ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพุธที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อั้นไม่ไหว! ต้นทุนวัตถุดิบพุ่งอั้นไม่ไหว! ต้นทุนวัตถุดิบพุ่ง ขายตรง (MLM) พาเหรดขึ้นราคาสินค้า


 


แบรนด์ขายตรงครวญวัตถุดิบสินค้าขยับขึ้นราคาไม่หยุด บีบหลายบริษัทแบกภาระต้นทุนไม่ไหว ปรับราคาสินค้าขึ้นพรวด กิฟฟารีน ปรับขึ้น 10% ใน 10 รายการสินค้า แอมเวย์ ขอขึ้น 6% มิสทิน บอกขอทยอยปรับ ด้าน เอสเนเจอร์ ขอตรึงราคา หลังบริษัทแม่ ศรีไทย ซุปเปอร์แวร์ ขึ้นราคาไปแล้ว เอมสตาร์ เพิ่มการผลิตกินกำไรน้อยลงเพื่อเรตติ้ง คังเซน-เคนโก นับถอยหลังจ่อปรับปลายปี


จากเดิมที่หลายบริษัทออกมาประกาศยอมแบกภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาสินค้าในท้องตลาด รวมถึงราคาวัตถุดิบสินค้าปรับราคาขึ้น จากเศรษฐกิจที่ผันผวน และอีกหลายปัจจัยที่ทำให้ข้าวของปรับราคา มาวันนี้หลายบริษัทดูจะต้องยอมออกมายกธงขาว หลังต้องเลิกแบกภาระที่หนักอึ้ง จนต้องประกาศขึ้นราคาสินค้าบางรายการของบริษัท


> กิฟฟารีน-แอมเวย์-มิสทิน กอดคอขึ้นราคาสินค้า


พ.ญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผย ว่า บริษัทได้จัดโปรโมชั่นจำหน่ายจานดาวเทียมในราคาพิเศษแก่นักธุรกิจและสมาชิก สำหรับเป้า หมายในช่วง 1 ปีต้องการสร้างการรับรู้ในวงกว้าง และในระยะยาวคาดว่าจะมีนักธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น 10-20% ซึ่งหลังจากเปิดตัวไปได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สำหรับผลประกอบการปีนี้ตั้งเป้า โต 10-12% จากรายได้กว่า 5,000 ล้านบาท แต่ต้องในกรณีที่ไม่มีน้ำท่วม ส่วนผลประกอบการ 5 เดือนเติบโต 10% พร้อมกันนี้ยังได้รองรับภาวะ น้ำท่วมด้วยการทุ่มงบทำกำแพงป้องกันน้ำท่วม สามารถรองรับปัญหาน้ำท่วม 90% ส่วนนิคมอุตสาหกรรมนวนครก็ได้สร้างกำแพงกันน้ำท่วมคืบหน้าไปแล้ว 40% คาดว่าเดือนสิงหาคมแล้วเสร็จ


พ.ญ.นลินีกล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทได้ปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นไม่ถึง 10% จำนวน 10 รายการจากจำนวนสินค้าทั้งหมด 2,000 รายการ เพราะวัตถุดิบและแพ็กเกจจิ้งสูงขึ้น ส่วนปลายปีนี้จะเปิด ตัวสินค้าใหม่ช่วงเดือนกันยายน 7-10 รายการ ส่วนกรณี กสทช.จะออกมาควบคุมเกี่ยวกับเนื้อ หาการนำเสนอของโทรทัศน์ดาวเทียม เชื่อว่าจะ ส่งผลดีต่อผู้บริโภคได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง สำหรับกิฟฟารีนมีนโยบายการนำเสนอข้อมูล ข่าวสารที่ถูกต้องไม่เกินความเป็นจริงแก่ผู้บริโภคอยู่แล้ว ขณะที่การรวมตัวของกลุ่มขาย ตรงเพื่อเป็นสมาพันธ์ขายตรง ต้องมีการพิจารณาหรือหารือร่วมกัน เนื่องจากปัจจุบันกลุ่มธุรกิจขายตรงมีด้วยกัน 3 สมาคม


บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นแบรนด์ขาย ตรงเบอร์หนึ่งของประเทศ นายกิจธวัช ฤทธีราวี กรรมการผู้จัดการของ บริษัทก็ได้ออกมายอมรับผ่านสื่อว่า บริษัทจำเป็นต้องปรับราคาขึ้น


เพราะกว่า 4 ปีแล้วที่บริษัทคงราคาสินค้า ของบริษัทไว้ ทั้งๆ ที่ผ่านมา ต้นทุนในการ บริหารจัดการหลายอย่างของบริษัทก็มีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัท ต้องปรับราคา สินค้าบางรายการขึ้นอีก 6% ซึ่งถึงแม้ราคาของสินค้าจะปรับตัวขึ้นก็ตาม ทางบริษัทยังมีความเชื่อมั่นว่า สินค้าของบริษัทจะยังคงขายดีได้เช่นเดิม เนื่อง จากคุณภาพของสินค้านั่นเอง


นอกจากในส่วนของแอมเวย์ แล้ว ยังมีทางด้านของ มิสทิน โดย นายดนัย ดีโรจนวงศ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็น อีกหนึ่งบริษัทที่มีการประกาศในส่วนของการปรับขึ้นราคาสินค้าแล้ว โดยต้นทุนวัตถุดิบของมิสทินคิดเป็นสัดส่วน 80% ต้นทุนค่าแรง 20% หลักๆ เป็นค่าแรงใน กลุ่มสกินแคร์และแป้งมีสัดส่วน 10% และต้นทุนค่าแรงกลุ่มเมกอัพมีสัดส่วนเฉลี่ย 7-9% กรณีการปรับขึ้นค่าแรงจะทำให้ต้นทุน ค่าแรงในกลุ่มสินค้าเมกอัพเพิ่มขึ้น 4-5% ส่วนต้นทุนค่าแรงในกลุ่มแป้งและสกินแคร์ เพิ่มขึ้น 6-7% ทำให้สินค้าใหม่ที่จะออกมาทำตลาดในอีก 1-2 เดือนข้างหน้ามีราคา ที่สูงขึ้น สะท้อนโครงสร้างต้นทุนที่แท้จริง สำหรับสินค้าที่มีจำหน่ายในตลาดอยู่แล้ว บริษัทไม่มีแผนปรับขึ้นราคาภายในปีนี้ แต่จะทยอยปรับขึ้นราคาสินค้าเฉลี่ย 2-5% โดยดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไปครั้งละ 2% ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ต้นปี 2556


> คังเซน-เคนโก จ่อปรับขึ้นตาม


ด้านนายอิทธิศักดิ์ อำพันธ์ยุทธ์ ประธาน กรรมการบริหาร บริษัท คังเซน เคนโก อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า คังเซนฯ จะมีการปรับราคาสินค้าเพื่อช่วยลดต้นทุน การผลิตที่สูงขึ้นหรือไม่นั้น บริษัทจะพิจารณา จากหลายๆ ปัจจัย เพราะหลายปีที่ผ่านมา ทางบริษัทต้องแบกรับกับต้นทุนในการจัดการ หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นอัตราแลกเปลี่ยน ต้นทุนทางลอจิสติกส์ จากอัตราราคาน้ำมันโลก ที่เพิ่มขึ้น ขณะนี้ตนและผู้บริหารจึงกำลังพิจารณาดูภาพรวมของสินค้าว่าจะมีการปรับในกลุ่มไหนก่อน และในอัตราเท่าใด


> เอมสตาร์ ยอมกินกำไรน้อยผลิตให้มากแทน


ท.ญ.ลพา วัชรศรีโรจน์ ประธานผู้ก่อตั้ง บริษัท เอม สตาร์ เน็ทเวิร์ค จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ผ่านมาร่วม 6 เดือนของการทำธุรกิจประจำปีมังกรทองนี้ ทางบริษัทมีอัตราการเติบโตที่ดี และเป็นไปตาม เป้ายอดขายที่บริษัทได้กำหนด ซึ่งนับเป็น เรื่องที่ดี เนื่องจากในปีนี้สถานการณ์ต่างๆ ของบ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งส่งผลดีต่อการทำธุรกิจ


โดยหากมองย้อนไปเมื่อช่วงปลายปี ที่ผ่านมา ซึ่งมีเหตุมหาอุทกภัยเกิดขึ้นมานั้น โรงงานของบริษัทไม่ได้รับผลกระทบอะไร ทำให้ยอดขายในปีนี้เป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนเรื่องของการขึ้นราคาสินค้าที่หลายบริษัทเริ่มปรับขึ้นนั้น เอม สตาร์ยังไม่ได้มีแผนที่จะปรับราคาสินค้าขึ้นตาม ซึ่งถึง แม้สินค้าบางตัวจะมีวัตถุดิบที่ราคาขยับขึ้นก็ตาม แต่ทว่าบริษัทยังมีสินค้าชนิดอื่นที่ผลิตอยู่ และราคาต้นทุนยังเหมือนเดิม ทำ ให้บริษัทนำสินค้าเหล่านี้มาหักลบกับสินค้าที่มีวัตถุดิบที่ขยับตัวแพงขึ้น ซึ่งนำมาเฉลี่ยทำให้ไม่มีความจำเป็นที่จะขยับตัวสูงขึ้น


> เอสเนเจอร์ ยังตรึง หลังบริษัทแม่ปรับไปก่อน


นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการ บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) และเจ้าของธุรกิจเครือข่ายแบรนด์ เอสเนเจอร์ เผยว่า สำหรับการเตรียมตัวเพื่อรองรับการเปิดเสรีอาเซียน ที่จะถึง ในปี 2558 นี้ นอกจากการพัฒนาคุณภาพ สินค้าแต่ละตัวให้ชัดเจนแล้ว ยังมีองค์ประกอบที่สำคัญอีกด้านหนึ่ง คือด้านบุคลากร ซึ่งบริษัทจะต้องมีการพัฒนาทักษะ (skill) ของพนักงานให้เป็นผู้มีความรู้ ความ ชำนาญ อย่างแท้จริง โดยเฉพาะบุคลากร ในระดับ ผู้จัดการระดับกลางจนถึงระดับสูงให้รู้จักบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ


ส่วนประเด็นการขึ้นค่าแรงงานนั้น ประธานใหญ่ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ยอมรับว่า ในส่วนของบริษัท ต้องแบกค่าแรงเพิ่มขึ้นถึง 20 ล้านบาท/เดือน หรือ 200 ล้านบาท/ปี หลังจากที่มีการปรับค่าแรงงาน 300 บาท/วัน/คนทั่วประเทศ ทำให้ต้นทุน ค่าแรงงานพุ่ง 40-45% บริษัทต้องปรับตัวโดยเน้นการลงทุนในเครื่องจักรและเทคโนโลยีชั้นสูง (High technology & Capital Intensive) อีกทั้งการพัฒนา automation process เพื่อลดและเลี่ยงการใช้แรงงานคน และเพิ่มผลผลิต (optimize productivity) นอกจากนี้ บริษัทยังได้มีแผน ปรับเพิ่มราคาสินค้าในผลิตภัณฑ์พลาสติก ประมาณ 5% สินค้าเมลามีนอีก 10% ภาย ในเดือนพฤษภาคม


สำหรับธุรกิจเครือข่ายเอสเนเจอร์ (S Natur) นั้น ยังไม่มีการปรับขึ้นราคาสินค้าแต่อย่างใด โดยปัจจุบัน S Natur มีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศ 15 แห่ง และมีตัวแทนจำหน่ายอยู่ในต่างประเทศ คือ ลาว และพม่า และในปีนี้บริษัทจะเปิดสาขา เพิ่มอีก 2 แห่งในประเทศอินโดนีเซีย และกัมพูชา เพื่อสามารถรองรับกับความต้องการและใกล้ชิดกับผู้บริโภคในตลาด AEC ต่อไป


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.สยามธุรกิจฉบับที่ 1316 ประจำวันที่ 11-7-2012 ถึง13-7-2012

1 ความคิดเห็น: