ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ขายตรงน้องใหม่ : สเตม เทค ปูพรมตลาดไทย วาดฝัน 1 ปี ติดท็อปทรี เอเชีย


น้องใหม่ สเตม เทค รุกทำตลาดไทย หลังมองตลาด สดใส พาเหรดยื่นจดสินค้า อย. 7 รายการรวด ผ่านแล้ว 1 มั่นใจตลาดไทยให้การตอบรับดีไม่แพ้มาเลเซีย เกาหลีใต้ เดินหน้าลุยตลาดเต็มสูบ บ่ยั่นไทยเป็นตลาดปราบเซียน หลัง 7 ปี ขยายแล้ว 23 ประเทศทั่วโลก และไม่เคย มีประวัติปิดตลาด ปลายปีเล็งขยายเพิ่ม 2 ประเทศ ส่วนปีหน้ารุกเข้าแดนปลาดิบ

เรย์ ซี คาร์เตอร์ จูเนียร์ ผู้ร่วมก่อตั้ง ประธาน กรรมการและผู้บริหารสูงสุด สเตม เทค อิงค์ (ผู้ดำเนิน ธุรกิจขายตรงจากประเทศสหรัฐอเมริกา) กล่าวว่า หลัง บริษัทเปิดดำเนินธุรกิจขายตรงมาเป็นเวลา 7 ปี หรือตั้งแต่ ปี 2005 บริษัทได้ขยายเครือข่ายไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวม 23 ประเทศ โดย ประเทศไทยถือเป็นประเทศล่าสุด คือลำดับที่ 23 ที่บริษัทได้เข้ามาวางระบบภายใน ตั้งแต่ปี 2010

สำหรับตลาดเอเชีย ไทยถือเป็นประเทศที่ 5 ที่บริษัทได้ขยายตลาด หลังจากบริษัทได้ขยายตลาดไปยังมาเลเซีย ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ และ เกาหลีใต้ ขณะที่ภาพรวม สเตม เทค ทั่วโลก เติบโต ขึ้น 2 เท่า ส่วนประเทศที่เติบโตมากที่สุด คือ ประเทศเม็กซิโก เกาหลีใต้ ฝรั่งเศส และกานา ซึ่ง ภายในปีนี้บริษัทจะขยายเครือข่ายไปยังประเทศ อินเดีย และอินโดนีเซีย ส่วนปี 2013 มีแผน จะขยายตลาดไปยังประเทศญี่ปุ่น

ในส่วนของตลาดไทย บริษัทนำเข้าสินค้า ทั้งสิ้น 7 รายการ ในกลุ่มเสริมอาหาร และกลุ่ม สกินแคร์ ซึ่งปัจจุบันผ่านการอนุญาตจากสำนักงาน คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) 1 รายการ คือ เอเอฟเอ เอ็กซ์แทร็ก และอีก 6 รายการ อยู่ ระหว่างการขออนุญาตจาก อย. และหากเป็นไป ได้ บริษัทต้องการให้สินค้า สเต็ม โฟล เสริมอาหาร ต้อต้านอนุมูลอิสระ และเดอร์มาร์สเต็ม ซีรั่มดูแล ผิวพรรณ ผ่านการอนุญาตจาก อย. ก่อนสินค้า ตัวอื่น เนื่องจากสินค้าทั้ง 2 รายการ มีจุดเด่นและ เป็นสินค้าที่ขายดีในหลายๆ ประเทศ

ทั้งนี้ บริษัทวางแผนให้ประเทศไทยเป็น ศูนย์กลางการต่อต้านความเสื่อมชรา เนื่องจาก บริษัทมีสินค้าที่เป็นจุดเด่นด้านสเตมเซลล์ ที่ได้รับ การวิจัยและพัฒนาอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งเป็น ลิขสิทธิ์เฉพาะของบริษัท นอกจากนี้ยังวางเป้า- หมายให้ สเตม เทค มียอดขายติดอันดับ 1 ใน 3 ของเอเชีย ภายในระยะเวลา 1 ปี โดยบริษัท วางแผนยุทธศาสตร์หลักในการทำตลาดด้วยสินค้า เอเอฟเอ เอ็กซ์แทร็ก ซึ่งเป็นสินค้านำ และ มียอดขายเป็นอันดับ 1 ในปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วน ยอดขาย 70%

เป้าหมายการติดอันดับ 1 ใน 3 ของ เอเชียนั้น คิดว่าทำได้ เพราะปัจจุบันผู้นำคนไทย ที่ทำตลาดขายตรงเก่งๆ ในอเมริกาก็มีหลายคน และบวกกับอัตราการเติบโตของประเทศเกาหลีใต้ ที่ได้รับผลตอบรับดีเกินคาด จะสามารถผลักดันให้ เราติดอันดับ 1 ใน 3 ได้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ดี การที่บริษัทเข้ามาเปิดตลาดใน ประเทศไทยเป็นเวลา 2 ปี และหลายคนมองว่า แต่ละปีมีบริษัทต่างชาติเข้ามาเปิดตลาดไทยเป็น จำนวนมาก และไทยถือเป็นตลาดปราบเซียน เรื่องนี้ บริษัทมองว่า เป็นเรื่องจริงในปัจจุบัน แต่จากการ ขยายตลาดไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก 23 ประเทศ ในระยะเวลา 7 ปี นั้น บริษัทยังไม่เคยมีประวัติ ปิดตลาดในประเทศใดเลย และคาดว่าการเข้ามา ทำตลาดในประเทศไทยครั้งนี้ บริษัทจะบุกตลาด อย่างจริงจัง โดยบริษัทมีแผนที่จะเข้าเป็นสมาชิก ของสมาคมการขายตรงไทย หลังจากปัจจุบัน บริษัทได้เป็นสมาชิกของสมาพันธ์การขายตรงโลก แล้ว

อย่างไรก็ตาม บริษัทเตรียมแผนการ สนับสนุนตลาดไทยอย่างเต็มพิกัด ด้วยการจัด เทรนนิ่ง การจัดระบบออนไลน์ด้านการทำธุรกิจ ให้กับสมาชิก รวมถึงการดึงผู้นำที่ประสบความ สำเร็จมาร่วมแชร์ประสบการณ์ในประเทศไทย ขณะที่แผนการจ่ายผลตอบแทนนั้นบริษัทใช้ แผนไฮบริด ยูนิเลเวล ซึ่ง 1 คน สามารถลงได้ 1 รหัส และจ่ายสูงสุดถึง 6 ชั้น ในปัจจุบัน


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.เดอะ พาวเวอร์ เน็ตเวิร์ค ฉบับที่ 209 วันที่ 16-31 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น