ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2556

ขายตรงรุกไทย -เทศ ลุ้นเม็ดเงินทะลุแสนล้าน









ธุรกิจขายตรง ดูเหมือนจะยืนอยู่บนเส้นทางที่สดใส เมื่อเทียบกับอีกหลายธุรกิจ ยังเผชิญปัจจัยเสี่ยงทั้งต้นทุนที่พุ่งกระฉูด แถมโดนแย่งกำลังซื้อจากนโยบายคืนภาษีรถยนต์คันแรกที่ทำให้คนต้องกันเงินไว้ผ่อนรถในระยะยาว
สิ่งที่เป็นอานิสงส์ต่อธุรกิจขายตรง บรรดากูรูที่อยู่ในแวดวงตลาดขายตรงล้วนมองว่า หากมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ แล้วผู้ประกอบการไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นได้ จำเป็นต้องลดจำนวนพนักงาน จะกลายเป็นปัจจัยที่ทำให้คนเหล่านี้หันสู่ธุรกิจขายตรง


อ้าแขนรับคนตกงาน


ต้อนรับปีมะเส็งด้วยนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ ผู้ประกอบการธุรกิจหลายรายประเมินว่าจะมีคนตกงานอีกพอสมควร โดยเฉพาะเอสเอ็มอีที่คาดการณ์ว่าจะแบกรับภาระต้นทุนไม่ไหว คงปลดคนงานกันไม่มากก็น้อย


โดยนายสุธีร์ รัตนนาคินทร์ ประธานกรรมการ บริษัท เอเชีย สุพรีม จำกัด มองว่าการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน จะส่งผลกระทบต่อการจ้างงานอย่างแน่นอน และคนที่ได้รับผลกระทบและต้องตกงาน ย่อมหาทางออกให้ตนเอง ด้วยการหางาน อาชีพที่ไม่เคยถูกมองข้ามเลยนั่นคือ ธุรกิจขายตรง เพราะเป็นธุรกิจอิสระ สร้างรายได้ให้กับนักธุรกิจอย่างงดงาม แต่ต้องขยันปั่นยอดขายสักหน่อย


ที่สำคัญไปกว่านั้นได้คาดการณ์แนวโน้มขายตรงใน 1-2 ปีข้างหน้าจะมีคนเข้ามาอยู่ในธุรกิจมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 7-9 ล้านคน ซึ่งสอดคล้องกับนายกสมาคมขายตรงไทยอย่าง นายกิจธวัช ฤทธาวี ที่ก่อนหน้านี้เคยระบุว่าหากคนตกงาน อาชีพที่คนจะให้ความสนใจมายึดในการประกอบสัมมาอาชีพต่อไป ก็คือธุรกิจขายตรง ซึ่งในอดีตเมื่อมีคนตกงานก็จะหันไปซบเป็นสาวมิสทินกันไม่น้อย


เออีซีดันขายตรงไทยทะลุ 1 แสนล้าน


แนวโน้มขายตรงไทยยังคึกคักและเตรียมพร้อมในการรุกตลาดอาเซียนอย่างมาก เพราะเมื่อเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีในปลายปี 2558 มีการคาดการณ์ตลาดจะมีมูลค่าสูงถึง 1 แสนล้านบาท จากปัจจุบันมูลค่าตลาดขายตรงไทยอยู่ที่ระดับ 8 หมื่นล้านบาท โดยทิศทางตลาดยังคงมีการเติบโตต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีปัจจัยเสี่ยงหลายด้าน ทั้งเรื่องของเศรษฐกิจซบเซา กำลังซื้อถดถอยก็ตาม ตลาดยังมีปัจจัยเอื้อจากการตื่นตัวของผู้ประกอบการจำนวนมากเริ่มจัดทัพธุรกิจและสินค้าไปตะลุยตลาดต่างประเทศ


ประเทศเพื่อนบ้านหรือ 9 ประเทศในอาเซียน กลายเป็นพื้นที่ที่ขายตรงไทยจะตรงดิ่งเข้ายึดพื้นที่ เพื่อชิงเค้กก้อนโตก่อนที่เออีซีจะเปิดจริงๆจัง โดยค่ายขายตรงที่ก้าวออกไปอาเซียนก็กิฟฟารีน, นูสกิน, วิลเลนดรอฟ, นีโอ ไลฟ์ และมิสทิน เป็นต้น เดินตามรอยแบรนด์ขายตรงระดับโลกที่เข้าไปยึดหัวหาดในประเทศเพื่อนบ้านกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็น เอวอน, แอมเวย์ และออริเฟลม ฯลฯ


กิฟฟารีน นำร่องดันยอดตปท.โตเท่าตัว


สำหรับบริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด และมีแม่ทัพหญิงแกร่งอย่าง พ.ญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการบริษัท ได้วางแผนในการทำตลาดขายตรงเชิงรุกมากสำหรับบุกตลาดขายตรงไทยและอาเซียนมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศอินโดนีเซีย ตลาดที่มีประชากรขนาดใหญ่สุดของอาเซียน และสเต็ปต่อไปคือการขยายธุรกิจสู่ประเทศเวียดนาม ก่อนหน้านี้กิฟฟารีน เคยปักธงบุกขายตรงในลาว กัมพูชาและมาเลเซียเรียบร้อยแล้ว ที่สำคัญเมื่อเปิดเออีซีกิฟฟารีนยังตั้งเป้าโกยรายได้ต่างประเทศเป็น 500 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 200 ล้านบาท


วิลเลนดรอฟ เป็นขายตรงที่ประกาศชัดบุกอาเซียนเต็มสูบทั้งพม่า อินโดนีเซีย โดยใช้โมเดลของธุรกิจจะแตกต่างกันไปตามตลาดโลคัล แต่ยักษ์ใหญ่ขายตรงของไทยอีกแบรนด์คือ มิสทิน โดยบริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ถึงกับผนึกสหพัฒน์ทุ่มงบลงทุน 100 ล้านบาท ปักหมุดสร้างฐานโรงงานในประเทศพม่าเพื่อผลิตสินค้าลุยตลาดอาเซียน และยังเป็นการดิ้นหนีต้นทุนค่าแรง 300 บาทด้วย โดยตลาดที่มิสทินจะโฟกัสนั้นก็ต้องไหลไปตามกระแส ไม่ว่าจะเป็นพม่า และอินโดนีเซียด้วย อีกยักษ์ใหญ่ขายตรงคือบริษัท นูสกิน เอ็นเตอร์ไพร์สฯ ที่ลุยอาเซียนด้วยการเปิดสำนักงานที่ประเทศเวียดนามเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แม้ว่าเศรษฐกิจเวียดนามจะชะลอตัว แต่ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับธุรกิจขายตรงหลายชั้น(MLM)แต่อย่างใด โดยผู้บริหารฝ่ายขายของนูสกินเคยกล่าวไว้ว่า "เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี คนจะหันมาหาเรา ในเวียดนามมีคนตกงานหลายล้านคน เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมมากๆ สำหรับMLM และรูปแบบการตลาดที่เพิ่งเริ่มโต"


ขายตรงไทยยังโตรับปีมะเส็ง


ส่วนเทรนด์ธุรกิจขายตรงไทยในปี 2556 ผู้ประกอบการได้คาดว่ายังเติบโตได้ โดยพ.ญ.นลินี กล่าวว่า หากไม่มีปัจจัยลบทั้งด้านการเมือง และภัยธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงขึ้น ขณะที่ปีนี้คาดว่าธุรกิจขายตรงจะเติบโตประมาณ 7-10% และมีมูลค่าราว 8 หมื่นล้านบาท ส่วนบริษัทคาดการณ์ยอดขายปีหน้าว่ายังคงเติบโตได้ต่อเนื่องระดับ 10% จากปีนี้ที่คาดว่าจะปิดยอดขายรวมแตะ 6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มียอดขาย 5.4 พันล้านบาท เช่นเดียวกับค่ายสุพรีม ที่ฟันธงขายตรงไทยปีหน้าโตแน่นอน


ขณะที่สินค้าดาวเด่นยังคงเป็นผลิตภัณฑ์ความงาม เพราะเศรษฐกิจจะโตหรือติดลบ คนไทยก็ยังรักสวยรักงาม ยิ่งสาวๆ ต้องดูดีไว้ก่อน การันตีประเด็นนี้ได้ โดยแอมเวย์ที่ระบุว่า การสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคผู้หญิงชาวไทยพบว่ามีความสนใจด้านความงามอย่างมาก และใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง มีการแต่งหน้าสูงสุดในโลกสัดส่วนประมาณ 98-99% รวมทั้งตลาดผลิตภัณฑ์ด้านความงามระดับพรีเมียมก็มีมูลค่าสูงมากถึง 1.1 หมื่นล้านบาท จากตลาดรวมทุกเซ็กเมนต์มีมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท ทำให้แอมเวย์ต้องยกเครื่องอาร์ทิสทรีทั่วโลก ดึงกูรูการตลาดเครื่องสำอางแบรนด์ดังเสริมทัพ ขึ้นชั้นเบอร์ 4 ของโลก จากเบอร์ 5


บรรดากูรูขายตรงออกมาฟันธงตลาดกันขนาดนี้ แต่หลายคนก็ได้แต่หวังว่า ปีมะเส็งจะไม่มีปัจจัยลบทั้งเศรษฐกิจ การเมือง และภัยธรรมชาติ มาหักธงเซียนขายตรงเป็นพอ!!




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 32 ฉบับที่ 2,806 วันที่ 3 - 5 มกราคม พ.ศ. 2556

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น