ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพุธที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ข่าว "คังเซน-kangzen" พลิกกลยุทธ์ปิดจุดอ่อนอัดหลักสูตรดันยอด 2,000 ล้าน


นายอิทธิศักดิ์ อำพันธ์ยุทธ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท คังเซน-เคนโก อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมของ ธุรกิจคังเซนฯในช่วงที่ผ่านมาว่า ต้องยอมรับว่าปัจจุบันยอดขายของบริษัทอยู่ในภาวะชะลอ ตัว ผลประกอบการยังไม่ค่อยเป็นที่น่าพึงพอใจ ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งน่าจะเกิดจากการที่บริษัทมีจุดอ่อนเกี่ยวกับระบบการสร้างเครือข่ายที่ยังไม่พัฒนาให้เกิดความชัดเจน สมาชิกนักธุรกิจของเราที่เข้าใจธุรกิจเครือข่ายอย่างแท้จริงมีไม่ถึง 30% โดยอีก 70% ยังคงเป็นเพียงผู้จำหน่ายอิสระทั่วไป ที่เข้ามาร่วมธุรกิจเพียงเพราะชื่นชอบในผลิตภัณฑ์ของคังเซนฯเท่านั้น โดยส่วนใหญ่มักจะดำเนินธุรกิจขายตรง แบบครอบครัว เน้นการบริโภคเป็นหลัก

ฉะนั้น แผนงานในปี 2555 บริษัทจึงจะมี การปรับโครงสร้างระบบภายในบริษัท โดยจะเป็นการพัฒนาให้เข้าสู่ระบบเครือข่ายขายตรงอย่างเต็มรูปแบบมากขึ้น อย่างไรก็ดีน่าจะไม่เปลี่ยน รูปแบบโครงสร้างธุรกิจไปเลยทีเดียว แต่จะเน้น การสร้างความสมดุลระหว่างจุดแข็งและจุดบก พร่องของบริษัท โดยจุดแข็งที่สำคัญของเราใน ขณะนี้ คือ ปัจจุบันบริษัทมีผู้จำหน่ายอิสระที่มีความเชี่ยวชาญในการนำเสนอผลิตภัณฑ์เป็นจำนวนมาก ซึ่งจะเห็นได้ว่าเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว เราจะพบโลโก้ที่เป็นสัญลักษณ์ของศูนย์จำหน่ายสินค้าของคังเซนฯ ทั่วทั้งประเทศกว่า 1 หมื่นศูนย์ แต่กลับพบว่าผู้จำหน่ายเหล่านั้นไม่ได้รู้วิธีการทำธุรกิจเครือข่ายอย่างแท้จริง จึงเป็นเหตุให้พวกเขามีรายได้ไม่ต่อเนื่อง เกิดการ สูญเสียลูกค้า และเลิกทำธุรกิจไปโดยปริยาย

การหันมาเน้นในเรื่องของการทำธุรกิจขายตรงตามระบบมากขึ้น จึงน่าจะแก้ปัญหาสำคัญดังกล่าวได้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้เริ่มดำเนิน การตามแผน ด้วยการเพิ่มการอบรม สร้างความ เข้าใจเกี่ยวกับแนวความคิดดังกล่าวให้กับนักธุรกิจคังเซนฯทั่วประเทศ โดยขณะนี้มีการเตรียมความพร้อมด้วยการจัดอบรมเกี่ยวกับคอนเซปต์ของการทำธุรกิจในเบื้องต้น และจะเริ่ม พัฒนาความรู้ด้านอื่นๆ เกี่ยวกับธุรกิจเครือข่าย อย่างเป็นขั้นตอนต่อไปเรื่อยๆ เพื่อบริษัทจะสามารถสร้างยอดขายได้มากกว่าที่เป็นอยู่

นายอิทธิศักดิ์ เปิดเผยต่อว่า บริษัทเริ่ม ทดลองดำเนินตามแผนงานดังกล่าวมาตั้งแต่ ช่วงปลายปีที่แล้ว ด้วยการปรึกษาระดมความ คิด ความเห็นร่วมกับผู้จำหน่ายอิสระจากทั่วประเทศ ซึ่งหลายๆ คนให้การตอบรับ และเริ่มหยุดกิจการในเซ็นเตอร์ของตัวเอง แล้วหันเข้ามาฝึกอบรมในบริษัทมากขึ้น และพบว่าระยะเวลาผ่านไปเพียง 2 ไตรมาส ยอดขาย ของบริษัทเริ่มไต่ระดับขึ้นมาในระดับที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นในไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปีนี้เราจึงน่าจะเห็นความชัดเจนของธุรกิจคังเซนฯ มากขึ้น ทั้งนี้ภายในสิ้นปีบริษัทตั้งเป้ายอดขาย ไว้ที่ตัวเลข 2 พันล้านบาท และพยายามให้เติบโต 10-15% อย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปี

นอกจากนี้ ในครึ่งปีหลัง บริษัทคังเซนฯ ก็มีแผนที่จะพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมากขึ้นโดยเฉพาะการปรับปรุงคุณภาพในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ออร์แกนิค ซึ่งเป็นสินค้าหลักที่อยู่คู่กับบริษัทมากว่า 16 ปี โดยในปี 2554 บริษัทจำหน่ายผลิต ภัณฑ์ดังกล่าวได้มากกว่า 4 หมื่นชิ้น รวมเป็นเงินกว่า 55 ล้านบาท คาดว่าหลังจากการปรับปรุงคุณภาพใหม่ในครั้งนี้จะ ยิ่งส่งผลให้ยอดขายเติบโตขึ้นอีกกว่า 10% และในปีนี้บริษัทยังมุ่งให้ความสำคัญกับการรุกตลาดในกลุ่มสินค้าเสริมอาหารมากขึ้น เพื่อเป็นการขยายฐานกลุ่มผู้บริโภคที่รักและใส่ใจในสุขภาพ

ทั้งนี้ เมื่อถามถึงความคืบหน้าของธุรกิจคังเซนฯในต่างประเทศ หัวเรือใหญ่ ของคังเซนฯ ก็ได้เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทได้เข้าไปเปิดธุรกิจในต่างประเทศแล้ว 5 ประเทศด้วยกัน คือ อินโดนีเซีย, ลาว, พม่า, กัมพูชา และเวียดนาม โดยประเทศที่มียอดขายเติบโตมากที่สุด คือ อินโดนีเซีย ซึ่งในปีแรกมียอดขายทะลุ 950 ล้านบาท อยู่ในอันดับท็อปเทนของบริษัทขายตรงที่นั่น ส่วนลาวมียอดขายประมาณ 160 ล้านบาท พม่า ประมาณ 15 ล้านบาท ส่วนกัมพูชา และ เวียดนาม ยังถือว่าเป็นช่วงเริ่มต้นของการเข้าไปดำเนินธุรกิจ

อย่างไรก็ดี ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา พบว่าธุรกิจคังเซนฯ ในประเทศ พม่า มียอดขายเฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 2-3 ล้านบาท จากเดิมที่ขายได้เพียง 1 ล้านบาท ดังนั้นภายในสิ้นปีนี้ตนจึงคิดว่ายอดขายในพม่าอาจจะทะลุ 25 ล้านบาท ซึ่งปัจจัยสำคัญน่าเกิดขึ้นจากการเริ่มหันมาเน้นการดำเนินธุรกิจขายตรงตามระบบมากขึ้น และในขณะนี้ตนก็เริ่มสนใจที่จะเข้าไปเปิดธุรกิจคังเซนฯในประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ฟิลิปปินส์ และฮ่องกง เพราะทั้ง 2 ประเทศ มีฐานสมาชิกที่ เป็นผู้บริโภคของบริษัทอยู่แล้วเป็น จำนวนมาก เรื่องดังกล่าวจึงถือเป็น ก้าวย่างสำคัญที่น่าภาคภูมิใจของบริษัทคังเซนฯ เครือข่ายขายตรงของคนไทยที่ดำเนินธุรกิจมาเกือบ 2 ทศวรรษ โดยตนคาดว่าไม่เกินงานวันเกิด ฉลองครบรอบ 20 ปี บริษัทจะสามารถขยายธุรกิจครอบคลุมทุกประเทศในแถบอินโดจีนได้อย่างแน่นอน

ขณะเดียวกันเมื่อผู้สื่อข่าวถามถึง ความรู้สึกของนายอิทธิศักดิ์ ในฐานะอดีตนายกสมาคมการขายตรงไทย ที่เพิ่งลาตำแหน่งไปล่าสุด เขาได้เปิดเผยถึงความรู้สึกตลอด 2 ปีของการทำหน้าที่ดังกล่าวว่า ในวินาทีแรกที่ผู้ใหญ่ทุกคนให้โอกาส บอกตรงๆว่าตนมีความกลัว กลัวว่าจะทำงานได้ไม่ดี แต่ในเมื่อทุกคนให้ความไว้วางใจ และประธานผู้ก่อตั้งบริษัทคังเซนฯ ก็บอกว่า ยังไงเราก็ต้องทำได้ จึงทำให้ตนตัดสินใจเข้ารับหน้าที่ โดยตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ตนได้รับประสบการณ์หลายๆ อย่างที่ทำให้ตัวเองมีมุมมองความคิดที่กว้างขึ้น เติบโตขึ้น ส่วนผลงานที่ตน รู้สึกภูมิใจมากที่สุด คือ การนำพาชื่อเสียงของประเทศไทย ให้เป็นที่รู้จักใน เวทีธุรกิจขายตรงโลก โดยประเทศไทยเป็นประเทศแรกและประเทศเดียวใน เอเชียแปซิฟิก ที่ได้รับรางวัล โก อวอร์ด ในเรื่องของการดำรงไว้ซึ่งจรรยาบรรณการดูแลผู้บริโภค รวมถึงการให้ความสำคัญกับตลาดขายตรงทั้งหมด ซึ่งตนเชื่อว่าในวาระของนายกสมาคมคนใหม่ คุณกิจธวัช ฤทธ-ราวี ท่านจะยิ่งให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะทางสมาคมฯคาดหวังว่า ในปีหน้าเราจะขึ้นตำแหน่งในระดับแพลตินัม ซึ่งจะเป็นประเทศแรกของโลกที่ได้รับตำแหน่งนี้

อย่างไรก็ดี อดีตนายกสมาคมฯ ที่จะเข้ามารับหน้า ที่เลขาธิการให้แก่สมาคมฯในวาระปัจจุบัน ได้กล่าวถึงนโยบายสำคัญของสมาคมการขาย ตรงไทยว่า ณ วันนี้คณะกรรมการทุกคนมีแนวคิดว่า สมาคมฯจะต้องเร่งผลักดันให้ทุกๆ บริษัทที่เป็นสมาชิกได้รับโอกาสที่จะเข้ามาสลับสับเปลี่ยนการทำงานเพื่อสังคม คือ มีโอกาสที่จะเข้ามาเป็นคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ร่วมกัน ไม่ใช่มีอยู่แค่ประมาณ 10 บริษัทอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ซึ่งตนเชื่อว่า การที่เราให้โอกาสคนรุ่นใหม่เข้ามาเป็นคณะกรรม การ โดยที่ผู้ใหญ่ทุกคนยังคอยเป็นที่ปรึกษา น่าจะเป็นประสบการณ์ที่ดีเหมือนเช่นที่ตนเคยได้รับ


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.สยามธุรกิจฉบับที่ 1316 ประจำวันที่ 11-7-2012 ถึง13-7-2012

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น