ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันอังคารที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2555

MLM ดันตัวเข้า "ตลาดหุ้น" ฝันเป็นธรรมาภิบาลชิงแต้มต่อภาพลักษณ์


เชื่อว่าการได้เข้าตลาดหลักทรัพย์ และเป็นบริษัท (มหาชน) คงเป็นความฝันของทุกธุรกิจ ทุกบริษัท เนื่องจากประโยชน์ต่างๆ ที่จะได้รับ และความเป็นบริษัทธรรมาภิบาล คงเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบ การเจ้าของธุรกิจเฝ้าฝัน ไม่เว้นแม้แต่บริษัทในวงการขายตรง ที่ ต่างพากันคาดหวังที่จะทำให้แบรนด์ของตนเองเป็นบริษัทที่อยู่ใน ตลาดหลักทรัพย์ เพื่อประโยชน์ที่กล่าวมา อีกทั้งยังเป็นการยกระดับบริษัทของตนเองในอีกทาง


โดยนายวสันต์ ลิขิตเสถียร รองประธานอาวุโส บริษัท อาเจล อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในฐานะที่อาเจลประเทศไทยก้าวขึ้นสู่ปีที่ 5 บริษัทก็พร้อมเปิดเกมเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง โดยแผนกลยุทธ์แรกที่อาเจลวางไว้ คือการ เปิดตัวผลิตภัณฑ์เจลใหม่ถึง 3 ตัว หลังจากออกผลิตภัณฑ์ใหม่ใน กลุ่ม Body Care และ Hair Series มากกว่า 10 ตัว ในปีที่ผ่านมา ซึ่งแต่ละตัวได้รับการตอบรับอย่างดีจากสมาชิกและนักธุรกิจอาเจล ทั้งภายในประเทศไทยและกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน ในแถบอาเซียน โดยผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ถือว่ามีสัดส่วนการขาย ประมาณ 25% จาก ยอดขายโดยรวม


อาเจลวางแผนไว้ว่าปีนี้ บริษัทจะสร้างความเติบโตอย่างต่อเนื่องในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิว และเส้นผม รวมถึงกลุ่มออรัลแคร์ คือเพิ่มสัดส่วนขึ้นเป็น 30-35% ตามความต้องการของสมาชิก และจะนำผลิตภัณฑ์เจลต่างๆ ออกมาวางจำหน่ายตลอดปี 55 ให้ได้ 10-12 ตัวด้วยกัน นายวสันต์ กล่าว


ที่สำคัญเอเจลยังได้ผุดแผนหนึ่งขึ้น เพื่อเป็นการสร้างความ สะดวกให้กับสมาชิกผู้บริโภคของบริษัท โดยการทำตู้หยอดเหรียญ อาเจล ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับตู้กดน้ำดื่มกระป๋อง โดยเครื่องนี้จะเป็นการซื้อสินค้าอาเจลผ่านตู้ โดยจะติดตั้งไว้ตามสถานที่สำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า หรือสนามบิน เพื่อความ สะดวก รวดเร็วต่อสมาชิกของบริษัทในการใช้สินค้า ซึ่งในส่วนนี้ คาดว่า น่าจะเริ่มมีให้เห็นในปี 2555 นี้


ด้านการขยายเครือข่าย อาเจลวางเป้าหมายไว้ว่าในปี 55 บริษัทจะขยายสาขาให้ได้มากกว่า 20 สาขาทั่วประเทศ และใน กลุ่มประเทศอาเซียน เพื่อรองรับเขตความร่วมมืออาเซียน (AFTA) ในปี 2558 โดยประเทศที่เปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้วคือ มาเลเซีย และสิงคโปร์ ถัดไปบริษัทจะเตรียมเปิดตัวที่ประเทศพม่า เวียดนาม ลาว และท้ายสุดกับกัมพูชาในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้


ซึ่งกลยุทธ์ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ถือว่า เป็นการปูทางสู่เส้นชัยที่อาเจลประเทศไทยตั้งเป้าไว้ว่าในปีนี้ เราจะขอปิดยอดการ ขายที่ 1,000 ล้านบาท ให้ได้ และนอกจาก นี้ เพื่อก้าวสู่ความฝันอันสูงสุดของอาเจล ประเทศไทยที่จะเป็นบริษัทมหาชนในปี 2560 ตอกย้ำความมั่นคงและรองรับการเติบโตของภูมิภาคอาเซียนในอนาคต อีกด้วย


ด้านนายเชน ใจซื่อ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท นิวตริริช จำกัด ผู้ผลิต และ จำหน่ายปุ๋ยอินทรีย์ ดาวปูแดง และผลิตภัณฑ์การเกษตรแบบครบวงจร เปิดเผย สยามธุรกิจ ว่า เมื่อประมาณต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา บริษัท ดาวปูแดง ได้มีการยื่นเรื่องเพื่อเข้าสู่ตลาด หลักทรัพย์ ตามโครงการ หุ้นใหม่ ความภูมิใจของจังหวัด ที่จัดตั้งขึ้นโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อฉลองครบรอบ 20 ปีของการก่อตั้ง ก.ล.ต.


บริษัทที่จะเข้าร่วมโครงการดังกล่าว ได้ต้องมีคุณสมบัติ 4 ข้อ คือ ต้องเป็นบริษัท ที่จัดตั้งในต่างจังหวัดหรือทำธุรกิจในต่างจังหวัด, มีทุนจดทะเบียนก่อตั้งบริษัทไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท, ต้องทำประโยชน์ให้กับจังหวัด หรือช่วยเหลือสังคมอย่างสม่ำเสมอ, และสุดท้ายมีผลดำเนินงานมา แล้วไม่ต่ำกว่า 2 ปี และบริหารงานภายใต้ผู้บริหารชุดปัจจุบันติดต่อกันไม่ต่ำกว่า 1 ปี พร้อมทั้งมีผลกำไรในงบการเงินงวดล่าสุด ซึ่งหากคุณสมบัติต่างๆ ผ่านจะต้อง ยื่นเรื่องมาที่สภาอุตฯ สภาหอฯ จังหวัด เพื่อดูว่าเข้าเกณฑ์ทั้ง 4 ข้อหรือไม่ จากนั้น ก็จะเสนอเรื่องมายัง ก.ล.ต.ภายในสิ้นเดือน มิ.ย.นี้


นายเชนได้กล่าวถึงข้อดีของการจัดตั้งโครงการดังกล่าวว่า เป็นการเปิดกว้างให้แก่ธุรกิจต่างๆ ในต่างหวัดให้สามารถ เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ได้มากขึ้น เพราะจากข้อมูลการสำรวจของ ก.ล.ต.พบว่า จำนวน 500 บริษัทที่มีนามสกุล จำกัด (มหาชน) มีเพียง 7% เท่านั้นที่เป็นบริษัทซึ่งอยู่นอกเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่ง ถือว่าน้อยมาก โครงการดังกล่าวจึงเป็น การส่งเสริมสนับสนุนธุรกิจต่างจังหวัดที่มีศักยภาพ มีความพร้อม แต่ขาดโอกาสเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ได้มีโอกาสในจุดนี้มากขึ้น ซึ่งตนมั่นใจว่า ดาว ปูแดง จะสามารถผ่านคุณสมบัติหรือเงื่อนไขต่างๆ ตามโครงการ จนสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เป็นบริษัทเล็กๆ ที่สามารถใช้นามสกุล จำกัด (มหาชน) ได้อย่างแน่นอน ซึ่งน่าจะไม่เกิน ปลายปีหน้า


อย่างไรก็ดี ด้านแผนการตลาดในปี นี้บริษัทได้ตั้งเป้าขยายสาขาแฟรนไชส์เพิ่มขึ้นอีก 10% จากปัจจุบันที่มีอยู่ทั้งหมด 1,200 สาขาทั่วประเทศ โดยใช้กลยุทธ์เพิ่ม ความถี่ในการจัดฝึกอบรมเกี่ยวกับการดูแล บริหารธุรกิจแฟรนไชส์และโอกาสแห่งความสำเร็จ เพื่อดึงศักยภาพและสร้างแรง กระตุ้นให้นักธุรกิจประสบความสำเร็จดังเป้าหมายที่วางไว้ นอกจากนั้น ในไตรมาส หลังนี้บริษัทจะมีการผลิตสินค้าใหม่เพิ่มอีก 1 รายการ คือ ฮอร์โมนพืช ที่เรียกว่า Oxin เป็นผลิตภัณฑ์ ที่นำเข้ามาจากประเทศเบลเยียม โดยมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการแตกตัวของเซลล์ ทำให้พืชเติบโตไวถือเป็น สินค้าแห่งนวัตกรรมที่หลายคนกำลังให้ความสนใจ


ซึ่งนอกจาก 2 บริษัทขายตรงที่กล่าวมานี้ ที่มีความต้องการนำบริษัทเข้าไป อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แล้วยังมีค่ายขายตรงอีกมากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความคาดหวังที่จะมีนามสกุลบริษัทเป็นมหาชน โดยรวมถึงบริษัทขายตรงน้องใหม่อย่าง บริษัท เรียลเน็ตเวิร์ค (ประเทศไทย) จำกัด ที่หมายมั่นว่า ในอีก 3 ปีข้างหน้า จะเป็นบริษัทขายตรงแบรนด์หนึ่งที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ให้จงได้ เพื่อหวังจะรองรับ การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน


อย่างไรก็ดี นอกจากบริษัทขายตรง ค่ายต่างๆ ที่คิดฝันว่าอนาคตจะเป็นบริษัท มหาชน แต่เมื่อไม่นานมานี้บริษัทที่ดำเนิน ธุรกิจตลาดแบบตรงอย่าง ทีวี ไดเร็ค ก็ประสบความสำเร็จในการเข้าตลาดหลักทรัพย์ ไปเป็นที่เรียบร้อย และกลายเป็นแบรนด์ตลาดแบบตรงที่มีนามสกุลมหาชน


ทั้งนี้ ในส่วนของขอบเขตและกฎกติกาในการเข้าตลาดหลักทรัพย์นั้น ก็ดูจะเป็นเรื่องยากของธุรกิจขายตรง และถึงแม้บริษัทขายตรงจะได้เข้าไปอยู่ในตลาดแล้ว แต่เรื่องของการจะได้รับความนิยมจากนักลงทุนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย อีกทั้งนักวิเคราะห์หลายท่านยังเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่า ธุรกิจขายตรง สำคัญที่ตัวนักขาย ซึ่งนักลงทุนคงไม่อยากที่จะลงทุนแล้วรอหวังผลกำไรจาก การขายของนักธุรกิจอิสระมากนัก


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.สยามธุรกิจ ฉบับที่1344 ประจำวันที่ 17-10-2012 ถึง19-10-2012

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น