ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ข่าวกิฟฟารีน (Giffarine Thailand) : Top 25 Women CEO "พญ.นลินี ไพบูลย์"


หนึ่งในผู้ถูกจัดอยู่ในทำเนียบผู้หญิงเก่งแน่นอนต้องมีชื่อของ พญ.นลินี ไพบูลย์ หรือ หมอต้อย ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ที่ผันชีวิตตัวเองหันมาเป็น นักธุรกิจขายตรง สร้างอาณาจักร กิฟฟารีน จากยอดขายปีแรกเพียง 384 ล้านบาท ไต่เพดาสสู่ยอดขายกว่า 5,000 ล้านบาท ภายในเวลา 16 ปี จนกลายเป็นหลุ่มบริษัทขายตรงชั้นนำของโลกที่มีผลประกอบการสูงติดหนึ่งในร้อยบริษัท ตามการจัดอันดับของนิตยสาร Direct Selling News ในสหรัฐ


พญ.นลินี เล่าย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นของการตัดสินใจดำเนินธุรกิจกิฟฟารีน เมื่อปี 2539 ว่า เป็นเพราะเคยมีประสบการณ์ในธุรกิจขายตรงมาก่อนทว่าก่อนที่จะเริ่มต้นธุรกิจ เธอต้องแก้โจทย์ 3 ข้อให้ได้ก่อน
ข้อแรกคือ ต้องทำให้คนไทยเชื่อมั่นในแบรนด์กิฟฟารีน
ข้อที่สอง คุณภายสินค้าต้องมาก่อน
ข้อสุดท้าย ภายที่คนมองธุรกิจขายตรง ยังมีความไม่เข้าใจอยู่มาก ส่วนใหญ่มองว่าเป็นงานที่ไปกดดันคนอื่น ไปบังคับหรือเปล่าจึงต้องออกแบบวิธีการทำงานให้สะดวกใจคนไทยมากที่สุด


กฏเหล็กเจ้าแม่กิฟฟารีน


- คิดต่าง เข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง


- เชื่อมั่นในตนเอง ทว่าพร้อมเปิดใจเรียนรู้


- ทุ่มเท สนุกสนาน ยึดหยุ่น ไม่ยึดติด


- เป็นนักวางแผนที่ดี


นิสัยคนไทยไม่ชอบงานขาย แต่มีความต้องการที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจมากกว่า ดังนั้นการปรับเปลี่ยนนิสัยคนไทยจึงไม่ใช่เรื่องง่าย การเชิญให้มาเป็นเจ้าของร่วมกันซึ่งน่าจะทำได้ง่ายกว่าเพียงแต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเชื่อมั่นและจริงใจต่อกัน


โดยเธอจะบอกนักธุรกิจอยู่เสมอว่า ธุรกิจนี้ ไม่ได้ขายของ แต่เป็น การสร้างเครือข่ายผู้ใช้ เพราะฉะนั้นการออกแบบธุรกิจของกิฟฟารีนจะเป็นโครงสร้างที่ทำให้นักขายรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของบริษัทลูก


คุณหมอ นลินี บอกว่า ภารกิจปั้นแบรนด์กิฟฟารีนสำเร็จเกินความคาดหมาย เพียงปีแรกยอดขายพุ่ง 384 ล้านบาท ก่อนก้าวกระโดด เป็น 1,500 ล้านบาทในปีที่ 2 เติบโตถึง 4-5 เท่าตัว จนสินค้าขาดตลาด ทำให้เกิดวิกฤติการขายอย่างหนัก จนปีที่สาม สี่ ธุรกิจจึงตั้งหลักได้


จนทุกวันนี้ กลายเป็นโมเดลธุรกิจต้นแบบให้แบรนด์อื่นๆ เดินตามรอย


อย่างไรก็ตามธุรกิจใช่ว่าจะไร้อุปสรรค!!


จะว่าไปแล้วไม่ใช่เราไม่มีอุปสรรค เรามีมาตลอด เหนื่อยมากเพราะตอนนั้นเป็นสินค้าใหม่ แบรนด์ก็ยังไม่เป็นที่รู้จัก และยังเป็นของคนไทยด้วย ความเชื่อมั่นไม่ค่อยมีก็ต้องสร้างกำลังใจให้กับนักขายค่อข้างมาก ปีแรกเรามีปัญหาเรื่องการโตเร็ว แย่มากๆ ตรงที่เราเตรียมสินค้าไม่ทัน แต่ในที่สุดปัญหาก็ลุล่วงไปได้ คุณหมด นลินีกล่าว


สำหรับเธอแล้ว หลักการบริหารที่ทำให้ กิฟฟารีน มีวันนี้เกิดจากการวางโมเดลธุรกิจที่มีรูปแบบ แตกต่าง-โดนใจ ตกผลึกมาจากประสบการณ์ และวิธีคิดแบบผู้ที่อยู่ในอาชีพหมอโดยเฉพาะการตีโจทย์ความต้องการผู้บริโภอย่างลึกซึ่ง การวางโปรดักซ์ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย และมีระบบผลตอบแทนตัวแทนขาย เช่น เดียวกับผู้ถือหุ้นบริษัท ซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ


ธุรกิจขายตรง ยังมีความแตกต่างไปจากธุรกิจอื่นๆ มีอะหรมากกว่า รายได้-กำไร เพราะเป็นงานที่ทำแล้วได้ความสุขที่เกิดจากการหยิบยื่นให้กับลูกค้าผ่านการใช้ผลิตภัณฑ์


เราได้หยิบยื่นสิ่งดีๆ ให้กับใครๆ ฟังล้วเหมือนนิยาย แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ มันเป็นงานที่ได้หลายๆ อย่างพร้อมกัน ตอนที่เปิดกิฟฟารีนในใจมีความรู้สึกอยากจะสอน อยากจะถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ที่มีให้คนไทยที่อยากจะเป็นเจ้าของกิจการ ให้เขามีโอกาสเป็นเจ้าของในสิ่งที่เข้าสร้าง พญ.นลินี กล่าว


ดังนั้น ความสำเร็จที่แท้จริงของหมอต้อยจึงไม่ได้วัดที่ตัวเลขเพียงอย่งเดียว แต่วันจากคนหลายแสนครอบครัวที่อยู่กับกิฟฟารีนแล้วมความสุข เหมือนรางวัลชีวิตที่มาหาเราทุกวินาที


เธอบอกว่า ที่ผ่านมาไม่เคยเหนื่อย หรือท้อกับการบริหารคนจำนวนมาก โดยมองว่าการที่ได้รู้จักคนมากๆ เหมือนการอ่านหนังสือที่แตกต่างกันลักษณะการทำงานของเธอยังต่างจากซีอีโออื่นๆ ตรงที่ต้องดูแลคนสองกลุ่มที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง กลุ่มแรกคือพนักงานประจำ ก็จะหมือนซีอีโอ ท่านอื่นๆที่ดูแลสตาฟฟ์ในบริษัทตนเอง กับอีกกลุ่มหนึ่งคือ ดูแลนักธุรกิจอิสระที่ชวนเข้ามาเป็นเจ้าของบริษัทลูก โดยเขาไม่ใช่ลูกจ้างเรา ไม่ได้รับเงินเดือนหรือรายได้จากเรา แต่เขามาสร้างกิจการของเขาเอง ก็ช่วยเหลือดูแล


งานของเธอเปรียบไปก็เหมือนการเป็นทั้งครูที่ต้องให้ความรู้ ให้กำลังใจคน และยังต้องเจอปัญหาหลายๆ แบบ เจอคนหลายๆ ลักษณะบนพื้นฐานที่ต้องทำให้ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ไม่ว่าจะเป็นพนักงานหรือนักธุรกิจแต่ละคนก็เหมือนหนังสือเล่มหนึ่งที่ไม่เหมือนกันเลย ถือเป็นความท้าท้ายที่สนุก


ถ้าเราคิดจะท้อกับการเจอคน จะทำงานแบบนี้ไม่ได้เลย เพราะงานแบบนี้คืองานที่ต้องเจอคนตลอดเวลา เธอบอก


ขณะที่หลักการทำงานของเธอ คือต้องเชื่อมั่นในตัวเองและเรียนรู้ในงาน ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะนิสัที่เป็นคนไม่ยึดติด ยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่คนเก่ง แต่การที่จบหมอแล้วมาทำธุรกิจ ทำให้ค่อนข้างจะ zero based คือมีใจที่จะมองทุกอย่างอยู่ตรงกลาง และพร้อมจะเริ่มต้นจากศูนย์


อะไรที่เราไม่รู้ เราต้องเรียนรู้ เราก็ต้องไปฟังไปอ่าน เพราะไม่ได้เรียนมาทางนี้ เพราะฉะนั้นความไม่ยึดติดตรงนี้ทำให้เราเป็นคนที่มีความยึดหยุ่น มีความคล่องตัวสูงที่จะปรับตัวที่จะยอมรับคนและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ


เธอยังเป็นคนที่ใช้ใจทำงาน และเป็นคนที่สนุกสนาน ไม่เก็บความทุกข์มาไว้ในใจมากมาย มองว่าเวาลานอนก็ต้องวางภาระ แล้ววันรุ่งขึ้นก็ต้องดูแลสิ่งที่ได้เตรียมมาอย่างดีที่สุดต้องวางแผนทั้งระยะสั้นและระยะยาว ว้าองทำอะไรก่อนหลัง


ขายตรงยังเป็นงานสนุกถ้าเรารักมัน แต่เป็นงานที่เหนื่อย เพราะจะไม่มีวันพักผ่อน เสาร์-อาทิตย์ ก็ต้องออกไปต่างจังหวัด ถามว่ามีเรื่องไม่ดีเข้ามาในชีวิตไหม มี เราจะเจอคนไม่ดีไหม มี แต่ถ้าเราผ่านไปได้ นั้นหมายความว่าต่อไปนี้ อะไรที่ง่ายกว่านี้เราทำได้หมด เพราะฉะนั้นอย่าไปกลัวถนนของคนเก่งต้องเป็นถนนของคนที่ผ่านอุปสรรคมามากพอสมควร แต่ว่าล้มแล้วก็ต้องลุกให้เป็นแล้วก็วิ่งเลย


สำหรับหมอต้อยแล้ว เธอบอกว่าความยิ่งใหญ่ของกิฟฟารีนในวันนี้ มาเกิดกว่าความฝันแล้ว แต่ต้องเดินต่อไป เดินต่อไปวันนี้คงไม่ใช่ความฝันของตัอง แต่เป็นการเดินเพื่อสานต่อความฝันของผู้อื่นที่เข้ามาอยู่ในกิฟฟารีนมากกว่า ต้องดูแลบริษัทให้เติบโตต่อไป เพราะว่าทุกคนมีความคาดหวัง


พนักงานก็อยากมีโบนัส มีสวัดิการเพิ่มขึ้น นักธุรกิจที่เข้ามาก็อยากมีรายได้เพิ่มขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดี เพราะฉะนันเราจึงเติบโต


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.กรุงเทพธุรกิจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น