ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันศุกร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2556

ข่าวขายตรง (MLM) : ขายตรงไทยตื่นรับ AEC ผลดีดันยอดทะลุเกินแสนล.








 


ธุรกิจขายตรงเมืองไทย ตื่นตัวรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ปี,58 กูรูนักธุรกิจส่งออกชี้ "โอกาสดีของธุรกิจขายตรงไทย" แค่เอกชนเตรียมความพร้อมให้มากพอ เชื่อผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย ดาวเด่นเจาะตลาดต่างประเทศ หลัง AEC เปิด ขณะที่ไทยสามารถขยายฐานสาขาไปยังต่างประเทศได้มากขึ้น ส่งผลสร้างยอดรายได้กลับเข้าคนไทยมหาศาล คาดก่อนปี 2561 ยอดขายรวมทั้งประเทศจะทะลุ 3 แสนล้านบาทต่อปี


ธุรกิจขายตรงซึ่งถือกำเนิดมาในประเทศไทยนับตั้งแต่สมัยเมื่อ 30 กว่าปีที่ผ่านมา จนถึงปัจุบันธุรกิจนี้ได้ขยายจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยตัวเลขจดทะเบียนล่าสุดจาก สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค พบว่า มีมากกว่า 900 บริษัทที่จดทะเบียนอย่างถูกต้อง และปัจจุบันยอดขายรวมทั้งประเทศจากตัวเลขของสมาคมการขายตรงไทยมากกว่า 70,000 ล้านบาทต่อปี และมีจำนวนคนไทยที่สมัครเป็นสมาชิกธุรกิจขายตรงมากกว่า 15 ล้านรายในปัจจุบัน


อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันจากจำนวนตัวเลขบริษัทขายตรงในประเทศไทย แบ่งเป็นตัวเลขธุรกิจขายตรงที่เป็นของต่างประเทศประมาณ 30% และยังคงมีอัตราการเข้ามาลงทุนในธุรกิจนี้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นทุกปี นั่นหมายความว่า ประเทศไทยคือ อีกหนึ่งในประเทศเป้าหมายของกลุ่มธุรกิจขายตรงต่างชาติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


เมื่ออีก 2 ปีข้างหน้า AEC หรือ ASEAN Economic Community ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน กำลังคืบคลานเข้ามา โดยเป้าหมายการรวมตัวกันของประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองกับ คู่ค้า และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจระดับโลก รวมถึงมีการยกเว้นภาษีสินค้าบางชนิดให้กับประเทศสมาชิก ส่งเสริมให้ภูมิภาคมีความเจริญมั่งคั่ง มั่นคง ประชาชนอยู่ดีกินดี


โดยสมาชิกอาเซียนมีด้วยกัน 10 ประเทศ ประกอบ ด้วย ไทย พม่า ลาว เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา และ บรูไน ดังนั้น AEC หรือ ASEAN Economic Community ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เกิดขึ้นจะส่งผลอย่างไรกับธุรกิจขายตรงประเทศไทย


นายสุมิตร วชโรดมทรัพย์ นักธุรกิจส่งออก และประธานกรรมการบริหาร บริษัท มิ้ลค์กี้ เวย์ เน็ตเวิร์ค จำกัด ธุรกิจขายตรงเมืองไทย เปิดเผยว่า การรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 หรือ AEC ที่จะถึงนี้ สำหรับผลที่จะเกิดขึ้นกับธุรกิจขายตรงในประเทศไทยนั้น เชื่อว่า มีผลดีมากกว่า ผลเสีย จะอย่างไรก็แล้วแต่ ภาคเอกชนก็ควรเตรียมความพร้อมให้มากขึ้น เนื่องจากแต่ละประเทศย่อมมีเงื่อนไขทางการค้าที่มีทั้งข้อได้เปรียบ และเสียเปรียบ อีกทั้ง ยังมีอีกหลายประเทศในกลุ่มนี้ที่ต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอีกมากมาย


นายสุมิตร กล่าวต่อไปอีกว่า การเตรียมความพร้อมนั้น นักธุรกิจขายตรงไทยควรวิเคราะห์ให้ออกในเรื่องของมาตรการทางภาษีภายในของแต่ละประเทศ เพราะโยงใยไปถึงต้นทุนของสินค้าที่จะนำเข้ามาจัดจำหน่ายในตลาดที่มีการแข่งขันค่อนข้างสูงในปัจจุบัน หรือแม้แต่ประเด็นความได้เปรียบในเรื่องของระบบการขนส่ง หรือแม้แต่เรื่องของค่าเงิน เป็นต้น เรื่องเหล่านี้นักธุรกิจไทยจะต้องศึกษา ทำความเข้าใจ รวมถึงรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมายที่ควรจะศึกษาเพื่อความได้เปรียบ


อีกทั้ง สิ่งที่นักธุรกิจไทยจะได้เปรียบในประการต่อมาน่าจะเป็นในส่วนของความรู้ และทักษะในเรื่องทรัพยากรบุคคลของคนไทยที่ดีอยู่แล้ว รวมถึงการรวมเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะช่วยให้การบริหารหน่วยลงทุนจากใหญ่ไปหาเล็กได้ง่าย และจะสามารถเอาความได้เปรียบตรงนี้ไปบริหารจัดการและสามารถขยายเครือข่ายสาขาไปยังต่างประเทศได้ง่ายขึ้น


นอกจากนั้น ในมุมของผลิตภัณฑ์หลังจากเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน สินค้าประเภทเสริมอาหารของไทยจะได้เปรียบ เนื่องจากประเทศไทยมีสินค้าเสริมอาหารที่มีคุณภาพอยู่มากมาย และผลิตในต้นทุนที่ต่ำ โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพของไทยที่ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับในระดับสากลอยู่แล้ว


ทั้งนี้ ทั้งนั้น ไทยยังคงความได้เปรียบในเรื่องของการขยายเครือข่ายสายงานที่ง่ายขึ้น เนื่องจากขายตรงไทยสามารถเข้าไปตั้งสาขายังต่างประเทศได้ง่ายขึ้นหลังเกิดเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนขึ้นมา เปรียบได้ว่า ธุรกิจขายตรงไทยสามารถสร้างประเทศตัวเองให้เป็นเซ็นเตอร์หลัก โดยมีโครงสร้างทางธุรกิจที่เป็นโครงสร้างอยู่ใต้เซ็นเตอร์ของประเทศไทย ส่งผลให้คนไทยมีโอกาสทางรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เมื่อนับจากโครงสร้างของแผนจ่ายคอมมิชชั่นในระบบขายตรง
นายสุมิตร กล่าวทิ้งท้ายว่า ตัวเลขผลประกอบการมวลรวมทั้งระบบของธุรกิจขายตรงไทยที่ว่า อยู่ที่ประมาณ 70,000 ล้านบาทในปัจจุบัน บ้างก็ว่า ตัวเลขที่แท้จริงนั้นยอดรวมทั้งระบบทะลุแสนล้านบาทไปแล้ว แต่สิ่งที่ได้ติดตามพัฒนาการการเติบโตของธุรกิจขายตรงเมืองไทยนั้นเชื่อว่า หลังเกิด AEC นับจากปี 2558 ไปจนถึง ปี 2561 ยอดขายรวมทั้งระบบของธุรกิจขายตรงเมืองไทยจะพุ่งทะลุตัวเลขหลัก 3 แสนล้านบาทอย่างแน่นอน นายสุมิตร กล่าวทิ้งท้าย




Credit By :ryt9.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น