ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันอังคารที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2556

กองปราบฯจับรังขายตรงเถื่อน ค้านหัวชนฝาธุรกิจไม่ผิด









กองปราบฯ เอาจริงขายตรงเถื่อน ล่าสุดส่งเจ้าหน้าที่จับกุมบริษัทขายตรงด้วยข้อหาไม่มีใบอนุญาตการประกอบธุรกิจจาก สคบ. พร้อมยึดของกลางไว้เป็นหลักฐาน และส่งหมายเรียกเจ้าของตึกและบริษัทให้ปากคำ ด้านผู้บริหารปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ยันบริษัทไม่มีความผิด แถมโบ้ยความผิดผู้บริหารคนเดิม


จากกรณีที่เจ้าพนักงานจากกองปราบฯได้เข้าตรวจค้นและจับกุม บริษัท พีพี กรุ๊ป 99 จำกัด เนื่องจากได้รับแจ้งว่าบริษัทดังกล่าว ได้กระทำความผิดในข้อหาเปิดดำเนินธุรกิจขายตรงโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจาก สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และเมื่อเจ้าพนักงานขอดูใบอนุญาตการประกอบธุรกิจ ผู้บริหารบริษัทดังกล่าว ไม่สามารถนำเอกสารมาอ้างอิงได้ โดยให้เหตุผลต่อเจ้าพนักงานว่ากำลังอยู่ในขั้นตอนของการขออนุญาต


เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามกลับไป ผู้บริหารกลับให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับเจ้าพนักงานพร้อมกับปฏิเสธในข้อกล่าวหาและยืนยันว่าบริษัทได้เปิดดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้อง ละในส่วนของใบอนุญาตการประกอบธุรกิจขายตรงจาก สคบ.นั้น บริษัทเคยยื่นขอใบอนุญาตแล้วแต่ไม่ได้รับการอนุมัติจาก สคบ. เนื่องจากธุรกิจของบริษัทเกี่ยวกับการให้บริการด้านซิมโทรศัพท์และบัตรเติมน้ำมันไม่ใช่การขายสินค้าอื่นๆ ทั่วไป ซึ่งไม่อยู่ในขอบข่ายการรับผิดชอบของ สคบ. ดังนั้น สคบ. จึงไม่รับจดทะเบียน


จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เข้าไปสำรวจ พบว่าบริษัทดังกล่าวได้มีการทำธุรกิจในลักษณะขายตรงจริง เมื่อดูจากหน้าเว็บไซต์ของบริษัทดังกล่าวจะเห็นได้ว่ามีแผนธุรกิจเป็นแบบแผนไบนารี่ และจากเอกสารหลายรายการที่เข้าข่ายการเป็นบริษัทขายตรง เช่น ใบแสดงราคาสินค้าพร้อมบอกราคาและจำนวนพีวีรายการสินค้าต่างๆเป็นต้น


พร้อมกันนี้ผู้บริหารของบริษัทดังกล่าวยังได้กล่าวอ้างว่าการที่กองปราบฯได้เข้าจับกุมบริษัทของตนครั้งนี้เกิดจากการกลั่นแกล้งของผู้บริหารคนเดิมที่เคยทำธุรกิจร่วมกันแต่ได้ออกจากบริษัทไปแล้ว พร้อมกับโกงเงินบริษัทไปกว่า 7 ล้านบาท และยังกล่าวต่อไปว่าหากบริษัทจะผิดจริงก็เป็นในส่วนของบริษัทเดิมที่รู้จักกันในชื่อ พีพีเอ็น ละได้เปลี่ยนมาเป็นพีพี กรุ๊ป 99 ซึ่งในขณะนั้นเป็นการบริหารงานของผู้บริหารคนเดิมและไม่ได้มีการจดทะเบียนจริง และการดำเนินงานในช่วงนั้นตนเป็นเพียงพนักงานคนหนึ่งของบริษัท


อีกทั้งบริษัทได้อ้างว่าบริษัทของตนไม่ใช่บริษัทขายตรงจึงไม่จำเป็นต้องมีใบอนุญาตจาก สคบ. และสินค้าที่วางอยู่ในบริษัทเป็นสินค้าที่มีไว้เพื่อแจกให้กับลูกค้าที่สามารถสะสมแต้มจากการใช้บริการได้ตามกำหนดและมีไว้สำหรับจัดโปรโมชั่นให้กับลูกค้า ซึ่งสินค้าเหล่านี้มาจากบริษัทเดิมที่ยังคงค้างสต๊อกอยู่


จากการสอบถามเจ้าพนักงานที่ดูแลเกี่ยวกับเรื่องนี้พบว่าเรื่องดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบข้อมูลกับ สคบ. ว่าบริษัทได้ทำการจดทะเบียนขออนุญาตจริงหรือไม่ และได้ส่งเรื่องนี้ให้กับพนักงานสอบสวนแล้ว พร้อมกับส่งหมายเรียกให้เจ้าของอาคาร และบริษัทดังกล่าวเข้ามาชี้แจงและหากพบว่าผิดจริงก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย


อย่างไรก็ดี จะเห็นได้ว่าบริษัทได้ใช้ช่องว่างของกฎหมายบางข้อมาใช้ในการกระทำความผิดอย่างในกรณีนี้ ใช้การบริการของซิมโทรศัพท์และบัตรเติมน้ำมัน ซึ่งไม่ได้อยู่ในหน้าที่การรับผิดชอบของ สคบ. มาเป็นข้ออ้างเพื่อหลีกเลี่ยงความผิดของตน ซึ่งเชื่อว่าการกระทำในลักษณะนี้คงไม่ได้มีเฉพาะแต่บริษัทนี้เพียงบริษัทเดียว ที่ได้นำช่องว่างนี้มาเป็นการหลีกเลี่ยงความผิดของตน ซึ่งเชื่อว่าการกระทำในลักษณะนี้คงไม่ได้มีเฉพาะแต่บริษัทนี้เพียงบริษัทเดียวที่ได้นำช่องว่างนี้มาเป็นการหลีกเลี่ยงความผิด ดังนั้นผู้ประกอบการ สมาชิกบริษัทเครือข่าย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพื่อที่จะทำให้ธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจสีขาวได้ในเร็ววัน และมีภาพลักษณ์ที่ดีแก่ประชาชน




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ.เดอะ พาวเวอร์ เน็ตเวิร์ค ฉบับที่ 218 ประจำวันที่ 1-15 มีนาคม 2556

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น