ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ความคืบหน้า ข่าวการติดตรา สคบ.


นโยบาย ติดตรามาตรฐานสคบ. ของ วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคุ้มครองผู้บริโภค ที่ต้องการให้ 26 วงการธุรกิจ เข้ามา ขอรับติดตราสคบ. เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค นั้นดูจะกลายเป็นเรื่องที่หาจุดลงตัวยากเสียแล้ว เมื่อกลุ่มธุรกิจ ขายตรง ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ติดโผต้องขอรับตรามาตรฐาน ยกมือไม่เห็นด้วยในหลายหลักเกณฑ์ของทางหน่วยงานรัฐ

จากนโยบายดังกล่าว นำมาซึ่งการเปิดโต๊ะสัมมนา ภายใต้ โครงการสัมมนาให้ความรู้กับผู้ประกอบธุรกิจ และรณรงค์การขอรับตราสัญลักษณ์คุ้มครองผู้บริโภค ของธุรกิจขายตรง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2555

โดยมีเพียงบริษัทที่สังกัดในสมาคมขายตรง 3 สมาคม เท่านั้นที่รู้...

ส่วนอีกกว่า 700 บริษัท ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว ทั้งๆที่ทาง สคบ.ต้องการที่จะให้บริษัทขายตรงทั้งหมดเข้าขอรับตรา สัญลักษณ์สคบ.

นี่เป็นเรื่องที่ต้องฉุกคิด ว่าทำไมเรื่องใหญ่อย่างนี้ จึงออกมาในรูปแบบนี้

ส่วนเรื่องของกฎเกณฑ์การเข้าขอรับตราสคบ. ก็มีมาก มายหลายข้อที่ขัดกับความเป็นจริงของธุรกิจ

โดยเฉพาะเรื่องของเบี้ยประกันบริษัท และสินค้า

ทางสคบ. ได้มีการดึง บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทรับประกันของภาครัฐ โดยบริษัทที่จะเข้าขอรับตราต้องเป็นลูกค้าของทิพยฯ ซึ่งเรื่องนี้ก็กลายเป็น ข้อถกเถียงอีกหนึ่ง

โดยบริษัทขายตรงส่วนใหญ่แย้งว่า ปัจจุบันแต่ละบริษัท ก็ทำประกันในส่วนนี้กับหลายบริษัทอยู่แล้ว เหตุใดต้องจ่ายเงินเพิ่ม ทั้งๆ ที่บริษัทก็มีการรับประกันในส่วนของสินค้า อีกทั้งยังมีการดูแลผู้บริโภคเป็นอย่างดี ตามพ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2545

ซึ่งหลังจากที่มีการแย้งในข้อนี้ ก็นำไปสู่การรื้อกฎเกณฑ์ ข้อนี้ โดยสคบ.จะเร่งหาทางออก โดยจะประชุมร่วมกับบริษัท ของทั้ง 3 สมาคมขายตรง ว่าเบี้ยประกันควรเป็นเท่าไหร่ ทั้งยัง อาจเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทที่อยู่ใน 3 สมาคมหลัก

จากสิ่งที่กล่าวมา สคบ.กำลังเดินผิดทาง ตอบโจทย์ที่เกิดขึ้นไม่ดีอย่างที่ควรจะเป็น

ซึ่งหากหน่วยงานรัฐต้องการทำให้นโยบายดังกล่าว เป็น นโยบายของวงการขายตรงจริงๆ หน่วยงานรัฐต้องสอบถามความคิดเห็นจากทุกบริษัท เพื่อหาทางออกให้ดีที่สุด เหมาะสม ที่สุด และเป็นเอกฉันท์ที่สุดของทุกบริษัท

เพราะทุกบริษัทที่อยู่ในวงการคือ ปัจจัยหลัก ที่สคบ. ต้องคิดถึง เพราะที่สุดส่วนได้ส่วนเสียที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จะเกิดกับบรรดาบริษัทขายตรงทุกบริษัท ไม่ใช่แต่บริษัทที่สังกัดสมาคม

แต่หากมีสมาคมใดที่มีสมาชิกที่มากพอ อย่างน้อยก็ครึ่งหนึ่งของจำนวนทั้งหมดของบริษัทขายตรงที่มีอยู่ การขอ ความคิดเห็นกับบริษัทในสมาคมก็ย่อมทำได้

แต่นี่ไม่ใช่ 3 สมาคมที่มีอยู่ มีบริษัทสังกัดรวมกันเพียงไม่เกิน 70 บริษัท คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ก็ยังไม่ถึง 10% ด้วยซ้ำ

การที่ภาครัฐจะขอความคิดจากบริษัทในสังกัดสมาคม จึงเป็นเรื่องที่ผิด หากต้องการยกระดับของทั้งวงการขายตรง

นี่ไม่ใช่วันที่สคบ.จะตีฆ้องป่าวประกาศให้บริษัทขายตรง เข้ามาขอรับตราสคบ. แต่นี่เป็นวันที่สคบ.ต้องวางแผนงานใหม่

ไม่เช่นนั้น ตราสัญลักษณ์ดังกล่าว ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่เอกชนจะต้องไปเสียเวลาต่อคิวขอรับ แล้วมาติดข้างขวดสินค้าของตนเอง...


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1321 ประจำวันที่ 28-7-2012 ถึง31-7-2012

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น