต่างอะไรกับ ผีถึงป่าช้า เนื่องจากกว่าจะมีการดำเนินการ ก็ เกิดความเสียหายขึ้นแล้ว 25 มกราคม 2556 มีผู้เสีย หายจากภาคเหนือ จำนวน 880 คน ได้ทยอยเข้าร้องทุกข์ต่อดีเอสไอ หลังจากนั้นในเวลาต่อมา ดี เอสไอ รับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ 11 กุมภาพันธ์ 2556 ปฏิบัติ การกวาดล้าง บริษัทขายตรงเถื่อน ได้เริ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยนาย ธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวน คดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ประสานงาน กับศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาค เหนือ จ.เชียงใหม่ เพื่อสอบสวน ตัวแทนผู้เสียหายกว่า50 คน ผลการสอบสวนเบื้องต้น นายสุประดิษฐ์ ปัญญาสุริยะโชติ หนึ่งในผู้เสียหายให้การว่า...ในเดือน พฤษภาคม 2555 ตนและผู้เสียหาย รายอื่น ๆ ในภาคเหนือ ได้ถูกชักชวน ให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกกับสหกรณ์ แห่งหนึ่งมีชื่อว่า... สหกรณ์ออม ทรัพย์ธนธรรมไทย มีสำนักงานใหญ่ อยูที่ 23/10 หมูที่ 4 ตำบลคลองสอง อำเภอคลองหลวง จ.ปทุมธานี สหกรณ์แห่งนี้ มีวิธีการปรน เปรอผลประโยชน์หลายรูปแบบ ภาย ใต้สโลแกนสวยหรู สามระบบ สยบ ความจน รวมทั้งโครงการ ตื่น-ตาย- กู้ได้เงินแสน ที่ฟังแล้วกระชากใจ ชาวรากหญ้ายิ่งนัก ในจดหมายชี้ชวนที่ปลิวว่อน ไปทั่วอินเตอร์เน็ต มีการกล่าวอ้างว่า สหกรณ์ ฯ แห่งนี้ ได้มีการจดทะเบียน กับชุมนุมสหกรณ์แห่งประเทศไทย และได้รับอนุญาตจากกรมส่งเสริม สหกรณ์ กระทรวงเกษตรฯ อย่างถูก ต้องตามกฎหมายทุกอย่าง รูปแบบการดำเนินกิจการ มี การวางบทบาทของตนเองเอาไว้ 2 สถานะด้วยกัน สถานะที่ 1 ก็คือ การเป็น แหล่งระดมเงินออมจากมวลหมู่ สมาชิก โดยมีการกำหนดอัตรา ดอกเบี้ยผลตอบแทนสำหรับผู้ออม เงินสูงกว่าระบบธนาคารพาณิชย์ ทั่วไป อยูที่2.5-5% ขณะเดียวกันทางด้านเงินกู้ สมาชิกของสหกรณ์ สามารถใช้สิทธิ ในการกูยืมเงินได้ โดยเสียดอกเบี้ย ในอัตรา 12% ต่อปี หรือร้อยละ 1 บาท/ เดือน กำหนดวงเงินกู้เอาไว้ไม่ เกิน 80,000 บาท/ราย โดยไม่ต้องนำ เอาหุ้นมาคํ้าประกันหรือถ้าจะฝาก หุ้นก็สามารถกู้ได้ จำนวน 3 เท่าของ หุ้น สถานะที่ 2 ก็คือ แม้ว่า สหกรณ์ฯ แห่งนี้ จะออกตัวว่าไม่ได้ เป็นบริษัทประกันชีวิต แต่ก็มีการ ดำเนินการที่ไม่ได้แตกต่างไปจาก บริษัทประกันชีวิตแต่อย่างใด กล่าวคือ ในเงื่อนไขการเข้า เป็นสมาชิกสหกรณ์ มีการระบุว่า หากเป็นสมาชิกครบ 3 เดือน แล้วเสีย ชีวิต สมาชิกก็จะได้รับสิทธิการ คุ้มครองในวงเงินช่วยเหลือ 100,000 บาท/ราย โดยผู้ที่จะได้รับสิทธิดัง กล่าว ไม่จำกัดอายุ ไม่ต้องตรวจโรคใด ๆ หรือแม้แต่มีโรคประจำตัว หรือ กำลังป่วย ก็สามารถได้รับสิทธิการ คุ้มครองอย่างเท่าเทียมกัน หากเป็นสมาชิกครบ 6 เดือน ไม่เสียชีวิต ก็สามารถใช้สิทธิในการกู้ เงินก่อนตายหรือที่เรียกว่า เงินใน อนาคต มาใช้ก่อนได้ ทั้งนี้ ในเงื่อนไขการรับสมัคร สมาชิก มีการกำหนดเอาไว้ว่าผู้ที่จะ สามารถใช้สิทธิดังกล่าว จะต้องมา สมัครสมาชิกภายในเดือนสิงหาคม 2555 เท่านั้น โดยหากพ้นช่วงเวลาดังกล่าว ไปแล้ว ทางสหกรณ์ฯ ก็จะใช้หลัก เกณฑ์ปกติทั่วไป นั่นคือ หากสมาชิก สมัครครบ 90 วัน หากเสียชีวิต ก็จะ ได้รับเงินช่วยเหลือจำนวน 30,000 บาท หากสมัครครบ 180 วัน หากเสีย ชีวิตก็จะได้รับ 50,000 บาท หรือถ้า สมัครครบ 1 ปี หากเสียชีวิต ก็จะได้ รับเงินจำนวน 100,000 บาท ซึ่งผู้ที่ ได้รับสิทธิดังกล่าว จะมีการตีกรอบ เอาไว้ว่าจะต้องอายุไม่เกิน 80 ปี ช่วงระยะเวลาเริ่มต้นของการ ก่อตั้งสหกรณ์ มีรายงานตัวเลขจาก ฝ่ายบริหารว่า ระยะเวลา 3 เดือน มี สมาชิกทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการ แล้วไม่ตํ่ากว่า 4,000 พันคน โดยใคร ที่มีความต้องการเงินตั้งต้นชีวิต สามารถยื่นกู้ได้ง่ายๆไม่ต้องมีงานทำ ไม่ต้องมีเครดิต หรือแม้แต่ติด แบล็ค ลิสต์ ก็สามารถกู้ได้ เพียงแต่เป็น สมาชิกให้ครบกำหนดระยะเวลา เท่านั้น นี่คือ คำบอกเล่าเบื้องต้น ถึง วิธีการในการสร้างเงื่อนไขผล ประโยชน์ที่ดูจะตรงใจคนรากหญ้า เป็นอันมาก เนื่องจากสังคมชนบท ส่วนใหญ่เป็นคนยากจน การที่มีใคร สักคนเสียชีวิต มักจะประสบปัญหา เรื่องเงินค่าทำศพ สุดท้ายก็ต้องไปกู้ หนี้ยืมสินจากนายทุน


จับจุดอ่อนสังคมไทยมาเป็นจุดขาย


สรรหาสารพัดปรนเปรอ เงื่อนไขการเป็นสมาชิก สหกรณ์ออมทรัพย์ ธนธรรมไทย มี หลัก ๆ อยู่ 3 ข้อด้วยกัน คือ 1.เงื่อนไขการสมัครเพื่อ รับสิทธิในด้านเงินค่าทำศพ โดย สมาชิกจะเสียเงินสมาชิกแรกเข้า จำนวน 350 บาท 50 บาท คือ ค่าทำ บัตรสมาชิก ส่วนอีก 300 บาท คือค่า ช่วยเหลือศพล่วงหน้า 3 เดือน จะว่าไปแล้ว ก็เหมือนกับการ เก็บเบี้ยประกันชีวิตนั่นเอง เพียงแต่ วิธีคิดของสหกรณ์แห่งนี้ เป็นการเก็บ ครั้งเดียวเพื่อจ่ายครั้งเดียวในกรณี ตายเท่านั้น ที่น่าสนใจและดูจะเกินเลยไป จากระบบประกันชีวิตทั่วไป ก็คือ การ เสียเงินค่าสมัครสมาชิกดังกล่าว นอกเหนือจากการให้เงินค่าทำศพแก่ ตัวเองแล้ว หากแต่ยังมีการให้สิทธิ ประโยชน์ในการจ่ายค่าทำศพแก่ สมาชิกในครอบครัวทั้งหมดด้วย ไม่ ว่าจะเป็น พ่อ แม่ บุตร สามี ภรรยา พี่ น้อง โดยจะได้รับเงินค่าทำศพ ราย ละ 30,000 บาท และถ้าหากเป็นสมาชิกครบ 6 เดือน ก็จะได้ศพละ 50,000 บาท หรือ ถ้าเป็นสมาชิกครบ 1 ปี ก็จะได้รับศพ ละ 100,000 บาท อย่างไรก็ดี แม้เงินค่า ทำ ศพ จะอาศัยการเก็บเงินค่า สมาชิกมาเป็นแรงสนับสนุน แต่ทาง สหกรณ์แห่งนี้ ก็มีการเรียกเก็บเงิน สมทบเพิ่มเติมจากเพื่อนสมาชิกทั้ง มวลศพละ 10 บาท แต่ไม่เกิน 100 บาทในแต่ละเดือน 2. เงื่อนไขการ สมัครสมาชิกสหกรณ์ ออมทรัพย์ โดย ผู้สมัคร จะเสียค่าใช้จ่ายดังนี้


หนึ่ง .สมาชิกแรกเข้ 300 บาท สอง.ค่าเปิดบัญชี 100 บาท


3. ค่าฝากเงินเริ่มแรก 100 บาท ซึ่งสมาชิกสามารถฝากเพิ่มได้ โดยจะได้รับดอกเบี้ย3.5-5.5ตาม เงื่อนไขที่สหกรณ์กำหนด 4. ค่าซื้อหุ้นเริ่มต้น100 บาท หรือ จำนวน 10 หุ้นๆ ละ 10 บาท โดยสมาชิกสามารถซื้อเพิ่มได้ตาม กำลังทรัพย์ของแต่ละคน 3. เงื่อนไข การเป็นสมาชิกในโครงการ ตื่นได้ เงินแสน มีรายละเอียดดังนี้ ประการแรก ผู้สมัครสมาชิก จะเสียค่าสมัครแรกเข้าจำนวน 1,500 บาท โดยเสียเพียงครั้งเดียวตลอด ชีวิต ประการที่สอง สมาชิก สามารถได้สิทธิในการร่วมสร้างรายได้กับสหกรณ์ เริ่มต้นวันละประมาณ 200 บาท ขึ้นไป แบบง่าย ๆ ผ่าน ระบบเครือข่าย โดยทางสหกรณ์จะ วางระบบขยายงานผ่านเว็บไซต์ให้ ถือเป็นโบนัสพิเศษสำหรับสมาชิก ที่ แทบไม่ต้องออกไปตระเวนหาลูกค้า ให้เหนื่อย เพราะฉะนั้น ดูจากเงื่อน ไขใน การรับสิทธิประโยชน์ จะเห็นว่า โครงการ ตื่น-ตาย-กู้ได้เงินแสน หากถอดรหัสออกมา จะเห็นว่า มีช่องทางรองรับผลประโยชน์มากกว่า สโลแกนที่บริษัทที่ประกาศออก ไปด้วยซํ้า เริ่มจากจุดแรก ก็คือ ช่องทาง ผ่านการรับสิทธิเงินค่าทำศพ จะเห็น ว่า การชำระเงินเพียง 350 บาท เพียง ครั้งเดียว ไม่เพียงแต่จะได้รับสิทธิ เฉพาะตัวเองเท่านั้น หากแต่ยัง มีการ เอื้อประโยชน์ไปยังญาติพี่น้องทั้ง ตระกูล ยกตัวอย่าง หากมีลุงแก่ ๆ คน นึง มีลูก 5 คน มีภรรยาแก่ ๆ อีก 1 คน หากสถานภาพการเป็นสมาชิกใคร คนใดคนหนึ่งยังคงอยู่ไม่มีวันสิ้นสุด โอกาสที่ลูก ๆ หรือภรรยา ของลุงท่าน นี้ จะได้ใช้สิทธิในการรับเงินค่าทำศพ ทุกคน ย่อมเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะในโลกนี้ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า สรุปง่าย ๆ ก็คือ หากครอบ ครัวของลุงท่านนี้ มี 7 คน หากวัน ใดวันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุตายพร้อม ๆ กัน หรือตายต่างวาระกัน ยังไง ๆ เสีย สหกรณ์ ฯ ก็จะต้องเสียเงินค่าทำศพ ไม่ตํ่ากว่า 7 แสนบาท อย่างแน่นอน นี่คือ สิ่งที่ใครต่อใครหลายคน ต่างสงสัยกัน ว่าสหกรณ์ ธนธรรมไทย ทำได้อย่างไร มันจะเป็นวิธีการระดม ทุนอีกรูปแบบหนึ่งหรือเปล่า นี่คือ คำถามที่แพร่ผ่านกระทู้ในหลาย เว็บไซต์ ในประเด็นต่อมา หากมาดู เงื่อนไขในการระดมเงิน ผ่านการออก หุ้นของสหกรณ์ฯแห่งนี้ แม้การเป็น สมาชิกแรกเข้าจะใช้เงินไม่มากนัก แต่ถ้าหากมีการให้สิทธิประโยชน์ จูงใจในเรื่องเงินปันผลที่สูง มันก็น่า จะเป็นช่องทางในการระดมทุนที่ สำคัญอีกช่องทางหนึ่ง ประเด็นสุดท้าย กรณีการ สมัครสมาชิกเพื่อรับสิทธิในการทำ ธุรกิจร่วมกับสหกรณ์ แม้จะมีการกา รันตีรายได้ขั้นตํ่าที่ 200 บาท/วัน แต่ ก็ต้องใช้เงินในการสมัครสมาชิกสูง ประมาณ 1,500 บาท ตรงนี้เท่าที่ตรวจสอบดู พบว่า ได้รับความสนใจน้อยกว่าในทุก ๆ ช่องทาง เนื่องจากชาวบ้านส่วนใหญ่ ให้ความสนใจในเรื่องเงินค่าทำศพ และสิทธิในการกูเงินเสียมากกว่า ใน 3 ช่องทาง ทางสหกรณ์ ไม่ ได้มีการบังคับ ให้มีการสมัครทั้งหมด คนทั่วไปที่สนใจ สามารถเลือกที่จะ สมัครสมาชิกประเภทใดประเภทหนึ่ง ก็ได้ ดังนั้นหากแบ่งกลุ่มผู้เข้าร่วม เป็นสมาชิกของสหกรณ์แห่งนี้ จะเห็นว่า ช่องทางที่ 1 จะมีคน จำนวนมากเลือกที่จะสมัครเป็น สมาชิก ขณะที่ช่องทางสุดท้าย จะ เป็นกลุ่มที่สนใจมาทำ ธุรกิจกับ สหกรณ์อย่างจริงจัง ซึ่งเหตุแห่ง หายนะของสหกรณ์แห่งนี้เป็นอย่างไร เดี๋ยวจะกล่าวในภายหลัง


เมื่อแผนถูกเปิดโกง จุดเปลี่ยนสู่ธุรกิจขายตรง


ในแผนการการตลาดที่ทาง สหกรณ์ได้วางเอาไว้ ได้กำหนดให้ พื้นที่ภาคเหนือตอนบน เป็นโครงการ ต้นแบบ โดยส่วนใหญ่จะประกอบ ด้วย เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง และ ลำพูน โดยผู้นำในเครือค่าย ได้มี การโหมโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ รวม ทั้งมีการรีครูทคนในแถบจังหวัดภาค เหนือ เข้ามาร่วมโครงการอย่างต่อ เนื่อง มีการประมาณกันว่า ในช่วง เดือนสิงหาคม-กันยายน 2555 มี สมาชิก เข้าร่วมโครงการนี้ไม่ตํ่ากว่า 7,000-8,000 คน ด้วยเหตุที่ส่วนหนึ่ง มาจากแรงจูงใจในด้านผลประโยชน์ รวมทั้งความเชื่อมั่นว่า สหกรณ์ฯ แห่งนี้ เป็นสหกรณ์ที่จดทะเบียนถูก ต้องตามกฎหมาย
แต่ครั้นเมื่อย่างเข้าสู่เดือน พฤศจิกายน 2555 ลางร้ายของ สหกรณ์แห่งนี้ ก็เริ่มสั่นคลอนความ เชื่อมั่นสมาชิก เนื่องจากมีข้อความ จากกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้ปรากฏในเว็บไซต์บางเว็บไซต์ โดยมีการแจ้ง ไปยังชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่ง ประเทศไทย(ชสอ.) ผ่านสำนักงาน สหกรณ์จังหวัดนนทบุรีว่า มีกลุ่มบุคคลได้ดำเนินการ ประชาสัมพันธ์ เปิดรับสมัครสมาชิก ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยใช้ชื่อว่า สหกรณ์ออมทรัพย์ธนธรรมไทย จำกัด มีที่ตั้งสำนักงานเลขที่23/10 หมูที่ 4 ตำบลคลองสอง อำเภอคลอง หลวง จ.ปทุมธานี ชสอ.ขอแจ้งให้ให้ ทราบว่า สหกรณ์ออมทรัพย์ธนธรรม ไทย จำกัด ตามที่กลุ่มบุคคลแอบอ้าง ใช้นั้น ยังมิได้รับการจดทะเบียนจัด ตั้งเป็นนิติ บุคคลสหกรณ์ ตาม พ.ร.บ. สหกรณ์ พ.ศ.2552 ปัจจุบันมีกลุ่ม บุคคลดำเนินการขอจดทะเบียนจัด ตั้งสหกรณ์อยู่ในขั้นตอนการประชุม ผู้ซึ่งประสงค์จะเป็น สมาชิกในจังหวัด ปทุมธานีเท่านั้น ตามรายละเอียด หนังสือที่แนบมาแล้วนี้ ทาง ชสอ.ขอ เรียนให้สหกรณ์สมาชิกทราบว่า สหกรณ์ออมทรัพย์ธนธรรมไทย จำกัดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสมาคม ฌาปนกิจสงเคราะห์ สหกรณ์ออม ทรัพย์ ที่ชสอ.จัดตั้งขึ้นแต่อย่างใด นี่คือ หลักฐานชิ้นสำคัญ ที่ เริ่มทำให้สมาชิกจำนวนมากเริ่มหูตา สว่างมากขึ้น แต่โดยข้อเท็จจริงแล้ว จากการสอบถามกับสมาชิกรายหนึ่ง ของสหกรณ์แห่งนี้ บอกกับ ตลาด วิเคราะห์ ว่า เรื่องนี้ทางผู้บริหาร ของสหกรณ์ รู้มาก่อนหน้านี้แล้วว่า ทางกรมส่งเสริมสหกรณ์ จะมีออกใบ อนุญาตให้ ในช่วงนั้น เข้าใจว่าจะเป็น ช่วงเดือนกันยายน ซึ่งผู้บริหารทุกคน ทราบดีว่า การที่จะจัดตั้งสหกรณ์ ออมทรัพย์ เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากรูป แบบและวิธีการ ล้วนแต่ขัดกับ กฎหมายทั้งสิ้น แหล่งข่าวรายหนึ่ง กล่าว จนกระทั่งต่อมาในระยะหลัง ในช่วงปลายปี 2555 นางณกนกภ์ ในฐานะที่เป็นผู้บุกเบิกการก่อตั้ง สหกรณ์แห่งนี้ จึงได้เบนเข็มหันมา เปิดบริษัทขายตรงขึ้น โดยใช้ชื่อว่า บริษัท ธนธรรมไทย เน็ทเวิร์ค ซึ่ง จากการตรวจสอบไม่ปรากฏหลัก ฐานว่ากิจการแห่งนี้จะไปจดทะเบียน ประกอบธุรกิจขายตรงกับทางสคบ. แต่อย่างใด
การพลิกสถานการณ์เข้าสู่ การเป็นบริษัทขายตรงเต็มรูปแบบ ดู จะเป็นทางเลือกทางเดียว ที่นาง ณกนกภ์ จะยังคงรักษาฐานสมาชิก รวมทั้งรักษาสถานภาพของกิจการให้ เดินต่อไปได้ เนื่องจากเงื่อนไขหรือ พันธะที่ทำเอาไว้กับสมาชิกในยุคที่ ยังเป็นสหกรณ์ออมทรัพย์ จำเป็นจะ ต้องสานต่อ เพื่อแสวงหารายได้มา จ่ายให้แก่สมาชิกที่เสียชีวิต รวมไปถึง สิทธิประโยชน์ด้านอื่น ๆ ทั้งด้าน การลงทุนในรูปแบบหุ้น หรือรวม ไปถึงการร่วมธุรกิจกับบริษัท ที่จะ ต้องปรับวิธีทางการตลาด รวมทั้ง เงื่อนไขผลประโยชน์ให้สอดคล้อง ไม่ ให้เกิดอาการสะดุด การเรียกความเชื่อมั่น จาก กรณีปัญหาการดำเนินกิจการของ สหกรณ์สะดุด นางณกนกภ์ ได้ให้ เหตุผลต่อคณะกรรมการสหกรณ์ที่ ส่วนใหญ่เป็นตัวแทนจากสมาชิกว่า มีความจำเป็นจะต้องยุบสหกรณ์ เป็นบริษัทจำกัด เนื่องจากการบริหาร งานในรูปแบบสหกรณ์เป็นอุปสรรค ทำให้การดำเนินงานในส่วนต่าง ๆ ล่าช้า นอกจากนี้ข้อดีของการเป็น บริษัทจำกัด ทำให้ตนสามารถใช้ สิทธิของการเป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ลงนามในการอนุมัติการปล่อยกู้ให้ กับสมาชิกได้สะดวกขึ้น ซึ่งจะเป็นผล ดีต่อการทำธุรกิจระยะยาว
ขณะเดียวกัน ปัญหากรณี ที่ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ไม่อนุมัติการจด ทะเบียน กลับไม่ได้มีการชี้แจง เหตุผล หรือพูดความจริง ให้กับคณะ กรรมการหรือมวลหมู่สมาชิกให้รับ ทราบแต่อย่างใด ทั้ง ๆ ที่ นางณกนกภ์ ก็ทราบ ดีมาตั้งแต่ต้นว่า การดำเนินกิจการใน รูปสหกรณ์ ที่มีการโฆษณาชวนเชื่อ ว่า ได้รับการรับรองจากกรมส่งเสริม สหกรณ์ ล้วนแต่เป็นเท็จทั้งสิ้น นี่คือ ประเด็นหนึ่ง ที่หลายคน มองว่า นางณกนกภ์ มีการปกปิด อำพราง สมอ้างสถานะของกิจการ เพื่อหวังที่จะใช้เป็นเครื่องมือในการ ระดมเงินเข้ามาสนับสนุนกิจการต่อไปครั้นเมื่อเริ่มมีกระแสข่าวจาก ทางราชการแพร่สะพัดออกไป ตาม เว็บไซต์ต่าง ๆ จึงเริ่มหาทางเปลี่ยน บทบาทจากสหกรณ์มาเป็นกิจการ ขายตรง โดยครั้งนี้ มีการเปิดเผยหลักฐานการเข้ารับการจดทะเบียนธุรกิจ ขายตรง ที่ได้รับการอนุญาตจาก สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้ บริโภค (สคบ.) ที่ระบุเอาไว้วันที่ 6 ธันวาคม 2556 โดยในเบื้องต้น แม้จะส่งผล กระทบกับสมาชิกรายใหม่ที่กำลัง ตัดสินใจจะเข้าร่วมธุรกิจด้วย แต่ สำหรับสมาชิกเก่า คงไม่มีทางเลือก อะไรที่มากไปกว่าการที่จะต้องร่วม หัวจมท้ายกับบริษัทฯ ต่อไป เนื่องจาก เงินทุกบาททุกสตางค์ที่เสียไป ยัง หวังที่จะได้ผลตอบแทนตามที่ได้มี การตกลงกันเอาไว้ บริษัท ธนธรรมไทย เน็ทเวิร์ค อาศัย หจก.ตื่นได้เงินแสน ซึ่งมีนาย พรศิลป์ อินตานันท์ เป็นหัวหอกใน การบริหารเครือข่าย เข้ามาปลุก กระแส เพื่อหวังที่จะสร้างเครือข่ายให้ เติบใหญ่ต่อไป
โดยรูปแบบการทำธุรกิจ เป็น รูปแบบของการทำตลาดแบบขาย ตรง ที่มองดูจากภายนอก ก็ไม่ต่าง กับบริษัทขายตรงทั่วไป คือ มีการ กำหนดแผนการตลาดแบบไบนารี่ เป็นลักษณะ ทีมอ่อน-ทีมแข็ง ด้านสินค้า ก็มีตัวตนสัมผัสได้ อาทิ ผลิตภัณฑ์นํ้ามันรำข้าว รวมไป ถึงผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพอื่น ๆ อีก หลายประเภท การพลิกบทบาทจากสหกรณ์ มาเป็น ธุรกิจขายตรงเต็มรูปแบบ อาศัยการต่อยอดทางธุรกิจ จากฐาน สมาชิกเก่า จำนวนหนึ่งที่ยังมีความ เชื่อมั่นในองค์กร ซึ่งโดยส่วนใหญ่ ยัง คงเป็นกลุ่มลูกค้าในกลุ่มจังหวัดภาค เหนือตอนบน 3-4 จังหวัด บริษัท ธนธรรมไทย เน็ทเวิร์ค จำกัด เริ่มเดินหน้าทำธุรกิจขายตรง อย่างจริงจัง ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2555 โดยยังคงมีการโฆษณาชวนเชื่อ ให้สมาชิกเดินหน้าสร้างเครือข่าย ผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ รวมทั้งการ จัดอบรมสัมมนาในโรงแรมต่าง ๆ ทั่ว ภาคเหนือ มีการเชิญเจ้าหน้าที่จาก สหกรณ์จังหวัด เข้าไปร่วมบรรยาย จนทำให้ชาวบ้าน มีความเชื่อ เข้ามา สมัครเป็นสมาชิกมากขึ้น ๆ เรื่อย ๆ โดยมีการกำหนดอัตราการ เป็นสมาชิกในวงเงินสูงประมาณ 2,650 บาท/รหัส ซึ่งในวงเงินดังกล่าว ทางบริษัท ฯ ยังคงรักษาจุดขายที่ มั่นคงของตนเองเอาไว้ นั่นก็คือ การ ดูแลสมาชิกที่เสียชีวิต รวมทั้งวงเงิน กู้ในอัตราสูงสุด 1 แสนบาท/คน โดย สมาชิกสามารถเลือกที่จะซื้อสิทธิดัง กล่าวหรือไม่ซื้อก็ได้ โดยเงื่อนไข ยัง คงเหมือนเดิม ไม่ต่างกับเมื่อครั้งที่ สถานะของกิจการยังเป็นสหกรณ์ ซึ่ง อัตราค่าซื้อสิทธิการคุ้มครอง ยังคง อยู่ที่ 350 บาท
สิ่งที่ บริษัท ธนธรรมไทย เน็ท เวิร์ค ได้วางรูปแบบการขยายเครือ ข่าย จะว่าไปแล้วก็เป็นรูปแบบที่ไม่ ต่างกับบริษัทขายตรงอื่น ๆ โดยมีทั้ง การสร้างเครือข่ายในรูปแบบสมาชิก ทั่วไป และสมาชิกที่เป็นจุดจำหน่าย จุดบริการ หรือ Mobile ต่างกันก็ตรงชื่อ ที่บริษัท ฯ แห่งนี้ จะเรียกว่า Stock Kits Stock Kits นอกจากจะเป็น ลักษณะคล้าย Mobile แล้ว ยังมี ตำแหน่งรองรับคือ หัวหน้าสายงาน ที่ผู้สมัครจะต้องเปิดวงเงินเอาไว้กับ บริษัท ฯ เพื่อทำหน้าที่เป็นสะพานใน การส่งสินค้า รวมไปถึงการแจงยอด ทำหน้าที่เสมือนหนึ่งกับสาขาของ บริษัทฯ ซึ่งหากสมาชิกทั่วไปจะยก ระดับตัวเองขึ้นมาก็สามารถ ลงทุนใน ลักษณะการซื้อหุ้นในอัตราหุ้นละ 10 บาท โดยแต่ละรายสามารถเลือกเปิด ในระดับที่ 30,000 บาท หรือ 50,000 บาท ตามแต่กำลังของตนเอง แต่สิ่งที่น่าสังเกต สำหรับ การ เปิด Stock Kits หรือ Mobile ของ กิจการนี้ จะไม่มีการนำสินค้าของ บริษัท ฯ เข้าไปสต็อกเพื่อรองรับกับ การสั่งซื้อสินค้าของลูกค้า หากแต่ เป็นเพียงการวางเงินหรือลงทุนเพื่อ ซื้อสิทธิ์ในการกินเปอร์เซนต์จากยอด ขายที่ผ่านจุดบริการของตนเอง เท่านั้น จุดดี ก็คือ หาก Stock Kits ไม่ประสงค์จะทำธุรกิจกับบริษัทฯ ก็ สามารถไปถอนเงินลงทุนออกมาในจำนวนที่ได้ลงทุนไปได้ โดยไม่ต้องไป เคลียร์เรื่องการคืนสินค้า แต่จุดเสีย ก็คือ หากสมาชิก ทำธุรกิจระยะยาว นั่นก็เท่ากับว่า นำ เงินลงทุนไปให้บริษัทฯ หมุน ว่าไป แล้วก็ถือเป็นระดมเงินวิธีหนึ่ง ที่ หลายกิจการขายตรงในปัจจุบันนี้ นิยมทำกัน ปัญหาในด้านการทำธุรกิจ ขายตรง เท่าที่ ตลาดวิเคราะห์ ได้ สอบถามไปยังแม่ทีมบางคน หลาย คนมองว่าการดำเนินธุรกิจขายตรง ยังสามารถเดินหน้าได้ต่อไปเนื่อง
จากรายได้จากช่องทางต่าง ๆ ยัง ทำงานได้ดี การจ่ายผลประโยชน์ ตอบแทน ยังอยู่ในวิสัยที่ทำได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ บริษัท ธนธรรมไทย เน็ทเวิร์ค ต้องประสบ ปัญหาอย่างรุนแรง ก็คือ ปัญหา ในด้านการจ่ายเงินแก่สมาชิกที่เสีย ชีวิต เพราะก่อนหน้าที่ธนธรรม ไทยฯ จะเปลี่ยนบทบาท จากสหกรณ์ มาเป็น บริษัทขายตรง ยังมีสมาชิก จำนวนนับหมื่นรายที่หลั่งไหลเข้าสู่ กิจการ อันเป็นผลมาจากการเปิดโปร โมชั่น ในช่วงแรก ที่ไม่มีการกำหนด อายุ ผู้สมัครสมาชิก ไม่มีการตรวจ สอบโรค หรือสุขภาพเฉกเช่นบริษัท ประกันชีวิตทั่วไป ทำให้ต้องแบกรับ ภาระความเสี่ยงจากการตายเป็น จำนวนมาก ประการที่สอง การให้สิทธิ คุ้มครอง ไม่เพียงแต่ตัวผู้สมัคร สมาชิก แต่มีความหมายครอบคลุม ไปถึงญาติพี่น้องในครอบครัว ก็มี ส่วนสำคัญที่บริษัทฯ ต้องแบกรับ ภาระเช่นกัน ประการที่สาม แม้จะพ้นโปร โมชั่นมาแล้ว แต่การเปิดรับบริษัทฯ ยังคงที่จะเดินหน้ารับอย่างต่อเนื่อง ทำให้สมาชิกส่วนใหญ่ได้หันเหมาซื้อ สิทธิการคุ้มครองการตายมากเป็น ทวีคูณ ประการที่สี่ในการให้สิทธิ ประโยชน์คุ้มครองกรณีการตายของ สมาชิก มิได้มีการคำนวณตามหลัก คณิตศาสตร์ประกันชีวิตอย่างถูกวิธี ทำให้ไม่สามารถบริหารความเสี่ยง ให้สอดคล้องตามหลักสถิติอัตราการ ตายของประชากร ด้วยเหตุนี้ ปัญหาจึงเริ่ม ลุกลามบานปลาย เพิ่มพูนมากขึ้น ๆ จนบรรดาสมาชิกที่ได้รับความเสีย หายต่างเดินหน้าร้องทุกข์ต่อดีเอสไอ จนกลายเป็นชนวนแห่งหายนะ ที่ กิจการแห่งนี้จำต้องปิดตัวลงในที่สุด ดูมูลฐานความผิด ก่อนคิดทำ ขายตรงเถื่อน รายงานจากดีเอสไอ เปิดเผย ว่ามีกลุ่มผู้เสียภายใน 3 จังหวัดภาค เหนือ ประมาณ 880 คน ที่เข้าร้องทุกข์ กล่าวโทษผู้บริหาร จากจำนวนกว่า 12,000 คน โดยความเสียหายเบื้อง ต้นมีมูลค่าประมาณ 30 ล้านบาท มูลฐานความผิดเข้าองค์ ประกอบของกฎหมาย มีหลาย ประเด็นด้วยกัน
ประเด็นแรก ในด้านการ ดำเนินธุรกิจขายตรง แม้กิจการแห่ง นี้ จะมีการจดทะเบียนทำธุรกิจขาย ตรง อย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ ก็เป็นการดำเนินธุรกิจขายตรงที่ผิด กฎหมายอยูดี ประเด็นที่สอง แม้จะมีการ แปรสภาพจากการเป็นสหกรณ์ มา เป็น บริษัทขายตรง แต่ก็เป็นการจด ทะเบียนที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่ได้มี การกระทำความผิดแล้ว ด้วยเหตุที่ ไม่ได้มีการจัดตั้ง ในรูปแบบสหกรณ์ตามกฎหมาย รวม ทั้งไม่มีการจ่ายเงินตามที่โฆษณา ชวนเชื่อ อันเป็นการหลีกเลี่ยงไม่ ปฏิบัติตามข้อสัญญาที่ได้ตกลงไว้ ประเด็นที่สาม ในการดำเนิน การตามขั้นตอนทางกฎหมาย ตาม พระราชบัญญัติการสอบสวนคดี พิเศษ พ.ศ.2547 มาตรา 21 (1) ประกอบกับท้ายพระราชบัญญัติ การสอบสวนคดีพิเศษ 2547 (1) ใน ฐานความผิด ที่ประกอบด้วย 1. การกู้ยืมเงินที่เป็นการ ฉ้อโกงประชาชน ตามพระราช กำหนด การกู้ยืมเงิน ที่เป็นการฉ้อโกง ประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 4 และ 5 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-10 ปี และปรับตั้งแต่ 500,000-1,000,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาท ตลอดระยะเวลาที่ ฝ่าฝืน2. การฉ้อโกงประชาชน ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343 โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ หากจะพิจารณา ในการดำเนินธุรกิจ ของกิจการแห่งนี้ จะเห็นว่า มีการระดมเงินเพื่อปล่อย กู้ ทำเสมือนหนึ่งกับสถาบันการเงิน ก็เข้าข่ายความผิดว่าด้วยพ.ร.บ. สถาบันการเงิน ประการหนึ่ง ประการที่สอง การที่บริษัท รับเงินจากสมาชิกในวงเงิน 350 บาท เพื่อให้ความคุ้มครองชีวิต ในวงเงิน สูงสุดถึง 100,000 บาท ก็น่าจะเข้า ข่ายความผิด ว่าด้วยพ.ร.บ.ธุรกิจ ประกันชีวิต การปิดฉาก ของ ธนธรรมไทย เน็ทเวิร์ค นับเป็นกรณีศึกษาที่ดีกรณี หนึ่ง สำหรับธุรกิจขายตรง ที่แม้ กิจการแห่งนี้จะพลิกสถานะจาก สหกรณ์กำมะลอ แปรสภาพมา เป็นบริษัทและสามารถจดทะเบียน ประกอบการธุรกิจขายตรงอย่างถูก ต้องตามกฎหมาย แต่นั่นก็ไม่ได้ หมายความว่า การดำเนินธุรกิจที่ ผิดแผกแหวกแนวไปจากมาตรฐาน การทำธุรกิจขายตรงทั่วไปจะต่อลม หายใจให้ยืดยาวออกไปได้
หากการทำธุรกิจ มุ่งแสวงหา ผลประโยชน์ตนเองเป็นที่ตั้ง โดยไม่ คำนึงถึงสิทธิประโยชน์ของผู้ร่วม ดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าแผนการตลาดจะ เหนือเมฆขนาดไหน สุดท้าย ก็ต้อง จบลงด้วยการพังทลายของกิจการ ที่จะต้องมีผู้คนมากมายนับหมื่นนับ แสนที่ได้รับความเสียหาย ตำนานขายตรงนอกรีต ยัง คงถูกเขียนขึ้นซํ้าแล้วซํ้าเล่า ที่แม้วัน นี้ ก็ยังไม่มีใครตอบได้ว่า อีกเมื่อไรจะ หมดสิ้นไปจากวงการ ตราบใดที่จุด อ่อนของสังคมไทย ยังมีพื้นฐานมา จากความยากจน และการขาดความ รู้ธุรกิจขายตรง ก็ยังจะต้องเป็น สี เทา ในสายตาคนทั่วไปอีกนานแสน นาน




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ.ตลาดวิเคราะห์ ฉบับที่ 339 ประจำวันที่ 1-15 มีนาคม 2556

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น