 |
เหตุ! ที่ต้องจั่วหัวเรื่องเกี่ยวกับคำว่า "ผู้บริหารขายตรง" ก็เพราะเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ผู้เขียนได้ถูกรับเชิญจากเจ้าของกิจการขายตรงรายหนึ่ง เข้าไปแลกเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับธุรกิจขายตรง ก่อนที่จะตั้งคำถามมายังผู้เขียนว่า
"คุณคิดว่า ในบริษัทขายตรงหนึ่งบริษัทจะมีผู้บริหารคนเดียวได้หรือไม่" ไม่ต้องคิดให้เมื่อยตุ้ม คำตอบคือ ไม่ได้เด็ดขาด แต่มีเจ้าของคนเดียวได้ และจะดีที่สุด
ก็เลยนึกถึงสิ่งที่เคยเขียนตั้งไว้ นำมาแชร์แนวคิดของผู้เขียนให้ผู้อ่านฟังอีกครั้งครับ
เจ้าของต้องไม่ทำตัวรู้มาก หลงตัวเอง ไม่ฟังใคร ใช้พระเดชในการทำงาน แต่เจ้าของต้องมี "กุนซือ" และต้องใว้ใจ "กุนซือ" และต้องกล้ามอบหมายงานให้ทำ กุนซือเหล่านี้แหละคือ หนึ่งในคณะบริหารของบริษัท
คำว่า บริษัท บวกกับคณะบริหาร คือ ที่มาของรากฐานที่แข็งแกร่ง โครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดการจะแข็งแกร่งหรือไม่ หัวใจอยู่ตรงนี้ อยู่ที่การเข้าใจ และเข้าถึง ของคณะบริหาร
คณะบริหารต้องทำอะไร เริ่มตั้งแต่กำหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ ทิศทางการทำงาน กำหนดกรอบนโยบาย วางระบบคน ระบบ Back Office และอื่นๆ อีกจีปาฐะ
หลายบริษัทที่ตกม้าตาย ทั้งๆ ที่ธุรกิจกำลังขยายตัวได้ดี เพราะเจ้าของ ไม่ให้ความสำคัญของการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง
พอธุรกิจโต ก็ไม่สามารถรองรับการเติบโตนั้นได้ทัน สุดท้าย ก็ทำงานแบบ "งูกินหาง" คือ "เก่าไป ใหม่มา" ภาพลักษณ์เสีย ธุรกิจชะลอตัว บางครั้งถึงขั้นต้องปิดกิจการก็มี
จำได้ว่าเคยเขียนถึงเรื่องนี้ไปหลายครั้ง เรื่องที่ผู้เขียนย้ำเสมอ ว่า เวลาไปไหน เข้าไปบริษัทไหน ทุกครั้งที่ได้รับโอกาสจากเจ้าของกิจการก็อดไม่ได้ที่จะพูดคำๆ นี้ให้ฟัง
"ความมั่นคงของธุรกิจไม่ได้อยู่ที่ผลประกอบการมากๆ แต่ขึ้นอยู่กับการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งขึ้นมา พร้อมกับการสร้างความเชื่อมั่น ความศรัทธาให้กับประชาชน ในฐานะผู้ซื้อ และผู้ขาย และความมั่นคงที่จะส่งผลไปสู่ความยั่งยืนทางธุรกิจได้ นอกเหนือจากที่กล่าวมา ก็คือ การสร้างกำไรสุทธิ ให้กับบริษัท สมาชิก ผู้บริโภคและสังคม ที่เป็นไปตามธรรมชาติ ภายใต้คุณธรรมจริยธรรม และอยู่ในกติกาของกฎหมายเป็นที่ตั้ง"
คำตอบอยู่ที่ จิ๊กซอ ตัวแรก คือ การทำความเข้าใจกับโครงสร้างพื้นฐาน ไปสู่การสร้างผลประโยชน์ที่ลงตัว โดยไม่ฝืนธรรมชาติ และเป็นไปตามกฎกติกา
สรุปให้อีกครั้งครับว่า โครงสร้างพื้นฐาน เริ่มต้นมาจากวันที่ที่ท่านคิด แล้วจดทะเบียนมีชื่อบริษัท เริ่มตั้งแต่ไม้บรรทัด ยางลบ จนเกิดเป็นสำนักงาน มี "คน" หรือบุคลากรเข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น มีอุปกรณ์ดีพอ และตรงกับการใช้งานของบุคลากรนั้นๆ
มันเป็นหน้าที่ของ "ฝ่ายบริหาร" ที่จะต้องกำหนด และควบคุม ให้เกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผล เพราะเอาเพียงแค่การเนรมิตระบบ Back Office ให้มีศักยภาพในการรองรับการใช้งาน การให้บริการ และอื่นๆ คงไม่ใช่เรื่อง "หมู" ที่ "ผู้รู้" หลายท่านพูดไว้
สำหรับผู้เขียน วิสัยทัศน์นั้น สร้างกันง่ายในปัจจุบัน แต่เดินได้ตาม "วิสัยทัศน์" ที่วางไว้มากน้อยขนาดไหน ต้องคิดสิ่งที่ยากกว่านี้ขึ้นมา คือ "นโยบาย"
บริษัทขายตรงทุกวันนี้อย่าหาว่า "ดูถูก" นโยบายที่ชัดเจนยังไม่มีเลย แต่กลับไปบอกสมาชิกว่า ทำเลย ร่วมธุรกิจเลย บริษัทนี้อยู่ยาว มั่นคง และยั่งยืนแน่นอน แต่พอผ่านไป 2 ปี ปิดกิจการ บางที่ยังไม่ถึงด้วยซ้ำ
จริงๆ แล้ว นโยบายเป็นตัวกำหนดกลยุทธ์ แต่ทั้งนโยบาย และกลยุทธ์นั้น ทำไมกลับใช้งาน ใช้การไม่ได้เลย
สมมติ!! อีกว่า โครงสร้างฝ่ายบริหารครบ แต่ฝ่ายบริหารที่มีอยู่นั้น ความเป็นมืออาชีพมีอยู่น้อยนิด หรือ 5 คน มีของจริงอยู่ 2 คน ก็อาจส่งผลให้การพิจารณา หรือกำหนดกรอบการทำงานนั้นมีปัญหา
ยิ่งเจอประเภท เข้าใจ แต่ไม่เข้าถึงแล้ว อย่างนี้ก็ลำบากหรือมีคณะบริหาร แต่เจ้าของทำตัวตัดสินใจอยู่คนเดียว คิดเองเออเองอยู่คนเดียว โดยไม่ฟังเสียงทักท้วงจากคนรอบข้าง ซึ่งถ้าเสียงทักท้วงนั้นมีมากกว่าเสียงเดียว ก็ควรเงี่ยหูฟัง หรือชะลอการตัดสินใจ และรอบคอบที่จะตัดสินใจให้มากกว่าเก่า อย่างนี้ธุรกิจจะเดินราบรื่นกว่า
ฉบับนี้เราสรุปกันถึงต้นน้ำ คือคำว่า บริษัท กับคำว่า คณะบริหาร แค่นี้ครับ
Credit By :http://www.ryt9.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น