ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันอังคารที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ข่าวนูสกิน (Nu Skin Thailand) : ประกาศตัวเลข8เดือนโต27% เดินหน้าดัน "เอจล็อค (ageLOC)" เรือธงรบสู้ศึกเครือข่าย


นู สกิน สร้างเซอร์ไพร์สฉลองความสำเร็จยอดขายผลิตภัณฑ์เอจล็อค เดือนเดียวตัวเลขดีดพุ่ง 450 ล้าน...ล่าสุดประกาศตัวเลข 8 เดือนแรก เติบโตสูงสุดทะลุเป้า 27% พร้อมมั่นใจเป้ายอดขายปีนี้โต 20% หรือ 2,500 ล้าน ตามที่วางไว้แน่นอน...เผยแผนเตรียมเดินหน้าบุกตลาดต้านชรา หวังขยายธุรกิจแบบเต็มสูบ...ด้าน ภคพรรณ แย้มตลาดเวียดนามถือเป็นอีกหนึ่งตลาดที่น่าสนใจอย่างมากทีเดียว หลังเพิ่งควบบริหารอีกหนึ่งประเทศ พร้อมมั่นใจนู สกิน ที่เวียดนามในอนาคตอันใกล้เติบโตแน่นอน

นางภคพรรณ ลีวุฒินันท์ ประธานกรรมการบริหาร นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส ประเทศไทย และเวียดนาม เผยถึง ภาพรวมธุรกิจนู สกิน ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาว่า นู สกิน ประเทศไทย สามารถมียอดขายเติบโตอยู่ที่ 27% ซึ่งถือเป็นการเติบโตที่สูงกว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยของอุตสาหกรรมขายตรงไทย ที่สำคัญ ในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายได้สูงถึง 450 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นยอดขายรายเดือนสูงสุดนับตั้งแต่ นู สกิน เปิดดำเนินการในประเทศไทย และจากอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องนี้เอง ทางบริษัทฯ เชื่อมั่นว่า จะสามารถสร้างรายได้รวมสำเร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้แน่นอน

ปัจจัยความสำเร็จของนู สกิน ในช่วงที่ผ่านมา พบว่า เกิดจากการพรีเซลล์ผลิต ภัณฑ์อาหารเสริมตัวใหม่ เอจล็อค อาร์สแควร์ ให้กับผู้แทนจำหน่ายระดับบริหาร ซึ่งมีแผนที่จะเตรียมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2556 นี้ นอกจากนี้ ตลาดด้านสุขภาพความงามโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ต่อต้านความเสื่อมชรา ยังถือว่ามีความต้องการของตลาดและกำลังขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นนั่นเอง ด้วยเหตุนี้จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นู สกิน ยังคงมีการพัฒนานวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ให้มีความโดดเด่นและชัดเจนในด้านความเป็นผู้นำด้านแอนตี้ เอจจิ้ง เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคนั่นเอง

นางภคพรรณ เผยต่ออีกว่า นู สกิน ประเทศไทย มีรายได้การเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดตั้งแต่ต้นปี อีกทั้งในปีนี้ บริษัทฯ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มผลิต ภัณฑ์ต่อต้านความเสื่อมชรา เอจล็อค กัลวานิค บอดี้ ซิสเต็ม III ที่สามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจในเรื่องการลดเลือนริ้วรอยและการดูแลรูปร่าง ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวสามารถตอบสนองความต้องการได้ตรงจุด

บริษัทฯ มั่นใจว่าภายในสิ้นปี 2555 นู สกิน ประเทศไทยจะเติบโต 20% หรือ 2,500 ล้านบาท และนอกเหนือจากความสำเร็จด้านยอดขายแล้ว ภายในเดือนเดียวกัน นู สกิน ประเทศไทย ยังได้รับรางวัล โกลด์ สตีวี่ วินเนอร์ ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดประเภทธุรกิจนานาชาติ จากอเมริกัน บิสซิเนส อวอร์ด ที่มีองค์กรธุรกิจหลากหลายสาขาจากทั่วโลกเข้าร่วมประกวด จากโครงการสนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็กภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจในกิจกรรมเพื่อสังคมที่เราทำควบคู่กันมาตั้งแต่ก่อตั้ง นู สกิน ในประเทศไทย โดยการขึ้นรับรางวัลดังกล่าวจะมีขึ้นที่ประเทศเกาหลีใต้ช่วงเดือนตุลาคมนี้

นอกจากนี้ นางภคพรรณ ยังได้พูดถึงตลาดขายตรงในเวียดนามที่ล่าสุดได้ดำรงตำแหน่งประธานกรรม การบริหาร นู สกิน ที่ประเทศเวียดนามด้วยว่า ตลาดขายตรงในเวียดนาม เรียกได้ว่า คนส่วนใหญ่ต่างให้การตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งตนเองในฐานะที่เพิ่งดำรงตำแหน่งผู้บริหารในประเทศเวียดนาม ต้องบอกว่า คงจะต้องศึกษาถึงโอกาสทางธุรกิจอย่างหนักทีเดียว แต่ก็เชื่อว่าการที่นู สกิน เข้าไปในประเทศเวียดนามนั้น ก็น่าที่จะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจของคนเวียดนามด้วยเช่นกัน เนื่องจากธุรกิจขายตรงยัง



เป็นตลาดใหม่สำหรับคนในประเทศนี้ และคนเวียดนามส่วนใหญ่ก็ต้องการที่จะมีรายได้เสริมด้วย


ด้านนางวิภาดา ตั้งปกรณ์ รองประธานฝ่ายขายและปฎิบัติการ บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมอีกว่า สำหรับยอดขายในเดือนสิงหาคม ที่นู สกิน สามารถโกยรายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์เอจล็อคและผลิตภัณฑ์ในกลุ่มต่าง ๆ และเติบโตสูงถึง 450 ล้านบาทนั้น ซึ่งได้แบ่งเป็นสัดส่วนยอดขายได้ดังนี้คือ ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเอจล็อค ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าเอจล็อค ทรานฟอร์



เมชั่น เซ็ท ผลิตภัณฑ์เอจล็อค กัลวานิค สปา ซิสเต็ม ผลิต ภัณฑ์เสริมอาหาร เอจล็อค อาร์ สแควร์ มีสัดส่วนรายได้คิดเป็น 80% และผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารเสริม รวมกับกลุ่มผลิตภัณฑ์เพอร์ซันแนลแคร์ อื่น ๆ มีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 20%



ความสำเร็จของนู สกิน นอกจากด้านผลิตภัณฑ์ใหม่แล้ว บริษัทฯ ยังสามารถสนับสนุนผู้แทนจำหน่ายที่ทำธุรกิจให้มีรายได้สูงขึ้นอีกด้วย โดยในเดือนสิงหาคม พบว่า มีผู้แทนจำหน่ายที่ทำธุรกิจมีรายได้จากเงินปันผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 236% เมื่อเทียบกับรายได้เดือนกรกฎาคม ซึ่งการที่เราสามารถสร้างให้ผู้แทนจำหน่ายมีรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนโยบายของบริษัทฯ ที่ต้องการสร้างให้ผู้แทนจำหน่ายได้รับค่าตอบแทนสูงสุดกว่าขายตรงอื่น ๆ นั่นเอง



ส่วนแผนการบุกตลาดในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้นั้น นางวิภาดา เผยว่า บริษัทฯ ยังคงเน้นใช้กลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจผ่านการกระตุ้นการเพิ่มจำนวนสมาชิกและปริมาณการบริโภคสินค้าอย่างต่อเนื่อง โดยยังคงมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มต่อต้านความเสื่อมชราเป็นเรือธงในการสร้างยอดขายเป็นหลัก รวมถึงยังคงเดินหน้าเร่งกระตุ้นยอดขายจากกิจกรรมการตลาดและกิจกรรมส่งเสริมการขายต่าง ๆ อาทิ การจัดอบรมสัมมนา การจัดกิจกรรมโรดโชว์ไปตามจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อสร้างการรับรู้ผลิตภัณฑ์และตราสินค้าตลอดจนขยายฐานธุรกิจให้เกิดการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง



นางวิภาดา เผยอีกว่า สำหรับแผนการขยายศูนย์จำหน่ายสินค้านั้น ในปีหน้า บริษัทฯ วางแผนที่จะเพิ่มขึ้นศูนย์จำหน่ายสินค้าอีก 1-2 สาขา โดยแต่ละสาขาคาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งการขยายสาขาดังกล่าวถือเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับการขยายตัวของตัวแทนจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นเดือนละ 15-20% จากปัจจุบันมีจำนวนสมาชิกและนักธุรกิจอยู่ที่ประมาณ 2.4 แสนราย



...นับได้ว่า การก้าวเดินของธุรกิจขายตรงที่ชื่อ นู สกิน ในช่วงนี้ ถือได้ว่ากำลังที่จะเติบโตแบบไม่หยุดยั้งทีเดียว และด้วยอัตราการเติบโตที่ก้าวกระโดดแบบสุด ๆ ของนู สกินเช่นนี้ เชื่อว่าน่าที่จะทำให้หลาย ๆ ค่าย คงต้องมีการปรับกลยุทธ์อะไรบ้างอย่างแน่นอน และยิ่งในช่วงปลายปีของทุกปีด้วยแล้ว ที่ตลาดขายตรงเริ่มที่จะร้อนระอุ หลาย ๆ ท่านคงจะเห็นการเปิดเกมแลกของบรรดาผู้ประกอบการขายตรงที่จะเริ่มปล่อยออกมาเป็นระลอกอย่างแน่นอน!!


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ. ตลาดวิเคราะห์ ประจำวันที่16 - 31 ตุลาคม 2555 ฉบับ330

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น