นายก ส.ขายตรงไทยคนใหม่ วาง 4 กลยุทธ์ สร้างความแข็งแกร่งธุรกิจขายตรงรายเล็ก-กลาง ขยายตลาดรับเออีซี ห่วงปัญหาการเมือง-ภัยธรรมชาติ ฉุดธุรกิจ
นายกิจธวัช ฤทธีราวี นายกสมาคมการขายตรงไทย (ทีดีเอสเอ) เปิดเผยภายหลังการรับตำแหน่งนายกสมาคมการขายตรงไทยคนใหม่ว่า การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 ถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการธุรกิจขายตรงไทยขนาดกลางและเล็ก ที่จะพัฒนาและสร้างความแข็งแกร่ง รวมถึงโอกาสขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศมากขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการรายใหญ่ทั้งไทยและต่างชาติ ได้เข้าไปเปิดตลาดในอาเซียนก่อนหน้านี้แล้ว แต่ขณะเดียวกัน เชื่อว่าจะมีผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาทำธุรกิจขายตรงในประเทศไทยเช่นเดียวกัน
"หลายประเทศในภูมิภาคอาเซียนที่มีศักยภาพขยายตลาด อาทิ อินโดนีเซีย เนื่องจากมีจำนวนประชากรถึง 200 ล้านคน ส่วนฟิลิปปินส์และเวียดนาม มีประชากร 80 ล้านคน และมาเลเซียมีประชากร 20-30 ล้านคน อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยถือว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพมากที่สุดในภูมิภาคนี้"
ทั้งนี้ได้วางกลยุทธ์หลัก 4 ประการในการสร้างการเติบโต คือ มุ่งการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี โดยมุ่งเน้นธรรมาภิบาลและมาตรฐานสากลที่รองรับโดยสมาพันธ์การขายตรงโลก ซึ่งถือเป็นการสร้างแบรนด์ขายตรงไทย ควบคู่กับการสร้างมาตรฐานมากกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ พร้อมเร่งขยายจำนวนสมาชิกใหม่ เปิดรับสมาชิกใหม่ที่ไม่ใช่เฉพาะบริษัทขายตรงเท่านั้น แต่เปิดกว้างสำหรับองค์กรหรือบริษัทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจขายตรง เช่น บริษัทที่ปรึกษาด้านกฎหมาย รวมถึงบริษัทจัดงานประชุมต่างๆ เข้ามาเป็นสมาชิกวิสามัญ
นอกจากนี้ สนับสนุนและส่งเสริมให้สมาชิกผู้ประกอบการและนักธุรกิจอิสระ ดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องตามจรรยาบรรณ เพื่อสร้างศักยภาพในการแข่งขันควบคู่กับการให้ความรู้เรื่องจรรยาบรรณกับรายใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง และเป็นศูนย์กลางเผยแพร่ความรู้สึกให้กับทุกภาคส่วน เพื่อส่งเสริมธุรกิจเครือข่ายอย่างมืออาชีพ
"ผมจะนำกลยุทธ์และนโยบายต่างๆ ที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ มาสานต่อให้เกิดความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจเครือข่าย และยังเน้นย้ำการช่วยเหลือสมาชิกและนักธุรกิจอิสระ ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งปันความรู้ เพื่อให้ประสบความสำเร็จในการประกอบธุรกิจ" นายกิจธวัช กล่าว
นอกจากนี้ นายกสมาคมการขายตรงไทย กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมขายตรงปีนี้ มีมูลค่า 6 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะเติบโตประมาณ 7-8% หากไม่มีปัจจัยผลกระทบจากปัญหาการเมืองภายในประเทศ และภัยธรรมชาติที่ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ รวมถึงการมีบริษัทที่แอบอ้าง หรือแชร์ลูกโซ่ เข้ามาในธุรกิจขายตรง ซึ่งกระทบต่อภาพลักษณ์ธุรกิจขายตรง
"ปัญหาการเมืองอาจกระทบธุรกิจขายตรงในเชิงจิตวิทยาเพียงระยะสั้นๆ เท่านั้น ขณะเดียวกันจะกระทบกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและภาคการบริการ รวมถึงภาพลักษณ์ของประเทศไทย ส่วนเรื่องน้ำท่วมเชื่อว่าไม่น่ากระทบมากนัก เพราะทุกฝ่ายต่างก็เตรียมแผนรับมืออยู่แล้ว" นายกิจธวัช กล่าว
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ กรุงเทพธุรกิจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น