ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันศุกร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2556

ตลาดขายตรงไตรมาสแรกร้อนระอุ! หน่วยงานรัฐเดินสายหยุด เครือข่ายอื่น







Capture (Mobile)


ซูมความเคลื่อนไหวตลาด ขายตรง Q1 หลังพบหน่วยงาน ภาครัฐเดินสายหยุด เครือข่าย เถื่อน เหตุเพราะพบบริษัทขาย ตรงบางค่าย เล่นเกมนอกกรอบ กฎหมาย หลอกคนหลงติดกับ เข้าเครือข่าย... ...ล่าสุด กองปราบฯ-ดีเอสไอ สวมบทโหดเชือดไก่ให้ลิงดู บุกจับกุมพร้อมตัก เตือนผู้ประกอบการที่ชอบทำนาบนหลังคน...ด้านสคบ.เร่งดันธุรกิจ ขายตรงเข้าสู่ AEC ด้วยการจัดพิธีมอบหนังสือรับรองการประกอบ ธุรกิจให้แก่บริษัทขายตรง 353 ราย



ผ่านพ้นไปแล้ว 3 เดือนกว่าของปีนี้ ความน่าตื่นเต้น ใน ธุรกิจขายตรง เริ่ม ส่งสัญญาณส่งกลิ่นไม่ดีตั้งแต่ต้นปีกันเลย ทีเดียว เห็นได้จากการอุ่นเครื่องแบบเบา ๆ ของ หน่วยงานรัฐ ที่ออกมาเดินสายปฏิบัติการณ์ล่า เครือข่ายเถื่อน ที่ออก มาทำให้ภาพรวมของธุรกิจขายตรงเสื่อม เสียลง ซึ่งวันนี้ต้องบอกว่า หากใครที่ ติดตามความเคลื่อนไหวของ ธุรกิจขายตรง ก็พอที่จะทราบว่า ยิ่งธุรกิจขายตรง มีความเงียบมากเท่าไหร่...ก็จะมีเครือ ข่ายที่ไม่ดีเข้ามาแทรกซึม ทำให้ภาพ ลักษณ์ของธุรกิจที่กำลังดีขึ้นนี้ กลับมา เสื่อมเสียอีกครั้ง!...ที่สำคัญ จะเห็นได้ว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ที่ผ่านมานั้น พบว่า เริ่มที่จะเห็น ธุรกิจขายตรง ที่อาจ จะเรียกได้ว่า ขายตรงเถื่อน เริ่มเจอของ จริง!...จากหน่วยงานภาครัฐอย่าง กอง ปราบฯ-ดีเอสไอ ออกโรงสวมบทโหด ตรวจค้น ตรวจจับ การกระทำผิดของ บริษัทเครือข่ายที่ทำนอกกรอบ ออกมาให้ คนเครือข่ายได้พบเห็นกันแบบถี่ยิบเลย ทีเดียวในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้... โดยทีมข่าว ตลาด วิเคราะห์ ขอย้อน เหตุการณ์ในช่วง ไตรมาสแรกของปีนี้ ของบริษัทขายตรง และแชร์ลูกโซ่ที่ กระทำผิดกฎมาให้ ทุกท่านได้ทราบพอ สังเขปดังนี้

Q1ก อ ง ป ร า บ ฯ - ดีเอสไอเชือดไก่ให้ลิงดู ลงดาบแชร์ลูกโซ่-ขาย ตรงเถื่อนนอกรีด

...ต้องบอกว่า หลังจากที่เริ่มต้นปีนี้ มาได้ประมาณ 1 เดือนกว่า สัญญาณ การส่งกลิ่นคาวของธุรกิจที่เรียกได้ว่าเป็น ภัยมืดทางสังคม ก็เริ่มอาละวาดออกมา ให้เห็นกันบ้างแล้ว เห็นได้จากเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2556 ที่ผ่านมา ทาง ดีเอส ไอ เอง ก็ได้ออกมาบุกจับกุม รวบตัว 2 นักต้มตุ๋นตัวแสบ แชร์ลูกโซ่ ที่ออกมา หลอกเหยื่อด้วยการตั้งสหกรณ์บังหน้า พร้อมกันนี้ ยังอ้างว่า ดำเนินธุรกิจขายตรง นํ้ามันรำข้าวและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ รวมถึงยังบอกอีกว่า สมาชิกยังมีสิทธิ์ กู้เงิน 1 แสนบาท รวมถึงยังมีกองทุนช่วย เหลือ กรณีสมาชิกเสียชีวิตจะได้รับเงิน รายละ 100,000 บาท โดยจะคล้าย ๆ กับสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ซึ่งแก๊ง พวกนี้ จะมีการใช้ข้อความชวนเชื่อว่า แผนธุรกิจสามระบบ สยบความจน คือ ตื่นได้เงินแสน ตายได้เงินแสน กู้ได้เงิน แสน

ทั้งนี้ หากย้อนไปดูถึงแผนอัน แยบยลของ แก๊งต้มตุ๋น พวกนี้ ส่วนใหญ่ จะเป็นการใช้การโฆษณาชักชวนให้ สมัครสมาชิกเข้ามาทำธุรกิจด้วยรูปแบบ ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทางเว็บไซต์ การจัด อบรมตามจุดต่าง ๆ เพื่อเป็นการสร้าง ความน่าเชื่อถือด้วยการเชิญเจ้าหน้าที่ จากสหกรณ์จังหวัดเข้าไปบรรยายจน ทำให้ชาวบ้านหลงเชื่อ พร้อมกับหลอกให้ เสียเงินสมัครค่าสมาชิก และซื้อหุ้นเพื่อ การลงทุน นับได้ว่า เป็นอีกหนึ่งกลอุบาย อันแยบยลที่เชื่อว่าแก๊งพวกนี้ ได้มีการนำ มาใช้ในหลาย ๆ พื้นที่จนสำเร็จมาแล้ว นั่นเอง!!

...เช่นเดียวกับ อีกหนึ่งเหตุการณ์ สำคัญในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ที่ทาง หน่วยงานรัฐอย่าง กองปราบฯ เอง ได้ ออกมาสร้างผลงานชิ้นโบว์แดงกันตั้งแต่ ต้นปีนี้ ด้วยการส่งเจ้าหน้าที่ จับกุมบริษัท ขายตรงด้วยข้อหาที่ไม่มีใบอนุญาตการ ประกอบธุรกิจจาก สคบ. นั่นก็คือ บริษัท พีพี กรุ๊ป 99 จำกัด ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่ง แผนการสกรีนธุรกิจขายตรงตั้งแต่ต้นปีกัน เลยทีเดียว โดยในช่วงที่ทางกองปราบฯ เอง ได้ มีการตรวจค้นและจับกุมนั้น ต้องบอกว่า ทางผู้บริหารบริษัทดังกล่าว ไม่สามารถที่ จะนำเอกสารมาอ้างอิงได้ให้กับทางกอง ปราบฯ ได้ พร้อมกับได้ให้เหตุผลต่อเจ้า พนักงานว่ากำลังอยู่ในขั้นตอนของการขอ อนุญาตเพียงเท่านั้น ที่สำคัญ ยังให้ข้อมูล ที่ไม่ตรงกับเจ้าหน้าที่ พร้อมกับยังยืนยันว่า บริษัทของตนเองได้เปิดดำเนิน การอย่างถูกต้องอีกด้วย อีกทั้งยังอ้างอีกว่า บริษัทเคยยื่นขอใบอนุญาต แล้ว แต่ไม่ได้รับการอนุมัติจาก สคบ. เนื่องจากธุรกิจของ บริษัทเกี่ยวกับการให้บริการ ด้านซิมโทรศัพท์และบัตรเติม นํ้ามัน ไม่ใช่การขายสินค้า อื่น ๆ ทั่วไป ที่สำคัญ ยังไม่อยู่ ในขอบข่ายการรับผิดชอบของ สคบ. ด้วย ส่งผลให้ ทาง สคบ. เอง จึงไม่สามารถที่จะรับจด ทะเบียนให้ได้

...นับได้ว่า กรณีของการ ใช้ช่องว่างของกฎหมาย ถือ เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่จำเป็นอย่าง ยิ่งที่จะต้องเร่งหาทางแก้ไขกัน ในเรื่องนี้ และยิ่งกรณีของการ ใช้การบริการของซิมโทรศัพท์ และบัตรเติมนํ้ามันเข้ามาเกี่ยว เนื่องในระบบเครือข่ายแล้ว ด้วยยิ่งไม่สามารถที่จะกระทำ ได้ ซึ่งไม่ได้อยู่ในหน้าที่การรับ ผิดชอบของ สคบ. โดยเชื่อ ว่าการกระทำในลักษณะนี้ คง ไม่ได้มีเฉพาะแต่บริษัทนี้เพียง บริษัทเดียวเท่านั้น แต่น่าที่จะ มีอีกหลาย ๆ บริษัท กระทำใน ลักษณะนี้เช่นเดียวกัน แต่ยัง ไม่สามารถที่จะสืบสาวราว เรื่องได้ถึงตัวการนั่นเอง!! ...ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหว ของการตรวจสอบและเอาจริง ของหน่วยงานภาครัฐในช่วง ไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ ยังไม่หมด เพียงแค่นี้!!

...แต่ยังมีการเดิน สายเตรียมล้างบางธุรกิจนอก ระบบมาลงโทษอีกเป็นระลอก อย่างที่ผ่านมา อย่าง บริษัท เวิล์ด ฟรีดอม ซัคเซซ จำกัด ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ หลาย ๆ คน ต่างให้ความสน อกสนใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ทั้งนี้ บริษัทดังกล่าว ก็ยังไม่ถึงขั้น ที่ทางสำนักงานคณะกรรมการ คุ้มครองผู้บริโภค ต้องออกโรง มาเช็คบิลสั่งปิดกิจการอย่าง ถาวร แต่ถึงอย่างไรเสีย ก็เป็น อีกหนึ่งการส่งสัญญาณให้ หลาย ๆ คนรู้ว่า ค่ายนี้อาจจะ มีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลก็เป็น ได้ โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในช่วงที่ผ่านมานั้น เกิดจาก เหล่าลูกทีมที่ทำสายงานใน บริษัทแห่งนี้ ได้มาร้องเรียนเข้า แจ้งความกับกองปราบฯ ในกรณีที่แม่ทีม หลอกเอารถมา จัดไฟแนนซ์ และเบี้ยวเงิน ที่ สำคัญ ยังมีการปรับแผนการ ตลาดโดยที่ไม่แจ้งให้ลูกทีม ทราบล่วงหน้าอีกด้วย ตรงจุด นี้เองที่ทำให้ลูกทีมหลาย ๆ คน ต่างเกิดความไม่พอใจใน ประเด็นดังกล่าว จนต้องมีการ เข้าพบกองปราบฯ เพื่อเรียก ร้องความเป็นธรรมในช่วงเวลา นั้น ซึ่ง บริษัท เวิล์ด ฟรีดอม ซัคเซซ จำกัด ถือเป็นธุรกิจ ขายตรง ระบบ Unilevel ที่ได้ ออกมาเน้นการชูขายสินค้า อุปโภค-บริโภค เป็นหลัก นอกจากนี้ ก็ยังมีการทำธุรกิจ แฟรนไชส์ บริการเติมเงิน โทรศัพท์มือถือให้กับค่าย AIS อีกด้วย

สคบ.เร่งดันธุรกิจขายตรงเข้าสู่AEC มอบหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจ

...เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2556 ที่ผ่านมา เป็นอีกหนึ่ง งานที่ทางหน่วยงานภาครัฐ อย่าง สำนักงานคณะ กรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. ได้มีการจัดงานพิธี มอบหนังสือรับรองการจด ทะเบียนประกอบธุรกิจขาย ตรงให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจขาย ตรง จำนวน 353 ราย พร้อมกัน นี้ ยังได้มีการประชุมสัมมนา และมอบนโยบายแนวทางการ ดำ เนินการของผู้ประกอบ ธุรกิจขายตรง เพื่อรองรับ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน อีกด้วย ทั้งนี้ ในงานสัมมนาดัง กล่าวนั้น ทางด้าน

จิรชัย มูล ทองโร่ย เลขาธิการสำนักงาน คณะกรรมการคุ้มครองผู้ บริโภค (สคบ.) ยังได้กล่าว ภายในงานด้วยว่า ในช่วงรอบ หลายปีที่ผ่านมา ภาพรวมของ ธุรกิจขายตรงเรียกได้ว่าเติบโต อย่างต่อเนื่อง โดยดัชนีชี้วัด เห็นได้จากสถิติการจดทะเบียน ธุรกิจขายตรง ซึ่งผู้ประกอบ ธุรกิจขอยื่นจดทะเบียนกับ สคบ. ตั้งแต่ พ.ศ. 2545 จนถึง ปัจจุบัน มีจำนวนผู้ประกอบ ธุรกิจขายตรงที่ได้รับการจด ทะเบียนขายตรง จำนวน 613 ราย ที่สำคัญ ภาคธุรกิจดัง กล่าว ถือได้ว่าสร้างรายได้ให้ กับประเทศอย่างมหาศาลที เดียว ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ ทาง สคบ. เอง จึงได้มีโครงการที่จะมอบตราสัญลักษณ์การ คุ้มครองผู้บริโภคให้กับผู้ ประกอบธุรกิจ เพื่อเตรียม ความพร้อมในการก้าวเข้าสู่ ประชาคมอาเซียน หรือ AEC ด้วย โดยตรงนี้จะเป็นการส่ง เสริมสนับสนุนธุรกิจขายตรง ให้เป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ตลอดจน สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ บริโภคที่ซื้อสินค้าว่า จะได้รับ ของดีมีคุณภาพคุ้มค่า คุ้ม ราคา และจะได้รับการเยียวยา หากเกิดความเสียหายสินค้า หรือบริการนั้น ๆ จิรชัย ยังกล่าวอีกว่า และเพื่อเป็นการสร้างความรู้ ความเข้าใจกับผู้ประกอบ ธุรกิจขายตรง ให้ดำเนินธุรกิจ อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เป็นธรรมต่อผู้บริโภค และ รองรับการเข้าสู่ AEC อย่าง แท้จริง ทาง สคบ. เอง ยังได้มี การจัด การประชุมสัมมนา แนวทางการดำเนินการของผู้ ประกอบธุรกิจขายตรง เพื่อ รองรับประชาคมเศรษฐกิจ อาเซียน ขึ้น พร้อมกับมอบ หนังสือรับรองการจดทะเบียน ประกอบธุรกิจขายตรงให้แก่ผู้ ประกอบธุรกิจขายตรง จำนวน 353 ราย ที่ได้มีการแจ้งมายัง สคบ. ว่า ยังคงประกอบธุรกิจ ขายตรงอยู่ในปัจจุบัน โดยตราสัญญาลักษณ์นี้ จะช่วยสร้างความมั่นใจให้ กับผู้บริโภค รวมถึงผู้ที่สนใจ เป็นตัวแทนผู้จำหน่ายอิสระ ใน การตรวจสอบว่า เป็นบริษัท ขายตรงจริง ไม่ใช่ธุรกิจแชร์ ลูกโซ่ นอกจากนี้ ยังเสริมสร้าง ความรู้ ความเข้าใจแนวทาง การส่งเสริมและกำกับดูแล ธุรกิจขายตรงในปี พ.ศ. 2556- 2560 ให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจอีก ด้วย

นับเป็นอีกหนึ่งความ เคลื่อนไหวในช่วงไตรมาสแรก ของปีนี้ที่เริ่มอุ่นเครื่องกันแบบ ชนิดที่ว่า หลาย ๆ บริษัท ที่ กำลังกระทำความผิดต่างนั่ง ไม่ติดเก้าอี้กันเลยทีเดียว ที่ สำคัญ ยังมีอีกหนึ่งความ เคลื่อนไหวของทาง สคบ. ที่ ออกมาสร้างความน่าเชื่อถือ ให้กับธุรกิจขายตรงที่ทำถูก ต้องตามกฎหมายอีกด้วย ด้วย การจัดพิธีมอบหนังสือรับรอง การจดทะเบียนประกอบธุรกิจ ขายตรงให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจ ขายตรง จำนวน 353 รายอีกด้วย พร้อมกับการเตรียมผลัก ดันธุรกิจขายตรงก้าวสู่ตลาด อาเซียนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ ซึ่งก็ต้องมาติดตามกันว่า ใน ไตรมาสที่ 2 ที่กำลังเริ่มต้นนี้ จะมีอะไรออกมาให้ตื่นเต้นกัน บ้าง ก็ต้องติดตามกันต่อไป!...




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ.ตลาดวิเคราะห์ ฉบับที่ 342 ประจำวันที่ 16-31 เมษายน 2556

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น