ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพฤหัสบดีที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2556

ข่าวคิงส์เฮิร์บ (King Herb) : คิงส์เฮิร์บเปิดอาณาจักรใหม่ 100 ล้าน ย่านรามอินทรา ...ตอกย้ำความมั่นคงธุรกิจก้าวสู่ปีที่ 9








ปัจจัยที่ทำให้ คิงส์เฮิร์บ เติบโตก้าวมาจนถึงวันนี้ได้นั้น มีอยู่ 3 ปัจจัยด้วยกันนั่นก็คือ 1. บริษัทเห็นความสำคัญของการโฆษณาประชาสัมพันธ์และการเข้าถึงสื่อมวลชน 2. บริษัทเห็นความสำคัญของการดูแลสมาชิก เป็นอย่างดี ดุจคนในครอบครัวเดียวกันอยู่เสมอ และ 3. บริษัทให้ความสำคัญกับการดูแลผู้บริโภคผ่านการมุ่งเน้นการวิจัยพัฒนาคุณภาพของสินค้าให้ดีขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอ


นับเป็นอีกหนึ่งค่ายที่ระเบิดยุทธศาสตร์เพื่อหวังพิชิตยอดขายตั้งแต่ต้นปี 2556 แบบช้าไม่ได้ เลยทีเดียว ในการสร้างความเชื่อมั่นและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับสมาชิก นั่นก็คือค่าย คิงส์เฮิร์บ ภายใต้การนำทัพของ ดร.ปพน ลิ้มธำรงค์กุล ประธานกรรมการบริษัท ซึ่งตรงนี้เชื่อว่า คงต้องมีหลาย ๆ ค่าย ที่ต่างกำหนดแผนรบเช่นดั่งค่ายนี้อย่างแน่นอน!!...นั่นก็หมายความว่า เกมการแข่งขันเริ่มที่จะปะทุความร้อนแรงออกมาให้เห็นกันบ้างแล้ว


...หากจะให้มองส่องกล้องดูถึงธุรกิจ คิงส์เฮิร์บ แล้วล่ะก็ จะพบว่า คิงส์เฮิร์บ นั้น เริ่มต้นธุรกิจมาแล้วกว่า 9 ปี ภายใต้การดำเนินธุรกิจที่ซื่อตรงและโปร่งใส แต่ใช่ว่าธุรกิจที่ทำนั้น จะเดินทางแบบไร้อุปสรรค ซึ่งก็ต้องบอกว่า ค่ายนี้เจออุปสรรคต่าง ๆ นานา มาไม่ถ้วน...แต่ด้วยความที่มีสินค้าที่โดนใจ ผู้บริโภคและสมาชิก ให้การยอมรับอย่างดีนี่เอง จึงทำให้ คิงส์เฮิร์บ สามารถฟันฝ่าอุปสรรครอบด้านมาได้อย่างไร้กังวล ถึงแม้ว่าจะเจอปัจจัยลบต่าง ๆเข้ามากระทบธุรกิจก็ตามที


ที่สำคัญ ในช่วงที่ผ่านมา ดร.ปพน ลิ้มธำรงค์กุล เคยได้กล่าวถึงความสำเร็จของธุรกิจคิงส์เฮิร์บตลอดระยะเวลา 9 ปีที่ผ่านมาว่า...ปัจจัยที่ทำให้ คิงส์เฮิร์บ เติบโตก้าวมาจนถึงวันนี้ได้นั้น มีอยู่ 3 ปัจจัยด้วยกันนั่นก็คือ 1.บริษัทเห็นความสำคัญของการโฆษณาประชาสัมพันธ์และการเข้าถึงสื่อมวลชน 2. บริษัทเห็นความสำคัญของการดูแลสมาชิกเป็นอย่างดี ดุจคนในครอบครัวเดียวกันอยู่เสมอ และ3. บริษัทให้ความสำคัญกับการดูแลผู้บริโภคผ่านการมุ่งเน้นการวิจัยพัฒนา คุณภาพของสินค้าให้ดีขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอ...ซึ่งปัจจัยทั้งหมดนี้นี่เอง ที่ทำให้เครือข่ายที่ชื่อ คิงส์เฮิร์บ สามารถก้าวเดินอยู่บนธุรกิจขายตรงได้ตลอดระยะเวลา 9 ปีที่ผ่านมานั่นเอง


ทั้งนี้ หากใครที่ติดตามความเคลื่อนไหวของ คิงส์เฮิร์บ ก็จะทราบว่า เป็นธุรกิจที่ไม่เน้นในเรื่องของการสร้างกระแสของธุรกิจเหมือนเช่นดังขายตรงค่ายอื่น ๆ มากนัก แต่จะเน้นในเรื่องของการนำเสนอผลิตภัณฑ์ ที่ดีตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคเสียส่วนใหญ่ ในขณะเดียวกัน ยุทธศาสตร์การบุกตลาดของค่ายนี้ ที่ผ่านมา เรียกได้ว่า เริ่มที่จะมีการบุกตลาดในพื้นที่ภูธรอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน


ที่ผ่านมา บริษัท คิงส์เฮิร์บ ได้ดำเนินการ ภายใต้สโลแกนที่ว่า เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น กับ คิงส์เฮิร์บฯ มาโดยตลอด พร้อมกับมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการสร้างธุรกิจบนความมั่นคงด้วยความโปร่งใสและซื่อตรง พร้อมด้วยคุณธรรมในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงไปสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จในชีวิตร่วมกัน ดร.ปพน กล่าวและว่า


คิงส์เฮิร์บถือฤกษ์เปิดตึกใหม่2มี.ค.


มุ่งตอกเสาเข็มธุรกิจบนความมั่นคง


...ในวันเสาร์ที่ 2 มีนาคม 2556 นี้ เรียกได้ว่า เป็นอีกหนึ่งวันดี สำหรับครอบครัว คิงส์เฮิร์บ เลยก็ว่าได้ เนื่องจาก ดร.ปพน ลิ้มธำรงกุล ประธานกรรมการ บริษัท คิงส์เฮิร์บ เวิลด์ 1999 จำกัด ได้ออกมาลั่นกลองชัยครั้งสำคัญในปีนี้ ด้วยการเปิดตึกอาคารสำนักงานแห่งใหม่มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นคงให้กับหมู่มวลสมาชิกนั่นเอง...เรียกได้ว่า การเปิดตึกใหม่ในครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งก้าวใหม่ครั้งสำคัญของธุรกิจ คิงส์เฮิร์บ เลยก็ว่าได้ ที่พร้อมจะขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตสมกับ ผู้นำจ้าวตลาดพลูคาว นั่นเอง โดยตึกแห่งใหม่นี้ ทาง ดร.ปพน คาดว่าระบบทุกอย่าง จะดำเนินการได้ครบ 100% ประมาณช่วงต้นเดือนเมษายนนี้อย่างแน่นอน


นอกจากนี้ ในวันเปิดงานตึกอาคารสำนักงานแห่งใหม่ในครั้งนี้ ทางด้าน ดร.ปพน ยังจัดหนัก จัดเต็ม ด้วยการแจกสินค้าพระเอกคือ คอลดาต้า 1 ขวดต่อ 1 ท่าน ให้กับผู้ที่เข้ามาร่วมงานในครั้งนี้ด้วย ซึ่งทางด้านดร.ปพน คาดว่าผู้ที่จะเข้ามาร่วมงานในครั้งนี้ น่าที่จะมีประมาณ 3,000 คนด้วยกัน


โดย ดร.ปพน ยังได้เผยต่อ ตลาดวิเคราะห์ ว่า การสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ในครั้งนี้นั้น ถือเป็นการตอกย้ำภาพความมั่นคงให้กับสมาชิก ได้มองเห็นว่า ซึ่งที่ผ่านมา คิงส์เฮิร์บ เป็นธุรกิจที่มีความมั่นคงจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็น


ข้อที่ 1 บริษัทฯ เป็นเจ้าของโรงงานการผลิตเอง สามารถควบคุมในเรื่องของต้นทุนได้ โดยที่ไม่ต้องมีการปรับราคา ไม่ว่าจะด้วยสภาวะเศรษฐกิจเป็นเช่นไร ซึ่งเจ้าของผู้ผลิตและเจ้าของสินค้าเป็นคนเดียวกัน


ข้อที่ 2 บริษัทฯ ไม่มีหุ้นส่วน โดยเป็นเจ้าของคนเดียว อำนาจในการตัดสินใจอยู่ที่คนคนเดียว


ข้อที่ 3 วันนี้บริษัทฯ ไม่ได้เป็นหนี้ใคร และสิ่งที่สำคัญ คือ ธนาคารเป็นหนี้เรา และ


ข้อที่ 4 บริษัทฯ มีกิจกรรมให้กับสมาชิกอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมล่าสุด ที่ถวายผลิตภัณฑ์ คอลดาต้า ด้วยการนำพาสมาชิกเข้าเฝ้าสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และวันนี้ต้องบอกว่า คิงส์เฮิร์บ ทำธุรกิจไม่ใช่เพียงแค่ได้เงิน แต่ยังต้องได้เกียรติยศของวงค์ตระกูลด้วย ที่สำคัญ เราจะยึดมั่นมาโดยตลอดว่า สมาชิกทุกคน คือ ครอบครัวคิงส์เฮิร์บ


สำหรับอาคารสำนักงานแห่งใหม่นี้นั้น จะเป็นตึกสำเร็จรูป โดยจะมีห้องฝึกอบรม ที่สามารถรองรับกับสมาชิกได้ประมาณ 200 ท่านด้วยกัน พร้อมกันนี้ ทางบริษัทฯ ยังมีแนวทางที่ว่า ทุกครั้งที่มีการขึ้นบรรยาย บริษัทฯ จะมีวิทยากรนอกเข้ามาร่วมบรรยายด้วย โดยจะเป็นวิทยากรที่มีความรู้ความสามารถหลาย ๆ ด้าน ที่ไม่ใช่เพียงแค่นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจขายตรงเท่านั้น


บอสใหญ่ค่าย คิงส์เฮิร์บ เผยต่ออีกว่า ปีนี้ถือเป็นปีที่บริษัทก้าวสู่ปีที่ 9 ที่เรียกได้ว่าค่อนข้างสมเกียรติจริง ๆ ทั้งในเรื่องของยอดขาย จำนวนสมาชิก รวมถึงอาคารสำนักงานแห่งใหม่ โดยในช่วงตลอดระยะเวลา 9 ปีที่ผ่านมา


คิงส์เฮิร์บ มีสมาชิกอยู่ที่ประมาณ 8 แสนรหัส พร้อมกับมียอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ คอลดาต้า ที่สรุปตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบันอยู่ที่เกือบ 6 ล้านขวดด้วยกัน


วันนี้เรากล้าพูดได้เลยว่า กำลังการผลิตของบริษัทฯ สามารถที่จะตอบสนองความต้องการของสมาชิกได้มากถึงปีละประมาณ 2 ล้านขวดเลยทีเดียว โดยเรามีพื้นที่โรงงานอยู่1 ไร่ พร้อมกับมีสวนพลูคาวที่ปลูกเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์คอลดาต้าประมาณ 130 ไร่ ด้วยกัน จึงอยากที่จะให้สมาชิกและผู้บริโภคได้มีความเชื่อมั่นว่า ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ สามารถรองรับความต้องการของสมาชิกและผู้บริโภคได้อย่างแน่นอน


ดร.ปพน บอกอีกว่า ปัจจุบันนี้บริษัทฯ ยังได้มีโครงการในการช่วยเหลือเด็กด้วย ซึ่งได้ทำร่วมกับโรงเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมของนักเรียน โดยที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ทำโครงการนี้ กับโรงเรียนทางภาคเหนือที่จังหวัดเชียงราย โดยเป็นโครงการอาหารกลางวัน ด้วยการให้นักเรียนในโรงเรียนปลูกผักพลูคาวส่งบริษัทฯ และรายได้ตรงนี้ จะเป็นเงินที่นำมาเป็นรายได้อาหารกลางวันสำหรับเด็ก รวมถึงกิจกรรมของนักเรียนนั่นเอง โดยโครงการนี้ ทางบริษัทฯ ดำเนินมาได้ 2 ปีแล้ว ซึ่งมีโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการนี้ 3 โรงเรียนด้วยกัน


ปี56 ขอเน้นการสร้างครอบครัว


เข็นสินค้าเกษตรเขย่าเครือข่าย


...ทั้งนี้ หากพูดถึงยุทธศาสตร์ที่สำคัญของ คิงส์เฮิร์บ ที่นอกเหนือจาก การเปิดตัวอาคารสำนักงานแห่งใหม่เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความน่าเชื่อถือของธุรกิจแล้ว ดร.ปพน ยังเผยต่อ ตลาดวิเคราะห์ อีกว่า สำหรับยุทธศาสตร์ของ คิงส์เฮิร์บ ในปีนี้นั้น จะเน้นในเรื่องของการสร้างครอบครัวเป็นหลัก เนื่องจาก วันนี้ต้องบอกว่า การทำธุรกิจจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ แต่ถ้าครอบครัวนั้นไม่มีความมั่นคง หรือครอบครัวไม่เข้าใจกัน ปัญหาของธุรกิจ ก็จะประสบความสำเร็จไม่ได้ ซึ่งวันนี้ คิงส์เฮิร์บ เอง ต้องสร้างความเข้าใจของครอบครัวให้ได้


และสิ่งที่สำคัญ คือ วันนี้คิงส์เฮิร์บ จะเน้นใช้คำว่า ครอบครัวคิงส์เฮิร์บ คือ ครอบครัวที่มีความมั่นคง เพราะเชื่อว่าหากเมื่อไหร่ ถ้าครอบครัวคิงส์เฮิร์บนั้นเป็นปึกแผ่น ในเรื่องของเป้าหมายยอดขาย ก็สามารถไปถึงได้ ด้วยเหตุนี้เอง ที่ทำให้ในปีนี้ ธุรกิจคิงส์เฮิร์บ จึงต้องหันมาเน้นในเรื่องของพลังงานทางด้านครอบครัว และพลังงานด้านจิตใจกัน และที่สำคัญ การทำธุรกิจที่อยู่ในครอบครัวเดียวกัน ก็ต้องเกิดจากความเข้าใจกันด้วย


สำหรับเป้าหมายยอดขายในปีนี้นั้น คิงส์เฮิร์บ ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 1,000 ล้านบาท โดยในปีที่ผ่านมา คิงส์เฮิร์บ มียอดขายอยู่ที่ 800 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายว่า ยอดขายในปีนี้ ในส่วนของยอดเดิมจะต้องไม่ลดลง และที่สำคัญ ยอดใหม่จะต้องเพิ่มขึ้นด้วย


ส่วนในเรื่องของสินค้าใหม่ที่จะเติมเต็มเข้ามาในปีนี้หรือไม่นั้น ดร.ปพน เผยว่า ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะเข้ามาในระบบเครือข่ายทางบริษัทฯ ก็ได้มีการมองเอาไว้เช่นกัน อย่างล่าสุดที่เริ่มนำออกมาทดลองตลาดบ้างแล้วนั่นก็คือ


ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับต้นไม้ ภายใต้ชื่อ คอลดาต้า ซูเปอร์กรีน และสบู่ คอลดาต้า ซอฟ ซึ่งทั้ง 2 สินค้าใหม่นี้ ขณะนี้กำลังได้รับความนิยมจากสมาชิกและผู้บริโภคเป็นอย่างดี


ปัจจุบัน คิงส์เฮิร์บ มีสัดส่วนยอดขายสินค้าดังนี้ คือ ในกลุ่มสินค้าคอลดาต้า มีสัดส่วนยอดขายอยู่ที่ 60% กลุ่มผลิตภัณฑ์กาแฟสัดส่วนอยู่ที่ 15% กลุ่มผลิตภัณฑ์ความสวยความงามสัดส่วนอยู่ที่ 15% และกลุ่มสินค้าเกษตรมีสัดส่วนอยู่ที่ 10%


คิงส์เฮิร์บทุ่มงบ20 ล้านสร้างโกดัง


เร่งเตรียมความพร้อมรับตลาดอาเซียน


อย่างไรก็ตาม วันนี้หากพูดถึงการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่จะเกิดขึ้นในปี 2558 นี้ ทางด้าน คิงส์เฮิร์บ ก็มีแผนที่จะบุกตลาดอาเซียนแบบเต็มอัตราศึกด้วยเช่นกัน ด้วยการเตรียมสร้างโกดังใหม่เพิ่มขึ้นอีก บนพื้นที่ 2 ไร่ครึ่ง อยู่ที่จังหวัดขอนแก่น มูลค่ารวมที่ดินและค่าก่อสร้างอยู่ที่ประมาณ 20 กว่าล้านบาท ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณ 2 เดือนนับจากนี้


ต้องบอกว่า วันนี้ในตลาดอาเซียนถือว่า เรามีความพร้อมแล้ว อย่างล่าสุด มีประเทศมาเลเซีย มาขอเปิดศูนย์คลังประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ในเงื่อนไขของข้อตกลงกันอยู่ อีกทั้งยังมีประเทศกัมพูชา ที่ได้มาขอเปิดคลังประเทศด้วยเช่นกัน แต่ทั้งนี้ บริษัทฯ เอง ก็ได้มีการไปยังผู้ที่ต้องการที่จะเปิดคลังด้วยเช่นกันว่า จะต้องสร้างฐานผู้บริโภคให้เกิดขึ้นก่อน ถึงจะสามารถเปิดคลังได้ เพราะบริษัทฯ ไม่ยอมที่จะเอาสินค้าไปดองอย่างแน่นอน โดยบริษัทฯ ต้องการที่จะให้คนที่มาร่วมธุรกิจกับบริษัทฯ นั้น มีความมั่นคงและมีความสำเร็จร่วมกันเสียมากกว่า ที่จะมีเงินแล้วไม่สามารถบริหารธุรกิจให้เดินต่อไปได้


บอสใหญ่ คิงส์เฮิร์บ เผยอีกว่า ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่จะเปิดขึ้นในปี 2558 นี้ เชื่อว่าจะเป็นโอกาสที่สำคัญของธุรกิจคิงส์เฮิร์บ ในการขยายตลาดสู่ประเทศเพื่อนบ้าน เพราะเมื่อไหร่ที่มีการค้าระหว่างประเทศเกิดขึ้น นั่นก็หมายความว่า หลาย ๆ ธุรกิจของประเทศไทย ไม่ใช่เฉพาะในส่วนของธุรกิจขายตรง ก็ต้องมีความเคลื่อนไหวเพื่อที่จะสร้างการรับรู้ของธุรกิจตนเองในชาติอาเซียนให้แจ้งเกิดให้ได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งชาติอาเซียนที่ทางคิงส์เฮิร์บวางไว้คงจะเป็นในส่วนของประเทศเวียดนาม, พม่า, มาเลเซีย, สิงคโปร์ เป็นต้น


ท้ายสุดนี้ ทางด้าน ดร.ปพน ยังได้ฝากทิ้งท้ายอีกว่า วันนี้การทำธุรกิจขายตรงให้เติบโตได้นั้น สิ่งที่ผู้ประกอบการทุกคนจะต้องมีนั่นก็คือ ความตรงไปตรงมาในการทำธุรกิจ และอย่าให้คนที่เข้ามาสู่ธุรกิจนี้คิดว่าเป็นธุรกิจที่หลอกลวง ในขณะเดียวกัน ก็อยากที่จะให้ผู้ประกอบการเน้นในเรื่องของสินค้า อย่าเน้นเพียงแค่เอาเงินเพียงอย่างเดียว โดยอยากที่จะให้สรรหาสินค้าที่มีความจำเป็นสำหรับคน ที่สำคัญ ในเรื่องของคุณธรรมสำหรับธุรกิจนี้ก็มีความสำคัญด้วยเช่นกัน รวมถึงอยากที่จะให้ผู้ประกอบการในธุรกิจขายตรงค่ายนั้น จับมือร่วมกันลุยตลาดอาเซียนจะดีกว่า


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ.ตลาดวิเคราะห์ ฉบับที่ 339 ประจำวันที่ 1-15 มีนาคม 2556

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น