ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันอังคารที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2555

"น้ำท่วม-ขายตรง" ปีนี้เอาอยู่! เหล่าผู้ประกอบการ (แอมเวย์ , กิฟฟารีน , อารากอนเวิลด์ 54 , นู สกิน) ไม่หวั่นเตรียมแผนสำรองเพียบ


 


ผู้ประกอบการขายตรง ประกาศพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำท่วมหากเกิดขึ้นในปีนี้...ค่าย แอมเวย์ ชี้!วิกฤติน้ำท่วมไม่ใช่ปัญหาที่น่ากังวล เหตุเพราะเคยเจอมาหลายปัญหาแล้วและสามารถฟันฝ่ามาได้...ส่วน กิฟฟารีน เผยแผนสำรองรับมือน้ำท่วมเตรียมไว้หมดแล้ว...ด้าน อารากอน มองหากปีนี้น้ำท่วมคงไม่นานเหมือนปีที่ผ่านมา... นู สกิน เผยกลยุทธ์รองรับปัญหาน้ำท่วมและปัญหาฝนตกหนัก เร่งพัฒนาระบบการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ เพื่อให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น
นับได้ว่าในช่วงปลายปี 2554 ที่ผ่านมา วิกฤติน้ำท่วม ถือเป็นอีกหนึ่งภัยร้ายตัวฉกาจที่ทุกธุรกิจต่างเจอและประสบปัญหาในเรื่องของการทำธุรกิจชนิดที่ว่าปฏิเสธไม่ได้นั่นเอง เห็นได้จากปีที่ผ่านมา ธุรกิจขายตรง หลาย ๆ บริษัทต่างกระอักเลือดไปตาม ๆ กัน โดยเสียหายทั้งรายได้ และเสียหายทั้งทรัพย์สินเงินทองที่กลืนกินไปกับกระแสน้ำที่พัดพาไป
และมาในปีนี้ สัญญาณเรื่องของวิกฤติน้ำท่วมก็เริ่มที่จะลั่นระฆังให้หลาย ๆ ธุรกิจ รวมถึงในธุรกิจขายตรงจำเป็นต้องเร่งเตรียมการรับมือกับ วิกฤติน้ำท่วม ที่เคยเป็นบทเรียนสอนใจให้กับเหล่าบรรดานักธุรกิจเคยเจ็บซ้ำมาบ้างแล้วนั่นเอง...ซึ่งจากประเด็นในเรื่องของการรับมือกับวิกฤติน้ำท่วมในครั้งนี้ที่หลาย ๆ ท่านไม่อาจจะคาดเดาว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่อย่างไรนั้น แต่สำหรับธุรกิจขายตรงแล้ว พบว่าเริ่มที่จะเห็นหลาย ๆ ค่ายต่างเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับเรื่องนี้แล้วด้วยเช่นกัน...


ขายตรงเร่งเกราะกำบังวิกฤติน้ำท่วม
ประกาศพร้อมรับมือทุกสถานการณ์
นายกิจธวัช ฤทธีราวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยถึงการรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมว่า เรื่องของปัญหาน้ำท่วมถือว่าแอมเวย์เองไม่ได้มีความวิตกกังวลแต่อย่างใด เนื่องจากแอมเวย์เคยผ่านปัญหาต่าง ๆ มาค่อนข้างเยอะ และก็สามารถฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ มาได้ ในขณะเดียวกัน ค่อนข้างมีความเชื่อมั่นในแผนตั้งรับสถานการณ์ของรัฐบาลว่า น่าที่จะจัดการปัญหาตรงนี้ได้ และสถานการณ์น้ำท่วมคงไม่หนักเหมือนเช่นปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน
แอมเวย์ได้มีการเตรียมแผนรองรับกับเหตุการณ์น้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้นเช่นกัน อย่างตึกสำนักงานใหญ่ของบริษัทที่มีความสูง โดยแอมเวย์เอง ได้มีการเริ่มทำการย้ายสิ่งของจากออฟฟิศเก่าไปสู่ออฟฟิศใหม่บ้างแล้ว ซึ่งหากน้ำท่วมขึ้นจริงบริษัทฯ ก็มั่นใจว่า น่าที่จะไม่ทำให้เกิดความเสียหายในเรื่องของทรัพย์สินของบริษัทฯ มากนักเช่นกัน ส่วนของสาขาแอมเวย์ ที่อาจอยู่ในพื้นที่น้ำท่วม บริษัทฯ ก็ไม่ได้มีความวิตกกังวลแต่อย่างใด เพราะในปีที่ผ่านมา มีเพียง 2-3 สาขาเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบในส่วนตรงนี้ ในขณะเดียวกัน แอมเวย์เอง ยังมีคลังสินค้าของบริษัทขนาดใหญ่ ที่สามารถย้ายของได้ภายในชั่วข้ามคืนอีกด้วย
ส่วนแผนงานในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้นั้น นายกิจธวัช เผยว่า บริษัทฯ จะยังคงเน้นในเรื่องของการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพเช่นเดิม อย่างล่าสุด แอมเวย์ เอง ได้มีการรีแบรนด์ผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนใหม่อีกด้วย ภายใต้ชี่อแบรนด์ว่า แอมเวย์ โฮม โดยจะเป็นการรวม 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์เป็นหนึ่งเดียว ได้แก่ แอมเวย์ โฮม เอสเอ8 ผลิตภัณฑ์ซักรีด แอมเวย์ โฮม แอล.โอ.ซี. ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้นผิว และแอมเวย์ โฮม ดิช ดรอปส์ ผลิตภัณฑ์ล้างจาน อีกทั้งยังเตรียมที่จะเปิดตัว 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่ ตอกย้ำผู้นำผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนประสิทธิภาพสูงและใส่ใจสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
สำหรับการรีแบรนด์ในครั้งนี้ นอกจากการย้ำภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ยังเป็นการสะท้อนถึงพันธสัญญาของแอมเวย์ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งธุรกิจครั้งแรกกว่า 50 ปีมาแล้ว โดยผลิตภัณฑ์ชนิดแรกที่ถือเป็นจุดกำเนิดและความภูมิใจของบริษัทจวบจนปัจจุบันคือ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอเนกประสงค์ แอล.โอ.ซี. และยังคงยืนหยัดที่จะสืบทอดพันธสัญญาดังกล่าวด้วยการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนขึ้นมาใหม่ในชื่อ แอมเวย์ โฮม และมั่นใจว่าจากคุณภาพของผลิตภัณฑ์ประกอบกับกิจกรรมทางการตลาดดังกล่าวจะเป็นส่วนผลักดันให้ผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน แอมเวย์ โฮม กลายเป็นที่หนึ่งในใจของผู้บริโภคด้วยการเติบโต 10% ภายในสิ้นปีได้อย่างแน่นอน


ส่วน พ.ญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เผยว่า หากเกิดปัญหาน้ำท่วมขึ้นในปีนี้นั้น ต้องบอกว่าทางบริษัทฯ เอง ได้มีแผนงานรองรับทุกอย่างไว้หมดแล้ว ซึ่งในเบื้องต้นได้มีการย้ายสิ่งของที่จำเป็นขึ้นไปชั้น 2 ของโรงงานบ้างแล้ว โดยมองว่าหากปีนี้ไม่มีเรื่องของ
น้ำท่วมเกิดขึ้น เชื่อว่าในปีนี้จะเป็นอีกหนึ่งปีที่ดีของธุรกิจกิฟฟารีนเช่นกัน
ทั้งนี้ หากเกิดน้ำท่วมเหมือนเช่นดั่งในปีที่ผ่านมา คงต้องบอกว่า ย่อมต้องส่งผลต่อธุรกิจอย่างแน่นอน เหมือนในปีที่แล้ว ที่ทางบริษัทฯ เองจำเป็นต้องปิดโรงงานและหยุดการผลิตลงทั้งหมดในช่วงปลายที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากที่น้ำลดทางบริษัทฯ เองก็ได้ มีแผนรับมือด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ การทำแนวกำแพง หรือ รั้วปูนล้อมรอบโรงงานที่นวนคร โดยทำรั้วสูง 3 เมตร ตอกเสาเข็มลึกไปอีก 7 เมตร และฝังชิปไปโดยรอบ ...เช่นเดียวกับทางด้านค่าย บริษัท อารากอนเวิลด์ 54 จำกัด ที่นำโดย นพดล กลิ่นบำรุง ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้เผยต่อ ตลาดวิเคราะห์ ว่า สำหรับอุทกภัยน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดช่วงนี้นั้น ต้องบอกว่า ศูนย์สาขาของบริษัทฯ เอง ยังถือว่าไม่ได้รับผลกระทบในเรื่องน้ำท่วมเท่าไหร่ แต่หากพูดถึงผลกระทบเรื่องของวิกฤติน้ำท่วมในช่วงปีที่ผ่านมา ต้องบอกว่าธุรกิจของ บริษัทฯ ได้รับผลกระทบอย่างมาก เนื่องจากน้ำท่วมทั้งในกรุงเทพฯ และในส่วนของชานเมือง โดยปีที่แล้วถือว่าได้รับผลกระทบโดยตรง ส่วนปัญหาน้ำท่วมที่เริ่มเกิดขึ้นในปีนี้นั้น มองว่าอาจจะเพียงแค่ท่วมชั่วคราวเท่านั้นเอง ส่วนแผนการเตรียมการณ์เพื่อรองรับหากมีปัญหาน้ำท่วมเกิดขึ้นนั้น ทางบริษัทฯ คงจะต้องมีการทำงานแบบระมัด ระวังมากขึ้นนั่นเอง


นอกจากนี้บอสใหญ่ค่าย อารากอน ยังได้เผยถึงแผนงานในช่วง 3 เดือนที่เหลือนับจากนี้ว่า จะยังคงเดินหน้าสร้างธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าการรุกตลาดอย่างหนักของอารากอนในช่วงนี้ น่าที่จะทำให้สิ้นปีนี้ ยอดขายของบริษัทน่าที่จะเติบโตกว่าปีที่ผ่านมาประมาณ 25% อย่างแน่นอน
ขณะนี้ บริษัทฯ ได้มีการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ 4 ประเทศด้วยกัน คือ สิงคโปร์ มาเลเซีย ลาว กัมพูชา โดยเชื่อว่าการบุกตลาดในกลุ่มประเทศดังกล่าวน่าที่จะได้รับการตอบรับที่ดีเหมือนอย่างในประเทศไทยด้วยเช่นกัน ในขณะเดียวกัน แผนการออกสินค้าใหม่ บริษัทฯ มีแผนที่จะเข็นสินค้าออกมาสู่ตลาดเครือข่ายอยู่ที่ประมาณ 1-2 รายการ ในทุก ๆ 1-2 เดือนด้วยเช่นกัน ส่วนอัตราการเติบโตของสมาชิกในช่วงนี้เรียกได้ว่าเติบโตทุกเดือน โดยเพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 10% ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีสมาชิกอยู่ที่ประมาณ 5 หมื่นกว่ารหัส หลังจากที่เปิดตัวมาได้ประมาณ 1 ปีเศษ


...ด้าน นู สกิน ภายใต้การนำทัพธุรกิจของ ภคพรรณ ลีวุฒินันท์ ประธานกรรมการบริหาร ก็ได้ออกมาเผยถึงแผนการรับมือหากมีวิกฤติน้ำท่วมอีกในปีนี้ว่า ขณะนี้ นู สกิน กำลังเร่งพัฒนาระบบการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าและตัวแทนจำหน่ายในการสั่งซื้อ สินค้า ซึ่งการพัฒนาระบบดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการรองรับปัญหาน้ำท่วมและปัญหาฝนตกหนัก เพื่อให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น
ขณะเดียวกัน บริษัท ยังมีแผนที่จะขยายคลังสินค้าย่อยไปตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อให้สามารถบริหารการจัดส่งสินค้าได้สะดวกและรวดเร็ว หากเกิดปัญหาน้ำท่วม ซึ่งเบื้องต้นบริษัทจะใช้ศูนย์จำหน่ายสินค้าที่มีอยู่ทั่วประเทศจำนวน 9 สาขา แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 2 สาขา และต่างจังหวัด 7 สาขา ประกอบด้วย หาดใหญ่ เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น นครราชสีมา ชลบุรี และตรัง เป็นจุดกระจายสินค้าหลักในเบื้องต้นก่อน
จะเห็นได้ว่า วันนี้หลาย ๆ ค่ายในธุรกิจขายตรงต่างมีแผนงานรองรับกับสถานการณ์น้ำท่วมกันบ้างแล้ว ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะในช่วงปีที่ผ่านมาถือเป็นอีกหนึ่งบทเรียนราคาแพงนั่นเอง แต่ทั้งนี้ หากเกิดวิกฤติน้ำท่วมขึ้น เชื่อว่าคงอาจจะไม่บอบซ้ำเหมือนเดิมอย่างแน่นอน เพราะ เหล่าผู้ประกอบการ ใน ธุรกิจขายตรงต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เอาอยู่ !!..


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ. ตลาดวิเคราะห์ ประจำวันที่16 - 31 ตุลาคม 2555 ฉบับ330

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น