ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพฤหัสบดีที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2555

MLM พลิกเกมแข่งดุ!ผุดสินค้าเด็กฉีกกระเป๋าผู้ปกครอง


หลังจากตลาดสินค้าผู้ใหญ่มีการแข่งขัน กันสุดโหด ผู้ประกอบการหันหาสินค้าสำหรับ เด็ก หวังเจียดเงินผู้ปกครองแบ่งจ่าย กิฟฟารีน ผุดเสริมอาหารผักผลไม้ 5 สี ทำกำไร ดี เน็ทเวิร์ค ออกเยลลี่สุขภาพ อาเจล ส่งเสริมอาหารเจลสำหรับเด็ก ด้าน ยูนิอัมล่า ผุดสินค้าล้ำหน้า เครื่องทายนิสัยนักเรียน เอวอน ขอแจมเค้กสกินแคร์เด็กอ่อน


เป็นที่ทราบกันดีว่า ธุรกิจขายตรง เป็น วงการธุรกิจหนึ่งที่มีจุดเด่นในเรื่องของสินค้า เสริมอาหารเป็นหลัก โดยแต่ละบริษัทเน้นการทำตลาดในกลุ่มสินค้าดังกล่าวจนเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ซึ่งจากมูลค่าการตลาดประมาณ 2.4 หมื่นล้านบาท ของสินค้าเสริม อาหารที่ขายอยู่ในไทย โดยมีอัตราการเติบโต ในแต่ละปีที่ 15-20% จากตัวเลขนี้ ยิ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ยั่วยุให้การแข่งขันทวีคูณ ซึ่งบริษัทต่างๆ ล้วนแล้วแต่ต้องการส่วนแบ่งในกลุ่มสินค้านี้


>> ตลาดเสริมอาหารเด็ก 700 ล.


สิ่งที่กล่าวมา แสดงให้เห็นว่า ตลาดสินค้าเสริมอาหารในปัจจุบัน มีอัตราการแข่งขัน ที่สูงมากมายเพียงใด เพราะไม่เพียงแต่กลุ่ม บริษัทขายตรงเท่านั้นที่รุมทึ้งเค้กก้อนนี้ แต่ ยังรวมถึงกลุ่มธุรกิจอื่นที่ส่งสินค้าเข้ามาแข่งขัน ทางออกของธุรกิจขายตรงสิ่งหนึ่ง คือ การสร้างความหลากหลายในการหาลูกค้ากลุ่มใหม่ให้กับธุรกิจของตน


โดยปัจจุบัน เห็นได้ชัดว่าธุรกิจขายตรงหลายแบรนด์เริ่มขยับหาสินค้า จับลูกค้า ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยหันไปผลิตสินค้า เสริมอาหารสำหรับเด็กกันมากขึ้น เพื่อหวัง ที่จะเจียดเงินในกระเป๋าของผู้ปกครองมา สร้างความได้เปรียบในการทำธุรกิจ ซึ่งตลาด เสริมอาหารสำหรับเด็กในขณะนี้มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ 700 ล้านบาท ซึ่งนับว่า น้อยมาก เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรเด็ก ที่มีถึง 19.9% จากจำนวนประชากร 70 ล้านคน


จากตัวเลขดังกล่าว เห็นได้ชัดว่าสินค้าเสริมอาหารสำหรับผู้บริโภคกลุ่มนี้ยังโตได้อีกมาก ซึ่งถือเป็นช่องทางการสร้าง ยอดขายที่น่าสนใจของธุรกิจขายตรง โดยบริษัทต่างๆ เริ่มส่งสินค้าเสริมอาหารประเภท นี้เข้าตลาด


>> สินค้าเด็กเริ่มมีบทบาท


เริ่มตั้งแต่ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ที่ล่าสุด ได้เสริมจุดแข็งด้วยการเปิดตัวสินค้าเสริมอาหาร ไฟโต-คิดส์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่สกัดจากผักและผลไม้ 5 สี โดยสินค้าประเภทนี้ บริษัทได้ผุดขึ้นเพื่อจับตลาดผู้บริโภคที่เป็นเด็กโดยเฉพาะ


ซึ่งในช่วงก่อนหน้านี้ ทางบริษัทก็ยังได้เปิดตัวโฆษณาชุดใหม่ 2 ชุด ในการให้ความรู้เชิงวิชาการด้วยการแนะนำผลิตภัณฑ์ ใหม่ กิฟฟารีน แคลเซียม ซึ่งเป็นสินค้าประเภทนมอัดเม็ด สำหรับเด็กมัธยมต้นจนถึงปลาย


ด้าน บริษัท ดี เน็ทเวิร์ค เวิลด์ไวด์ จำกัด นับเป็นอีกค่ายที่ส่งสินค้าเสริมอาหาร สำหรับเด็กขึ้นมา โดยนายสาคร ใสกมล ประธานผู้ก่อตั้ง บริษัท เปิดเผยว่า ดี เน็ท-เวิร์ค ได้ปฏิวัติวงการเสริมอาหาร ด้วยการ ทำผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในรูปแบบของเยลลี่สำหรับเด็ก ความคิดดังกล่าวเกิดจาก การที่เห็นเด็กรับประทาน อาหารเสริมได้ยาก ทางบริษัทเล็งเห็นจุดนี้จึงทำการผลิตอาหาร เสริมในรูปแบบเยลลี่ออกมา เพื่อให้เด็กรับประทานได้ง่าย ส่งผลให้เด็กมีสุขภาพแข็งแรง


เราต้องการให้เด็กทานอาหารเสริม ได้ง่ายจึงนำสารอาหารต่างๆ ใส่เข้าไปในขนม เยลลี่ โดยเราแบ่งสินค้าดังกล่าวออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ 1.กลุ่มเสริมอาหารเน้นเสริม สร้างการเจริญเติบโต สินค้าในกลุ่มนี้จะเป็น เยลลี่ที่มีส่วนผสมของแคลเซียมเข้มข้น รับประทาน 1 เม็ดเทียบเท่ากับนม 5 แก้ว นอกจากนี้ ยังมีส่วนผสมของโกรธฮอร์โมนเข้าไปเสริมสร้างให้ร่างกายเด็กเจริญเติบโต สมวัย


ส่วนกลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มวิตามินและเกลือแร่ โดยมีการใส่วิตามินและเกลือแร่เข้าไปในขนมเยลลี่ เมื่อรับประทานเยลลี่ 1 เม็ดเทียบเท่ารับประทานผัก 5 กิโลกรัม รวม ไปถึงการใส่เกลือแร่ทั้งหลายเข้าไป เด็กที่ไม่รับประทานผัก หากทานขนมเยลลี่เข้าไป ก็จะได้รับสารอาหารจากผัก


การที่เราหันมาเจาะตลาดเด็กอายุ ตั้งแต่ 1-15 ปี เนื่องจากเป็นตลาดใหญ่ เด็ก ในเมืองไทยมีถึง 20 เปอร์เซ็นต์ของประชากร ทั้งหมด การเปิดสินค้าตัวนี้ถือเป็นการปฏิวัติ วงการเสริมอาหารของเมืองไทย เราได้สร้าง ความฮือฮาให้กับวงการขายตรงอีกครั้ง สาคร กล่าว


โดยนอกจาก 2 บริษัทที่กล่าวมาแล้ว อีกหนึ่งบริษัทขายตรงที่ได้ผุดสินค้าเสริมอาหารสำหรับเด็กออกมาคือ บริษัท อาเจล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งล่าสุดได้ผุดสินค้าเสริมอาหารชนิดเจลตัวใหม่ ภายใต้ชื่อ OM-3 ซึ่งจะเจาะตลาดไปในกลุ่มเยาวชนเด็ก นักศึกษาเป็นหลัก โดยบริษัทอ้างว่าสินค้ากลุ่มนี้ จะส่งผลช่วยในเรื่องของการทำงานของสมอง


>> สรรหาสินค้าสุดล้ำหนีเกมเดือด


ไม่เพียงแต่สินค้ากลุ่มเสริมอาหารเท่านั้นที่บริษัทขายตรงต่างๆ หยิบขึ้นมาเป็น อาวุธในการเก็บเกี่ยวยอดขาย แต่ยังมีสินค้า สำหรับเด็กกลุ่มอื่นๆ ที่เป็นทางเลือกของบริษัทขายตรง


บริษัท ยูนิอัมล่า อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ก็เล็งเห็นถึงการสรรหาลูกเล่นเพื่อโกยเงินจากกระเป๋าผู้ปกครองเช่นกัน โดย ศลาฆนันท์ ปัณฑาทรัพย์กุล กรรมการผู้จัดการ ยูนิอัมล่า เผยว่า ในปี 2555 บริษัทได้เปิดตัวสินค้าใหม่ ขึ้น ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมแห่งอนาคต คือ ฟิงเกอร์สแกน หรือเครื่องสแกนลายนิ้วมือนำเข้าจากประเทศไต้หวัน โดยมีคุณสมบัติในการรับรู้ว่าเด็กคนไหนชอบอะไร เหมาะที่จะเรียนรู้อะไร มีความถนัดด้านใด และมีพรสวรรค์ด้านใด โดยเพียงสแกนลายนิ้วมือ เด็กคนนั้นๆ


ยูนิอัมล่าวางแผนการตลาดสำหรับ ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ไว้ ด้วยการให้กลุ่มผู้นำ หรือ แม่ทีมของบริษัทได้มาเรียนรู้ในวิธีการใช้ วิธีการอ่านค่าแสดงผล เมื่อผู้นำเข้าใจแล้ว จึงให้พวกเขาเข้าไปเจาะกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งตนคิดว่าสินค้าตัวนี้สามารถใช้ได้กับประชาชน ในทุกระดับ และวิชาชีพ โดยบริษัท คาดหวัง สัดส่วนยอดขายจากผลิตภัณฑ์ฟิงเกอร์สแกนไว้ประมาณ 30% จากยอดขายสินค้า ทั้งหมด ศลาฆนันท์ กล่าว


ทั้งนี้ ในช่วงประมาณปีก่อน บริษัท เอวอน คอสเมติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ยังได้ออกสินค้า เอวอน เบบี้ ซึ่งเป็นสินค้ากลุ่มสกินแคร์สำหรับเด็ก ซึ่งถือเป็นการแตกไลน์สินค้าใหม่ของบริษัท โดยเหตุที่ เอวอน ต้องแตกไลน์สินค้าดังที่กล่าวมา ก็เพราะต้องการหาช่องทางการแข่งขันใหม่ๆ เนื่องจากธุรกิจขายตรงในประเทศมีการแข่งขันที่สูงมาก ทำให้การสร้างยอดขาย ทำได้ลำบากมากยิ่งขึ้น การแตกไลน์สินค้าจึงเป็นวิธีที่น่าจะดีที่สุด


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.สยามธุรกิจ ฉบับที่1346 ประจำวันที่ 24-10-2012 ถึง26-10-2012

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น