ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2556

เจาะเกมรบ "ขายตรงไทย" เปิดศึกรับมือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)


การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 หากมองในอีกแง่มุมหนึ่งของการทำธุรกิจ ถือว่าเป็นโอกาสของผู้ประกอบการธุรกิจขายตรงไทยทั้งขนาดกลางและเล็กเลยก็ว่าได้ ที่จะพัฒนาและสร้างความแข็งแกร่ง รวมถึงยังเป็นโอกาสขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศมากขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการรายใหญ่ทั้งไทยและต่างชาติ ก็ได้มีการเข้าไปเปิดตลาดในอาเซียนก่อนหน้านี้แล้ว แต่ขณะเดียวกัน เชื่อว่าจะมีผู้ประกอบการรายใหม่ เข้ามาทำธุรกิจขายตรงในประเทศไทยเช่นเดียวกัน
จะเห็นได้ว่า ในหลายประเทศในภูมิภาคอาเซียน ที่มีศักยภาพขยายตลาดอย่างมากในธุรกิจขายตรง อาทิ อินโดนีเซีย เนื่องจากพบว่า มีจำนวนประชากรถึง 200 ล้านคน ส่วนฟิลิปปินส์และเวียดนาม มีประชากร 80 ล้านคน และมาเลเซียมีประชากร 20-30 ล้านคน แต่ทั้งนี้ หากพูดถึงในเรื่องของตลาดขายตรง ที่มีศักยภาพมากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน คงต้องยกให้ประเทศไทยนั่นเอง!...

โดยก่อนหน้านี้ ต้องบอกว่า ทางด้านนายกสมาคมการขายตรงไทยเอง ก็ได้ออกมากล่าวว่า สิ่งที่จะส่งเสริมธุรกิจขายตรงไทยเพื่อให้สอดรับกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 นั้น จะต้องวางกลยุทธ์หลัก 4 ประการในการสร้างการเติบโต ไม่ว่าจะเป็น มุ่งการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี โดยมุ่งเน้นธรรมาภิบาลและมาตรฐานสากลที่รองรับโดยสมาพันธ์การขายตรงโลก ซึ่งถือเป็นการสร้างแบรนด์ขายตรงไทย ควบคู่กับการสร้างมาตรฐานมากกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้
นอกจากนี้ ต้องเร่งขยายจำนวนสมาชิกใหม่ เพื่อให้เปิดรับสมาชิกใหม่ที่ไม่ใช่เฉพาะบริษัทขายตรงเท่านั้น แต่ต้องเป็นการเปิดกว้าง สำหรับองค์กรหรือบริษัทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจขายตรง เช่น บริษัทที่ปรึกษาด้านกฎหมาย รวมถึงบริษัทจัดงานประชุมต่าง ๆ เข้ามาเป็นสมาชิกวิสามัญ

ในขณะเดียวกัน ต้องสนับสนุนและส่งเสริมให้สมาชิกผู้ประกอบการและนักธุรกิจอิสระ ดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องตามจรรยาบรรณ เพื่อสร้างศักยภาพในการแข่งขัน ควบคู่กับการให้ความรู้เรื่องจรรยาบรรณกับรายใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง และเป็นศูนย์กลางเผยแพร่ความรู้สึกให้กับทุกภาคส่วน เพื่อส่งเสริมธุรกิจเครือข่ายอย่างมืออาชีพ


ขายตรงจัดทัพปรับกลยุทธ์บุกอาเซียน
เมื่อการส่งสัญญาณของการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ ส่งผลให้บรรดาผู้ประกอบการในธุรกิจขายตรงก็เริ่มที่จะมีความเคลื่อนไหวในตรงจุดนี้บ้างแล้วเช่นกัน ...เห็นได้จากค่ายกิฟฟารีนที่นำโดยพ.ญ.นลินี ไพบูลย์ก็ได้มีการวางแผนที่จะบุกตลาดอาเซียนมาขึ้น โดยเฉพาะในประเทศอินโดนีเซีย ที่ทางกิฟฟารีนเองได้พุ่งเป้าที่จะเข้าไปเจาะตลาดนี้อย่างจริงจัง เนื่องจากในประเทศดังกล่าว ถือได้ว่า เป็นประเทศที่มีประชากรขนาดใหญ่ที่สุดของอาเซียนและตลาดน่าที่จะเติบโตได้เป็นอย่างดีนั่นเอง

นอกจากนี้ ยังพบอีกว่า ทางกิฟฟารีนยังเตรียมที่จะขยายธุรกิจไปยังประเทศเวียดนามอีกด้วย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ได้เคยไปเจาะตลาดในประเทศลาว กัมพูชา และมาเลเซียมาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งการเข้าไปเจาะตลาดในทั้ง 2 ประเทศนี้นั้นกิฟฟารีนเอง จะใช้รูปแบบในการทำตลาด 2 รูปแบบด้วยกัน คือ การให้ไลเซนส์แก่พาร์ตเนอร์ท้องถิ่น และการลงทุนเองทั้งหมด พร้อมกับมีการตั้งเป้าหมายที่จะโกยยอดขายในต่างประเทศเป็น 500 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีอยู่ 200 ล้านบาทอีกด้วย
...เช่นเดียวกับอีกหลาย ๆ บริษัท ที่ออกมาประกาศชัดเจนว่า เตรียมที่จะบุกตลาดอาเซียนอย่างเต็มสูบ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของทางด้านมิสทินเอง ก็ได้ออกมาเผยว่า ได้มีการร่วมลงทุนกับเครือสหพัฒน์ ในการเปิดโรงงานมิสทินในพม่าเพิ่มอีก 1 แห่ง ด้วยมูลค่าลงทุนกว่า 200 ล้านบาท
ซึ่งโรงงานใหม่นี้ จะอยู่ในโครงการสวนอุตสาหกรรมของเครือสหพัฒน์ เป็นโรงงานผลิตเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเป็นหลัก โดยทางด้านมิสทินเอง ได้มองว่า ในอนาคตที่จะมีการเปิดเออีซีขึ้นนั้น จะส่งผลทำให้ภาษีลดลง พร้อมกับเชื่อว่า โรงงานดังกล่าว จะเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญของบริษัท ในการผลิตสินค้าเพื่อวางจำหน่ายทั้งตลาดในไทยและอาเซียน รวมถึงยังคาดว่าโรงงานจะแล้วเสร็จภายใน 2 ปีนี้

ที่สำคัญ ยังพบอีกว่ามิสทินเอง ยังมีแผนที่จะรุกเข้าไปขยายธุรกิจในอินโดนีเซียอีกด้วย ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างการพูดคุยกับพันธมิตรในประเทศดังกล่าว และอยู่ระหว่างการตัดสินใจเลือกวิธีการลงทุน ซึ่งอาจจะเป็นการลงทุนเปิดร้านเครื่องสำอาง หรือเปิดโรงงานผลิตสินค้าและจัดจำหน่ายในระบบขายตรง หรืออาจมีการใช้แบรนด์ใหม่ในการทำตลาด โดยคาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท และจะใช้เวลาอีก 2 ปี จึงจะเริ่มดำเนินธุรกิจได้...เรียกว่าเป็นการอีกหนึ่งแผนงานที่เตรียมรองรับกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ของมิสทินนั่นเอง
นอกจากนี้ ยังมีในส่วนของค่ายน้องใหม่อย่างวิลเลนดรอฟก็ได้มีการประกาศชัดเจนว่า จะบุกตลาดอาเซียนแบบเต็มสูบทั้งพม่า และอินโดนีเซียอีกด้วย รวมถึงยังมียักษ์ใหญ่ขายตรง อย่าง บริษัท นูสกิน เอ็นเตอร์ไพร์สฯ ที่ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ก็ได้ลุยตลาดอาเซียนบ้างแล้ว ด้วยการเปิดสำนักงานที่ประเทศเวียดนาม


จับตากระแสฟีเวอร์ขายตรงรับAEC
...จะเห็นได้ว่า ในการขยายสาขาสู่ประเทศเพื่อนบ้านนั้น หากมองในอีกแง่มุม กลับพบว่า ไม่ใช่สิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด เพราะที่ผ่านมา มีหลาย ๆ บริษัท ก็ได้ทำการขยายสาขาออกสู่ต่างประเทศบ้างแล้ว โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน ที่เหล่าบริษัทน้อยใหญ่ ส่งแม่ทีมออกไปขยาย แต่ที่ถูกจับตามองในช่วงนี้ ในส่วนของการขยายเขต ขยายสาขาก็เนื่องจากการโยงเรื่องการค้าเสรีเข้ามา ทำให้การเดินล่าปักธงกลายเป็นเรื่องที่ถูกนำขึ้นมาเป็นประเด็นจนกลายเป็น AEC ฟีเวอร์ของวงการขายตรงในช่วงนี้นั่นเอง

ในขณะเดียวกัน หากมีการวิเคราะห์ไปในเชิงลึกอีก จะพบว่า ในเรื่องของแผนงานต่าง ๆ ของหลายบริษัท ที่ประกาศว่า จะรองรับการเปิดการค้าเสรี ในปี 2558 นี้ ก็ได้มีการถูกตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมทุกบริษัทถึงต้องเอ่ยถึงเรื่องนี้ ทั้ง ๆ ที่บางบริษัท มีการเปิดตัวได้ไม่นาน ก็ประกาศแผนรองรับในส่วนนี้ขึ้นมาด้วยเช่นกัน
ซึ่งต้องบอกว่า เรื่องของแผนรองรับ AEC ของธุรกิจขายตรงนั้น มีนักวิเคราะห์ วิจารณ์หลาย ๆ ท่าน ต่างมองกันว่า การประกาศเปิดแผนบุกตลาดอาเซียนที่หลายบริษัทพูดนั่น เปรียบเสมือนการสร้างภาพ เพื่อให้บริษัทถูกมองจากบรรดาสมาชิก และนักขายว่า มีความพร้อม อีกทั้งยังมีแผนในการขยายสาขาสู่ต่างประเทศ ซึ่งเมื่อสาขาต่างประเทศเปิด AEC รายได้ของนักขาย ย่อมเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ

ในขณะเดียวกัน ยังมองอีกว่า เรื่องของแผนรองรับการเปิดการค้าเสรี เป็นเรื่องที่หลายบริษัทสร้างภาพขึ้น เนื่องจากมีความต้องการกอบโกยรายได้ในช่วง 1-2 ปีนี้ ผ่านแผนการรองรับ AEC ของบริษัทที่หลายบริษัทสร้างขึ้น เพื่อแสดงให้เห็นถึง ความพร้อมของตัวบริษัท และให้เห็นถึงความมั่งคง และความมั่งคั่งของธุรกิจนั่นเอง
ทั้งนี้ การที่ธุรกิจขายตรง ต่างพากัน พูดถึงเรื่องแผนการรองรับการเปิดการค้าเสรีอาเซียนในช่วงนี้อย่างมากนั้น หากให้มองต่างมุม อาจจะพบว่า มีบางบริษัทก็ไม่ได้มุ่งเน้นแผนอย่างที่กล่าว แต่เป็นเพียงการสร้างกระแส เนื่องจากทางรัฐบาลมีการพูดถึงและจุดให้กลายเป็นประเด็น ด้วยเหตุนี้เอง ที่ทำให้บริษัทขายตรงต่างหยิบขึ้นมาพูด ทั้ง ๆ ที่บางบริษัทก็ไม่ได้ มีความพร้อมเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่อย่างใด อีกทั้งบางบริษัท ก็เพิ่งมีการเปิดตัวบริษัท แต่ก็กลับมองไกลจนลืมเรื่องการสร้างตลาดในประเทศก่อน ซึ่งเรื่องนี้ ไม่ต่างจากการขยายสาขาของบริษัทไทย หรือบริษัทต่างชาติที่ใช้การขยายสาขาออกต่างประเทศ เพื่อสร้างภาพให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง แต่ไม่ได้มุ่งเน้นทำตลาดแต่อย่างใด

...นับได้ว่า การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ดี ที่จะทำให้ธุรกิจขายตรงใน 10 ชาติอาเซียน สามารถที่จะเชื่อมโยงธุรกิจเข้าหากันง่ายขึ้น แต่ทั้งนี้ การที่หลาย ๆ ค่ายในธุรกิจขายตรง จะเข้าไปเปิดตลาดในแต่ละประเทศได้นั้น ก็ต้องศึกษาถึงวัฒนธรรมและการตลาดของแต่ละประเทศนั้นอย่างแตกฉานด้วยเช่นกัน


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ.ตลาดวิเคราะห์ ประจำวันที่ 16-31 มกราคม 2556 ปีที่ 15 ฉบับที่ 336

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น