ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันเสาร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เศรษฐกิจฟื้น การเมืองเปิดทาง ขายตรง (MLM) คังเซน-เคนโก,สุพรีเดอร์ม,เฮอร์บาไลฟ์ เสริมภูมินักขายอบรมถี่ยิบ..ดึงเรตติ้ง


เศรษฐกิจในประเทศดี การเมืองไร้ความรุนแรง แผ่อานิสงส์สู่ธุรกิจขายตรง คังเซน-เคนโก จัดอบรม นักขายอัดหลักสูตรพื้นฐาน เพิ่ม อาวุธสมาชิก สุพรีเดอร์ม ปลุกกระแสน้ำสมุนไพร ตีคู่คอร์สอบรมดึงเรตติ้งคืน ด้าน เฮอร์บาไลฟ์ เดินสายภูธร เน้น หนักที่ตลาดต่างจังหวัด

ดูจะกลายเป็นข่าวดีของบรรดา บริษัทขายตรง ที่เหตุการณ์บ้านเมืองไม่ได้มีความรุนแรงอย่างเช่นหลายปีที่ผ่านมา อีกทั้งเศรษฐกิจก็ไม่ได้เลวร้าย ทำให้หลายแบรนด์เดินหน้า ขนกลยุทธ์ออกมาห้ำหั่นกันฝุ่นตลบ โดย บริษัทส่วนใหญ่ทิ้งน้ำหนักไปที่การให้ความรู้กับนักขายเป็นสำคัญ ซึ่งต้องดูว่าหลักสูตรติดอาวุธสมาชิกของใคร จะทำให้ยอดขายเป็นไปตามเป้าที่หวัง

> คังเซน-เคนโก แก้จุดอ่อน อัดหลักสูตรพื้นฐานให้สมาชิก

นายอิทธิศักดิ์ อำพันธ์ยุทธ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท คังเซน-เคนโก อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า แผนงานในปี 2555 บริษัทจะมีการปรับโครงสร้างระบบภายในบริษัท โดยจะเป็นการพัฒนาให้ เข้าสู่ระบบเครือข่ายขายตรงอย่างเต็ม รูปแบบมากขึ้น อย่างไรก็ดี น่าจะไม่เปลี่ยนรูปแบบโครงสร้างธุรกิจไปเลยทีเดียว แต่จะเน้นการสร้างความสมดุล ระหว่างจุดแข็งและจุดบกพร่องของบริษัท โดยจุดแข็งที่สำคัญของเราในขณะนี้ คือ ปัจจุบันบริษัทมีผู้จำหน่ายอิสระที่มีความเชี่ยวชาญในการนำเสนอ ผลิตภัณฑ์เป็นจำนวนมาก ซึ่งจะเห็นได้ว่าเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว เราจะพบโลโก้ที่เป็นสัญลักษณ์ของศูนย์จำหน่ายสินค้าของคังเซนฯ ทั่วทั้งประเทศกว่า 1 หมื่นศูนย์ แต่กลับพบว่าผู้จำหน่ายเหล่านั้นไม่ได้รู้วิธีการทำธุรกิจเครือข่ายอย่างแท้จริง จึงเป็นเหตุให้พวกเขามีรายได้ไม่ต่อเนื่อง เกิดการสูญเสียลูกค้า และเลิกทำธุรกิจ ไปโดยปริยาย

ทั้งนี้ ในส่วนของความคืบหน้า ของธุรกิจคังเซนฯ ในต่างประเทศหัวเรือใหญ่ของคังเซนฯ ก็ได้เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทได้เข้าไปเปิดธุรกิจในต่างประเทศแล้ว 5 ประเทศด้วยกัน คือ อินโดนีเซีย, ลาว, พม่า, กัมพูชา และ เวียดนาม โดยประเทศที่มียอดขาย เติบโตมากที่สุด คือ อินโดนีเซีย ซึ่ง ในปีแรก มียอดขายทะลุ 950 ล้าน บาท อยู่ในอันดับท็อปเทนของบริษัท ขายตรงที่นั่น ส่วนลาวมียอดขายประมาณ 160 ล้านบาท พม่า ประมาณ 15 ล้านบาท ส่วนกัมพูชา และเวียดนาม ยังถือว่าเป็นช่วงเริ่มต้นของการ เข้าไปดำเนินธุรกิจ

"อย่างไรก็ดี ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาพบว่าธุรกิจคังเซนฯในประเทศพม่ามียอดขายเฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 2-3 ล้านบาท จากเดิมที่ขายได้เพียง 1 ล้านบาท ดังนั้นภายในสิ้นปีนี้ตนจึงคิดว่ายอดขายในพม่าอาจจะทะลุ 25 ล้านบาท ซึ่งปัจจัยสำคัญน่าเกิดขึ้นจากการเริ่มหันมาเน้นการดำเนินธุรกิจขายตรงตามระบบมากขึ้น และในขณะนี้ตนก็เริ่มสนใจที่จะเข้าไปเปิดธุรกิจคังเซนฯ ในประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นฟิลิปปินส์ และฮ่องกง เพราะทั้ง 2 ประเทศมีฐานสมาชิกที่เป็นผู้บริโภคของบริษัทคังเซนฯ เครือข่ายขายตรงของคนไทยที่ดำเนินธุรกิจมาเกือบ 2 ทศวรรษโดยตนคาดว่าไม่เกินงานวันเกิดฉลองครบรอบ 20 ปี บริษัทจะสามารถขยายธุรกิจครอบคลุมทุกประเทศในแถบอินโดจีนได้อย่างแน่นอน

> "สุพรีเดอร์ม" จัดโปรฯ เต็มพรืดสร้างแรงจูงใจสมาชิก

ด้านนายธรรมนูญ สมบูรณ์สินผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท สุพรีเดอร์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่ากลยุทธ์ทางการตลาดในข่วงไตรมาสที่ 3 บริษัทเตรียมเพิ่มสินค่าใหม่เข้ามาสนับสนุนการทำงานของสมาชิก โดยจะเป็นสินค้าจำพวก Mass Product ซึ่งจะทำให้สมาชิกสามารถนำไปเสนอผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น โดยล่าสุดได้เปิดตัวและเริ่มจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพ 3 รายการ เพื่อเข้ามาเจาะเทรนด์ตลาดคนรักสุขภาพ เช่น เครื่องดื่มสมุนไพรปัญจะ ภูตะ ที่มีส่วนผสมของสมุนไพรถึง 39 ชนิด ช่วยปรับสมดุลของธาตุทั้ง 5 และสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับร่างกาย โดยหลังจากบริษัททำการทดลองตลาดภายในช่วงเดือนที่ผ่านมาสมาชิกและผู้บริโภคให้การตอบรับเป็นอย่างดี

นอกจากนั้นบริษัทยังมีกลยุทธ์เพิ่มการฝึกอบรมให้แก่สมาชิก เนื่องจากมองว่าการอบรมให้แก่สมาชิก เนื่องจากมองว่าการอบรมถือเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจเครือข่าย บริษะทพยายามจัดการฝึกอบรมในคอร์สต่างๆ เพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของสมาชิกและพนักงาน เพื่อให้พวกเขามีความรู้ที่จะสามารถบริการหรือตอบสนองความต้องการต่งๆ ของผู้บริโภคได้ให้สามารถออกไปนำเสนอผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยบริษัทจะมีระบบการจัดฝึกอบรมในทุกๆ วันพุธ ส่วนศุนย์สาขาต่างๆ ก็จะมีการจะดประชุมในทุกๆ เสาร์-อาทิตย์ นอกจากนี้ ยังมีการจัดอบรมพิเศษในเรื่องของสินค้าและกิจกรรมต่างๆ อีกมากมาย

ส่วนในด้านศูนย์อบรมหรือสาขาของบริษัทนั้น ปัจจุบันมีอยู่ทั้งหมด 96 สาขา กระจายไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศโดยสัดส่วนยอดขายส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งในปีนี้หากทุกอย่างดำเนินไปตามแผนที่วางไว้ ตนก็อยากที่จะเปิดสาขาให้ครบ 100 สาขา และในด้านการจัดโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อสร้างแรงกระตุ้นการทำงาน โดยเฉพาะโปรฯท่องเที่ยว บริษัทจะเปลี่ยกฎเกณฑ์ในรูปแบบใหม่ คือ จากเดิมที่บริษัทใช้ระบบอิงกลุ่ม เปลี่ยนมาใช้ระบบอิงเกณฑ์ หากใครผ่านเกณฑ์พที่บริษัทกำหนดก็สามารถไปท่องเที่ยวได้เลย และหากใครเก่งทำเป้าได้สูง ก็อาจจะไปท่องเที่ยวได้มากกว่า 2 ที่นั่ง

> "เฮอร์บาไลฟ์" เน้นปั้นสมาชิกภูธร

นายจักพันธ์ สุทธโทธน กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เฮอร์บาไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด จำกัด เปิดเผยว่า กลยุทธ์การตลาดในปีนี้เฮอร์บาไลฟฟ์จะยังคงเน้นการขยายตลาดออกสู่ภูมิภาคมากขึ้น โดยการลงพื้นที่แต่ละครั้ง บริษัทจะมีการจะดกิจกรรมโดนเน้นการบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องของสุขภาพมากขึ้น จากเมื่อก่อนที่ยังไม่มีในส่วนนี้ จึงอาจทำให้ผู้คนทั่วไปยังไม่รู้จักผลิตภัณฑ์ของบริษัทมากนัก และยังมีกิจกรรมที่ชื่อว่า "วันนี้คุณดื่ม Shake แล้วหรือยัง" ซึ่งเป็นแผนการโปรโมตผลิตภัณฑ์หลักที่ดีขายดีที่สุดของบริษัท

"นอกจากกลยุทธ์ต่างๆ ที่กล่าวมาแล้ว ในปีนี้บริษัทจะเน้นการฝึกอบรมมากขึ้นจะมีการสนับสนุนการจัดกิจกรรมของสมาชิกมากขึ้น ซึ่งต้นปีที่ผ่านมาบริษัทมีการจัดอบรมหรือประชุมรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง และมีเรื่องน่ายินดี คือในการจัดประชุมครั้งที่ผ่านมา พบว่ามีผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 1,500 คน เพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 3 เท่า จึงถือได้ว่าการกำหนดนโยบายส่งเสริมสนับบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพมากขึ้น ส่งผลดีต่อธุรกิจของบริษัทอย่างเห็นได้ชัด "นายจักรพันธ์ เปิดเผยโดยภายในสิ้นปีนี้หรือปีหน้า
บริษัทก็มีแผนที่จะเปิดศูนย์สาขาโดยมีลักษณะเป็น Sale Center เนื่องจากบริษัทได้มองเห็นถึงศักยภาพความพร้อมต่างๆ ที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ โดยอาจจะเข้าไปประเดิมในภาคอีสานเป็นพื้นที่แรก เนื่องจากอัตราการเติบโตขยายตัวไปอย่างรวดเร็วมากซึ่งตนคาดว่าจะมีการใช้งบประมาณในการเปิดศูนย์แต่ละศูนย์ประมาณ 5 ล้านบาท และในอนาคตจะมีขยายไปที่ภาคใต้ ภาคเหนือเป็นลำดับถัดไป

"อย่างไรก็ดี ตนก็มีความเป็นห่วงอยู่บ้างเกี่ยวกับสถานการณ์ความวุ่นวายด้านการเมืองจองไทยที่อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายของประชาชนและโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำนักงานออฟฟิศสาขาไทยก็อยู่ในเขตพื้นที่เสี่ยงเกี่ยวกับการก่อความไม่สงบทางการเมืองจุดนี้อาจส่งผลให้ผู้บริโภคจำนวนมากของบริษัทเกิดปัญหาหรืออุปสรรคสำคัญด้านการขยายเครือข่ายส่วนปัญหาทางด้านเศรษฐกิจตนคิดว่าไม่มีผลโดยตรงต่อธุรกิจขายตรงเพราะจากการสำรวจของเอแบคโพลล์ พบว่า ธุรกิจขายตรงโดยรวมเติบโตมากกว่า 10% ทุกปี" นายจักรพันธ์ กล่าวทิ้งท้าย


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.สยามธุรกิจฉบับที่ 1319 ประจำวันที่ 21-7-2012 ถึง24-7-2012

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น