ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2556

จับประเด็นค่าแรง300 ทุกเสียงขายตรงย้ำ!ไม่ใช่ปัจจัยลบธุรกิจ


ปิดประเด็นค่าแรง 300 บาท ต่อธุรกิจขายตรง...เผยหลายค่ายต่างชี้ ไม่ใช่ประเด็นหลักทำธุรกิจเป๋ พร้อมย้ำ! ทุกวิกฤติที่ขายตรงเผชิญต่างหลุดพ้นมาได้โดยตลอด ด้าน เหล่าผู้ประกอบการขายตรง เชื่อ ประชาชนจำนวนไม่น้อย ยังคงต้องการที่จะมีรายได้เสริมเพิ่มขึ้น ส่งผลทำให้การขึ้นค่าแรง จึงจะไม่ส่งผลต่อธุรกิจขายตรงในเชิงลบอย่างแน่นอนล่าสุดพบ ค่ายขายตรงเริ่มเคลื่อนทัพบุกประเทศเพื่อนบ้านรับอาเซียน ตามแบรนด์ขายตรงระดับโลกแล้ว
...หลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาทครบ 77 จังหวัด โดยเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 เป็นต้นไป เรียกได้ว่า มีหลาย ๆ ธุรกิจเริ่มที่จะออกมาอาการกุมขมับ พร้อมกับเริ่มที่จะแก้เกมรับมือกับผลกระทบดังกล่าวบ้างแล้ว เฉกเช่นเดียวกับ ธุรกิจขายตรง ที่ เหล่าผู้ประกอบการ บางรายเริ่มที่จะออกมาเคลื่อนไหวรับการเปลี่ยนแปลงของการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาทกันบ้างแล้ว แต่ทั้งนี้ ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ค่าแรง 300 บาท ไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจขายตรงแต่อย่างใด
ปักษ์นี้ ตลาดวิเคราะห์ ขอเจาะลึกถึงประเด็น ค่าแรง 300บาท กันว่า ในมุมมองของค่ายขายตรงแต่ละค่ายต่างมีความคิดเห็นกับเรื่องตรงนี้อย่างไร และหลังจากที่มีผลบังคับใช้แล้ว สิ่งที่จะตามมาคืออะไร โดยมีรายละเอียดให้ทราบดังนี้


ค่าแรง300 บาทไม่ใช่ปัจจัยลบ
เชื่อทุกวิกฤติคือโอกาสขายตรง
หลังจากที่ในช่วงตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2555 ที่ผ่านมา ที่ได้มีการนำร่องการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาท ใน 7 จังหวัดแล้ว เรียกได้ว่า มีหลาย ๆ ผู้ประกอบการ ต่างออกมาให้ความเห็น ในเรื่องนี้หลากหลายมุมมองด้วยกัน ซึ่งส่วนใหญ่ต่างให้มุมมองในเรื่องดังกล่าวว่า น่าที่จะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการโรงงานเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากต้องมีการปรับขึ้นค่าแรงให้กับพนักงานจำนวนมาก พร้อมกับยังจะเป็นการส่งผลทำให้ต้นทุน ในการผลิตสินค้าสูงขึ้นอีกด้วย ที่สำคัญ ยังมีการคาดการณ์อีกว่า น่าที่จะเริ่มเห็นผู้ประกอบการ หันมาปรับราคาสินค้าตามมาด้วยเช่นกัน
ที่สำคัญ ยังพบอีกว่า แม้ว่าการปรับขึ้นค่าแรง จะทำให้คนมีรายได้สูงขึ้น แต่เมื่อมีการปรับราคาสินค้าในท้องตลาด หรืออัตราค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิม ทางเหล่าผู้ประกอบการขายตรงเอง ก็ยังเชื่อว่า ประชาชนจำนวนไม่น้อย ยังคงต้องการที่จะมีรายได้เสริมเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งก็ส่งผลทำให้การขึ้นค่าแรง จึงจะไม่ส่งผลต่อธุรกิจขายตรงในเชิงลบอย่างแน่นอน
เช่นเดียวกับทางด้านของ กิฟฟารีน เอง ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงประเด็นดังกล่าวว่า การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาท ครบ 77 จังหวัด ที่ได้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 ที่ผ่านมานั้น ค่อนข้างที่จะได้รับผลกระทบต่อทุกธุรกิจอย่างแน่นอน โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี เนื่องจากมีเงินทุนในการดำเนินธุรกิจน้อย ซึ่งจากแนวโน้มดังกล่าวอาจทำให้เกิดปัญหาคนตกงานเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งสิ่งที่จะตามมา คือ ในเรื่องของต้นทุนสินค้า ที่คาดว่า จะเพิ่มขึ้นตามมาด้วยเช่นกัน
ส่วนการปรับขึ้นราคาสินค้าของ กิฟฟารีนจะมีขึ้นหรือไม่นั้น ทาง กิฟฟารีน ได้กล่าวย้ำว่า บริษัทฯ จะยังคงไม่ปรับขึ้นในเวลานี้ เนื่องจากไม่ต้องการ ผลักภาระไปสู่ผู้บริโภค ส่วนอนาคต คงต้องหารือกับผู้บริหารของบริษัท อีกทีว่าจะปรับขึ้นหรือไม่อย่างไร พร้อมกันนี้ ทางกิฟฟารีนเอง ยังเชื่อว่า อำนาจกำลังซื้อของผู้บริโภค ก็คงยังมีอยู่อย่างต่อเนื่องในปี 2556 นี้ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ทางด้านของ โมรินดา ก็มองว่า ในการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาท ที่มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 ที่ผ่านมานั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไร หรือเป็นปัจจัยลบต่อธุรกิจขายตรง พร้อมกับยังเปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ ยังไม่ได้มีแผนใด ๆ ที่จะมารองรับในจุดนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการปรับราคาสินค้า หรือการปรับเปลี่ยนแผนโปรโมชั่นต่าง ๆ
ส่วนทางด้าน ค่าย มิสทิน เอง ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาททั่วประเทศว่า ค่อนข้างที่จะมีผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้า ที่จะมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทั้งทางตรงหรือทางอ้อม จนทำให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ไม่สามารถแบกรับภาระการตรึงราคาสินค้าไว้ได้ และอาจจะส่งผลมาถึงในเรื่องของการปรับราคาสินค้า ก็น่าที่จะเริ่มส่งสัญญาณ การปรับขึ้นของราคาสินค้า ตามมาด้วยเช่นกัน
เช่นเดียวกับ ทางด้าน มิสทิน เอง ที่มีแผนจะปรับราคาสินค้าทุกกลุ่มขึ้นอีกประมาณ 3-5% ในปีนี้ ในรอบ 5 ปี เนื่องจาก ไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นนี้ได้อีก ทั้งจากวัตถุดิบ ค่าแรง ค่าโฆษณา และสิ่งที่กังวล คือ ภาวะเงินเฟ้อที่ปรับสูงขึ้นตามนั่นเอง
พร้อมกันนี้ ยังพบอีกว่า ทาง มิสทิน เอง ยังมีแผนรับมือนโยบายขึ้นค่าแรง 300 บาท อีกด้วย โดยการใช้กลยุทธ์บริหารจุดคุ้มทุน คือ ลดการออกสินค้าใหม่ให้เหลือประมาณ 40-50 รายการเท่านั้น จากปีก่อนที่มีการออกสินค้าใหม่ 60 รายการ โดยจะเลือกออกเฉพาะสินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า รวมทั้งพัฒนาสินค้าไซส์ประหยัด เพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้า ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์สำคัญของมิสทินที่จะอุดช่องโหว่ของปัจจัยลบ
...ด้าน ดร.กัมปนาท บุญราศรี ประธานกรรมการ บริษัท ไอยรา แพลนเน็ต จำกัด ได้แสดงความคิดเห็นถึงกรณีของการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาท ในครั้งนี้ว่า สิ่งที่จะส่งผลกระทบตามมา จะเป็นในเรื่องของต้นทุนที่จะต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน โดยตนเองบอกว่า การปรับขึ้นค่าแรง 300 บาท ไม่ค่อยมีผลกระทบต่อธุรกิจขายตรงแต่อย่างใด เนื่องจากธุรกิจขายตรงไม่ได้ขึ้นอยู่กับการจ้างงาน ซึ่งถือเป็นธุรกิจอิสระ ซึ่งสิ่งที่จะเป็นตัวแปรที่สำคัญ คงหนี้ไม่พ้นในเรื่องของต้นทุน แต่ทั้งนี้ เชื่อว่า ภาพรวมของธุรกิจขายตรงในปีนี้ ก็ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
...เช่นเดียวกับ ทางด้านค่าย เอเชีย สุพรีม ที่มีนายสุธีร์ รัตนนาคินทร์ เป็นประธานกรรมการบริษัท ก็ได้ออกมามองว่า การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน น่าที่จะส่งผลกระทบต่อการจ้างงานอย่างแน่นอน และคนที่ได้รับผลกระทบและต้องตกงาน ย่อมหาทางออกให้ตนเอง ด้วยการหางาน โดยอาชีพที่ไม่เคยถูกมองข้าม นั่นก็คือ ธุรกิจขายตรง เพราะถือเป็นธุรกิจอิสระ สร้างรายได้ให้กับนักธุรกิจอย่างงดงาม
นอกจากนี้ ยังได้ มีการคาดการณ์ ถึงแนวโน้มขายตรงใน 1-2 ปีข้างหน้าอีกด้วยว่า จะมีคนเข้ามาอยู่ในธุรกิจมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 7-9 ล้านคน ซึ่งตรงนี้เอง ที่เรียกได้ว่า สอดคล้องกับนายกสมาคมขายตรงไทยอย่าง นายกิจธวัช ฤทธาวี ที่ก่อนหน้านี้เคยระบุว่า หากคนตกงาน อาชีพที่คนจะให้ความสนใจมากที่สุด ก็คือ ธุรกิจขายตรง


ขายตรงปีมะเส็งยังคึกคัก
หลายค่ายเตรียมพร้อมสู่AEC
...จะเห็นได้ว่า สำหรับแนวโน้มธุรกิจขายตรงในปี 2556 นี้ หลาย ๆ ผู้ประกอบการเอง ต่างมีความเห็นตรงกันว่า ทิศทางของธุรกิจโดยภาพรวม ยังคงคึกคัก ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ เร่งที่จะเตรียมความพร้อม ในการรุกตลาดอาเซียนนั่นเอง เพราะตรงนี้ ต้องบอกว่า เมื่อมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีขึ้นเมื่อไหร่ หลาย ๆ คน ต่างมีการคาดการณ์ไว้ว่า ตลาดขายตรงน่าที่จะมีมูลค่าสูงถึง 1 แสนล้านบาท จากที่ปัจจุบันมูลค่าตลาดขายตรงไทยมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 8 หมื่นล้านบาท โดยทิศทางตลาด ยังคงมีการเติบโตต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีปัจจัยเสี่ยงหลายด้าน ทั้งเรื่องของเศรษฐกิจซบเซา กำลังซื้อถดถอยก็ตาม
ด้วยเหตุนี้เอง ที่ทำให้ประเทศเพื่อนบ้านทั้ง 9 ประเทศในอาเซียน จึงกลายเป็นพื้นที่ ที่ขายตรงไทยจะตรงดิ่งเข้ายึดพื้นที่ เพื่อชิงเค้กก้อนโตก่อน ที่เออีซีจะเปิดจริง ๆ จัง โดยค่ายขายตรง ที่ก้าวออกไปอาเซียนบ้างแล้ว อาทิ กิฟฟารีน, นู สกิน, วิลเลนดรอฟ, นีโอ ไลฟ์ และมิสทิน เป็นต้น ที่ขณะนี้ ได้เดินตามรอยแบรนด์ขายตรงระดับโลก ที่เข้าไปยึดหัวหาดในประเทศเพื่อนบ้านกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็น เอวอน, แอมเวย์ และออริเฟลม ฯลฯ
สำหรับสินค้าที่หลาย ๆ ผู้ประกอบการต่างฟันธงและเชื่อกันว่าจะเป็นดาวเด่นในปี 2556 นี้นั้น พบว่า ยังคงเป็นผลิตภัณฑ์ความงาม เนื่อง จากต่างมองว่า ไม่ว่าเศรษฐ กิจจะโตหรือติดลบ สำหรับพฤติกรรมของคนไทยแล้ว ก็ยังรักสวยรักงาม ยิ่งสาว ๆ ต้องดูดีไว้ก่อน ซึ่งตรงนี้ ถือว่าสอดคล้องกับการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคผู้หญิงชาวไทย ที่พบว่า มีความสนใจด้านความงามอย่างมาก และใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง มีการแต่งหน้าสูงสุดในโลกสัดส่วนประมาณ 98-99% รวมทั้งตลาดผลิตภัณฑ์ด้านความงามระดับพรีเมียมก็มีมูลค่าสูงมากถึง 1.1 หมื่นล้านบาท จากตลาดรวมทุกเซกเมนต์มีมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาทอีกด้วย
...นับได้ว่า ในเรื่องของปัจจัยลบที่หลาย ๆ ธุรกิจ ต่างกังวลใจ กันอย่างมากนั่นก็คือ การประกาศปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาทครบ 77 จังหวัด ที่ได้มีการเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 เป็นต้นมานั้น หลายฝ่ายมองว่าค่อนข้างที่จะกระทบต่อธุรกิจอย่างมากทั้งในเรื่องของต้นทุนที่อาจจะสูงขึ้น จนทำให้ต้องมีการปรับเพิ่มขึ้นในส่วนของราคาสินค้านั่นเอง
แต่สำหรับใน ธุรกิจขายตรง แล้ว เหล่าผู้ประกอบการ ต่างออกเสียงเดียวกันว่า การปรับขึ้นของค่าจ้างตรงนี้ ไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจขายตรงแต่อย่างใด ซึ่งเป็นผลดีด้วยซ้ำ ที่อาจจะทำให้หลาย ๆ คน หันมาสนใจธุรกิจขายตรงมากขึ้นนั่นเอง แต่ทั้งนี้ ก็ต้องคอยดูกันต่อไปว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ เรื่องของต้นทุน ถือว่ามีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ต่อการปรับขึ้นของราคาสินค้าด้วยเช่นกัน และก็ต้องดูกันต่อไปว่า จะมีค่ายไหน ที่เริ่มแบกรับภาระในเรื่องของต้นทุนไม่ไหว จนต้องมีการปรับขึ้นราคาสินค้ากันบ้าง ซึ่งเชื่อว่า อีกไม่นาน หลาย ๆ ท่าน คงน่าที่จะพอทราบคำตอบนี้อย่างแน่นอน


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ.ตลาดวิเคราะห์ ประจำวันที่ 16-31 มกราคม 2556 ปีที่ 15 ฉบับที่ 336

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น