ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ข่าววอลลารา (Vollara) : ฝันไกล ปั้นไทยเป็นฮับ MLM


วอลลารา ขายตรงสัญชาติมะกัน ได้ฤกษ์ดีเปิดตัว เร่งดันไทยเป็นฐานอาเซียน และทั่วทวีปเอเชีย ด้านสินค้าประเดิมด้วยผลิตภัณฑ์นวัตกรรม ระดับนาซ่า มองไกล 5 ปียอดขายภูมิภาคนี้โต 3 หมื่นล้านบาท และสมาชิก ต้องประสบความสำเร็จมากกว่า 1 ล้านคน

นายโฆษิต สุวินิจจิต ประธาน บริษัท วอลลารา (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า วอลลารา (Vollara) เป็นธุรกิจขายตรงจากประเทศสหรัฐ อเมริกา ปัจจุบันทางสถาบันขายตรงในอเมริกา ได้จัดอันดับให้ วอลลารา เป็นบริษัทขายตรงอยู่ ในอันดับที่ 39 ทั้งนี้ ในอนาคตบริษัทต้องการก้าว ขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง ดังนั้นจากเดิมที่จำหน่ายสินค้าเฉพาะในแถบอเมริกาเหนือ จึงมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ และพบว่าเอเชียเป็นทวีปที่ธุรกิจขายตรงมีอัตราการเติบโตมากสุดในโลก

ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา วอลลาราจึงตัดสินใจ รุกตลาดในเอเชีย โดยเลือกไทยเป็นประเทศแรกใน การทำตลาด และวางแผนที่จะใช้ประเทศไทยเป็นประตูสู่ประเทศอื่นในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะประเทศ ในกลุ่มอาเซียน เนื่องจากบริษัท มองว่าประเทศไทย เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ที่มีพื้นที่ติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านหลายๆ ประเทศ ไม่ว่าจะเป็น พม่า ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย ซึ่งจุดนี้จะทำให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจไปได้โดยสะดวก และง่ายดาย

โฆษิต กล่าวต่อว่า ในมุมมองของตน ปัจจัยที่ทำให้เลือกทำธุรกิจกับบริษัทขายตรงต่างชาติค่าย นี้ มี 2 ปัจจัยหลัก ประการแรก สินค้าของบริษัทมีคุณภาพ ได้รับการวิจัย ค้นคว้าจากองค์การนาซ่า ที่ถือเป็นหน่วยงานทางวิทยาศาสตร์ที่ทุกคน ทั่วโลก ให้การยอมรับ ประการที่สอง คือ บริษัทนี้มีความมั่นคง เนื่องจากมีอายุถึง 88 ปีและเป็นบริษัทที่มีการบริหารงานคล้ายกับคนไทย ที่เน้นความสัมพันธ์ อันดีระหว่างกัน

ทั้งนี้ ได้มีการจัดตั้ง บริษัท วอลลารา ประเทศไทย จำกัด ขึ้นมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมิ.ย. 54 ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท สินค้าที่นำมาจำหน่ายเบื้องต้นเป็นกลุ่มสินค้านวัตกรรมเพื่อสุขภาพ ระดับองค์การนาซ่า ได้แก่ เครื่องฟอกอากาศเทคโนโลยีนาซ่า ราคาเริ่มต้นที่ 24,967 บาท เครื่องปรับ สภาพน้ำ สำหรับซักผ้าด้วยน้ำเปล่า ราคา 36,633 บาท เป็นต้น โดยในอนาคตจะมีสินค้าเพื่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลการดำเนินงานในช่วงปีแรก บริษัทมีผู้แทนจำหน่ายถึง 5 พันคน ทั้งๆ ที่สินค้าของบริษัทเริ่มต้นด้วยหลักหมื่น เพราะเป็นไฮเทคโนโลยี ไม่ได้เริ่มด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จุดนี้จึงน่าจะเป็นตัวชี้วัดว่า ธุรกิจวอลลารา ประเทศไทยจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้นักธุรกิจส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล ส่วนแผนการเปิดสาขาตามภูมิภาค จะพิจารณาจากความพร้อมของสมาชิกก่อน คือที่ไหนพร้อมก่อนเราก็จะเปิดสาขาที่นั่น เพราะเรื่อง ของ MLM มันขึ้นอยู่กับคน เราจะไปกำหนดไม่ได้ ขึ้นอยู่กับความพร้อมของสมาชิก

สำหรับปีที่ 2 วอลลาราจะเริ่มรุกเข้าสู่ประเทศอาเซียนอย่างจริงจัง และตั้งเป้ายอดขายปีหน้าโต 100% จากปีนี้ และเชื่อ ว่าตลาดวอลลาราประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียในอีก 5 ปีข้างหน้า จะโตถึง 1 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3 หมื่นล้านบาท และภายใน 5 ปีคนไทยต้องประสบความสำเร็จมากกว่า 1 ล้านคน

ขณะนี้เราค่อนข้างมั่นใจว่าเราพร้อมแล้ว สำหรับการขยายไปสู่ตลาดอาเซียน ซึ่งแผนการดำเนินงานขณะนี้ บริษัทเตรียมทุ่มงบในการพัฒนาเรื่องของบุคลากร เพราะตนมองว่าธุรกิจ ขายตรง คน เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด บริษัทเตรียม หามือเทรนนิ่งที่ดีที่สุด และมีความ เห็นว่าต่อไปประเทศไทยก็น่าจะมีศูนย์เทรน นิ่งของชาติ ที่รวมสุดยอดผู้นำเทรนนิ่งของประเทศไทยไว้ด้วยกัน ซึ่งโดยส่วนตัวคิดว่าในภาวะเช่นนี้ธุรกิจขายตรงในประเทศไทย ควรเป็นพันธมิตรที่เราจะต้องร่วมกันพัฒนาเพื่อก้าวสู่ตลาด ต่างประเทศด้วยกัน และการสนับสนุนจากภาครัฐถือเป็นปัจจัยสำคัญ อีกประการหนึ่งที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่ง ให้กับอุตสาหกรรม MLM ในประเทศไทย

วันนี้หัวใจอาเซียนทางด้านเศรษฐกิจ เราต้องรวมกันเพื่อ ประโยชน์ทางธุรกิจ ใครถนัดเรื่อง ไหนก็ช่วยกันทำเรื่องนั้น ธุรกิจขายตรงในประเทศไทยก็เช่นกัน เราต้องร่วมแรงร่วมใจกัน เราอย่ามามองว่าต้องแข่งกันเอง วันนี้เรามองตลาด ขั้นต้นเพียง 60 ล้านคนก่อน แต่พออาเซียนเปิดจากตลาด 60 ล้านคน ก็จะกลายเป็นตลาด 600 ล้านคน อยากให้มองว่าประเทศเราจะได้ อะไรจากการเข้าสู่ประตูอาเซียน ดีกว่าจะมองแค่ว่าบริษัทจะได้อะไร เราต้องประสานประโยชน์ร่วมกัน ตนคิดว่าตนจะเดินเข้าพบ แต่ละสมาคม นั่งคุยกัน และถ้าเป็นไปได้ตนก็อยากเห็นธุรกิจขายตรงในประเทศไทยมีการรวมตัวกันป็นสมาพันธ์ขายตรง

โฆษิตยังกล่าวทิ้งท้ายว่า ปัจจุบันผู้ประกอบธุรกิจเครือข่าย รายใหญ่จากต่างประเทศ ไม่ว่าจาก อเมริกา ยุโรป หรือเอเชีย ต่างก็สนใจที่จะเข้ามาลงทุนเพื่อขยายธุรกิจในประเทศไทย เนื่อง จากพวกเขาเล็งเห็นถึงศักยภาพของธุรกิจเครือข่ายในบ้านเรา ที่มีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยแล้วตลาดขายตรงในไทยมีการเติบโตที่ 10% ทุกปี และมีมูลค่าตลาดรวมมากกว่า 8 หมื่นล้านบาท จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกฝ่ายควรจะร่วมมือร่วมใจกัน เพื่อทำให้ขายตรงประเทศไทยก้าวขึ้นสู่ผู้นำตลาดโลก


อ้างอิง : นสพ.สยามธุรกิจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น