ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพุธที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2556

จิรชัย โยนหินถามทาง ผลักดัน ก.ม. ขายตรงไทย แยกขายตรงไร้เงาประเภท 2









เลขา สคบ. เดินหน้าเชิงรุก สอบขายตรงแท้ หลังผู้ประกอบการยื่นขอใบอนุญาตเพิ่มทุกปี แต่ทำจริงมีเพียง 300 บริษัท ยันมีอีกหลายรายไม่ยื่นหนังสือกลับมา ต้องสรุปเป็นแบบที่ 2 ที่ไม่มีการทำธุรกิจระบุอยากถอนใบอนุญาตแต่ติดด้วยกฎหมายด้าน 300 บริษัทที่แสดงตัวเตรียมมอบใบทะเบียนให้ใหม่ พร้อมผลักดันอุตสาหกรรมขายตรงต่อไป ขณะที่กฎหมายขายตรงฉบับแก้ไขยังไม่คืบ รอ 2 แนวทางแบบเร่งด่วนและระยะยาวที่ต้องศึกษากฎหมายยุโรปและอเมริกาก่อน ยื่นเรื่องเสนอแก้ไขกฎหมายควรแยก สคบ. ส่วนงานขายตรง


จิรชัย มูลทองโร่ย เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่าหลัง สคบ. ได้กำหนดนโยบายในการตรวจสอบบริษัทขายตรงที่ขึ้นทะเบียนกับ สคบ. จำนวน 855 บริษัท ตั้งแต่ต้นปี 2556 ด้วยการแบ่งการทำงานออกเป็น 3 ส่วน คือ1.ส่งหนังสือหลับไปยังผู้ประกอบการทั้งหมด 2.ให้ผู้ประกอบการตอบรับภายในเวลาที่กำหนดคือ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2556 ที่ผ่านมา และ 3.หากผู้ประกอบการได้รับหนังสือที่ สคบ. แจ้งไป และไม่ตอบกลับมา สคบ. ก็จะมีมาตรการขั้นถัดไป


ทั้งนี้ จากแนวนโยบายดังกล่าว ปรากฏว่ามีผู้ประกอบการธุรกิจขายตรงยื่นหนังสือตอบรับกลับมายัง สคบ. ว่า ยังดำเนินธุรกิจอยู่ประมาณ 300 บริษัทนอกจากนี้ผู้ประกอบการที่ยกเลิกกิจการประมาณ 34-35 บริษัท และอยู่ระหว่างรอรายงานเพิ่มเติมอีกส่วนหนึ่ง โดยส่วนที่เหลือยังไม่มีการตอบรับหนังสือกลับมาแต่อย่างใด สคบ. จึงได้สรุปผู้ประกอบการที่ไม่ตอบรับกลับมา ให้เป็นผู้ประกอบการประเภทที่ 2คือไม่มีการดำเนินธุรกิจ ส่วนประเภทที่ 1 คือผู้ประกอบการที่ตอบรับกลับมาและยังดำเนินธุรกิจขายตรงในปัจจุบัน


ในส่วนของผู้ประกอบการจำนวน 300 บริษัท ที่ส่งหนังสือตอบรับกลับมา สคบ. จะมีการเชิญผู้ประกอบการทั้งหมดมาร่วมเสวนาเกี่ยวกับการส่งเสริมและสนับสนุนธุรกิจขายตรงในการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ที่สำคัญ สคบ. จะมอบใบจดทะเบียนผู้ประกอบการธุรกิจขายตรงให้ใหม่ โดยใช้ข้อมูลเดิมของผู้ประกอบการ


ผู้ประกอบการที่ สคบ. ได้ส่งหนังสือแจ้งไป ส่วนใหญ่ยังคงเงียบ ตรงนี้ไม่รู้เป็นเพราะเหตุผลอะไรและถ้าถามว่า สคบ. จะมีมาตรการขั้นเด็ดขาดในการแยกประเภทบริษัทขายตรงเป็นประเภทที่ 2 ด้วยการเพิกถอนใบทะเบียน ตรงนี้ สคบ. ยังไม่สามารถทำได้ เพราะติดในเรื่องกฎหมายขายตรง


นอกจากนี้ สคบ. ยังเข้มงวดการจดทะเบียนขอใบอนุญาตจาก สคบ. เนื่องจากที่ผ่านมามีกระแสข่าวออกมาว่าบริษัทขายตรงที่ยื่นขอใบอนุญาตมายัง สคบ. จะต้องจ่ายเงิน เรื่องนี้สร้างความเสียหายให้กับ สคบ. เป็นอย่างมากดังนั้น การทำงานจากนี้ไป สคบ. จะมีมาตรการที่เคร่งครัดมากขึ้น โดยผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตการประกอบธุรกิจขายตรงจาก สคบ. แล้ว จะต้องพบกับเลขา สคบ. ก่อน เพื่อทำการสัมภาษณ์ 3 คำถาม คือ 1.การขอใบอนุญาตในการประกอบธุรกิจขายตรงครั้งนี้เสียเงินให้กับเจ้าหน้าที่หรือไม่ 2.ขายสินค้าอะไร และ 3.มีการโฆษณาผ่านสื่อใดบ้าง


อย่างไรก็ดี การทำงานของ สคบ. ถือเป็นไปตามนโยบายเชิงรุกที่แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ 1.การปรับทะเบียน 2.การติดตามประเมินผล และ 3.การปราบปรามบริษัทขายตรงที่กระทำการไม่เหมาะสม ซึ่งเป็นนโยบายที่ได้มีการสานต่อหลังจากได้รับตำแหน่งเลขา สคบ. เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2555 ที่ผ่านมา


จิรชัย กล่าวต่อว่า ความคืบหน้าของกฎหมายขายตรงฉบับแก้ไขปี 2545 ขณะนี้ สคบ.ได้มอบหมายนักวิชาการด้านกฎหมายทำการศึกษากฎหมายขายตรงว่ากฎหมายฉบับปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงในเชิงธุรกิจอย่างไร โดยศึกษากฎหมายขายตรงที่ยุโรปและอเมริกาว่าธุรกิจขายตรงมีความก้าวหน้าอย่างไร จากนั้นได้มีหารเสนอให้แก้ไขกฎหมายเป็น 2 ส่วนคือ 1.ระยะเร่งด่วนภายใน 90 วัน 2.ระยะยาว คือ การปรับกฎหมายว่าควรปรับอย่างไร


สำหรับการแก้ไขกฎหมายขายตรง มีการเสนอประเด็นการจดทะเบียนผู้จำหน่ายอิสระจะมีการจดทะเบียนเหมือนกับสำนักคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) หรือไม่ และองค์การของ สคบ. ปัจจุบันยังมีข้อจำกัดด้านบุคลากรกับงบประมาณ ดังนั้จะมีความเป็นไปได้หรือไม่หาก สคบ. จะแยกการทำงานในส่วนขายตรงออกเป็นเอกเทศเหมือนกับ คปภ.




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ.The Power Network ฉบับที่ 219 ประจำวันที่ 16-31 มีนาคม 2556

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น