ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพฤหัสบดีที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ข่าวคิงส์เฮิร์บ (King Herb) : ฝันปิดบัญชีปี 55 พันล้าน วาดวิมาน AEC พาบริษัทติดท็อปเทน


คิงส์เฮิร์บ เป่าเทียนฉลอง 9 ปี เปิดบัญชีปี 54 โชว์ยอดขายแตะ 700 ล้านบาท ปีนี้วางเป้า 1 พันล้านบาท ด้วย 3 ปัจจัย สินค้า-สมาชิก-สื่อ เป็นตัวนำ พร้อมเปิดตัวนวัตกรรม สินค้าจาก พลูคาว ใหม่ 2 ตัว คือ คอล-ดาต้า ซูเปอร์กรีน อาหารพืชสูตรล้ำ กับ สบู่ คอลดาต้า ซอฟ ฟุ้ง AEC เปิด บริษัทได้เปรียบตลาดอาเซียนพาองค์กรไต่ฝันติด 1 ใน 10 ขายตรงเมืองไทย

ดร.ปพน ลิ้มธำรงค์กุล ประธานกรรมการ บริษัท คิงส์เฮิร์บ เวิร์ด 1999 จำกัด เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ที่ผ่านมา บริษัทได้จัดงานใหญ่ โดยเป็นการมอบเข็มเกียรติยศให้ กับสมาชิกนักธุรกิจของบริษัททุกคน อีกทั้งยังเป็นการฉลองการ เข้าสู่การทำธุรกิจเป็นปีที่ 9 ของบริษัท

บริษัทได้ดำเนินการ ภายใต้สโลแกนว่า เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น กับ คิงส์เฮิร์บฯ เนื่องจากบริษัทได้ก่อตั้งขึ้นอย่างมั่นคงและมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใสและซื่อตรง พร้อมด้วยคุณธรรมในการดำเนินธุรกิจ พร้อมที่จะผลิตและพัฒนาสินค้ารวมถึงบริการให้มีคุณภาพดีที่สุด อันจะนำสมาชิกและนักธุรกิจทุกคน ไปสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จในชีวิตร่วมกัน

เรามอบโอกาสการเป็นเจ้าของธุรกิจ แด่ทุกท่านที่ต้องการประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิต ด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพเยี่ยม และแผนการตลาดที่จ่ายผลตอบแทนคุ้มค่า และเป็นธรรม ตลอดจนเกียรติยศชื่อเสียง และฝึกอบรมอย่างมืออาชีพ ดร.ปพน กล่าว

สำหรับการเติบโตของธุรกิจ คิงส์ เฮิร์บฯ ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ตอนนี้บริษัทมียอดขายเติบโตอยู่ที่ประมาณ 40% จากการเปรียบเทียบยอดขายในช่วงเดียวกัน ของปีที่ผ่านมา ซึ่งในปี 54 ทั้งปี บริษัทสามารถทำยอดขายเติบโตอยู่ที่ 700 ล้านบาท โดยในปีนี้เมื่อมองจากการเติบโตต่างๆ ที่กล่าวมานี้ บริษัทมีความมั่นใจว่าจะสามารถ ดันยอดขายในปี 55 นี้ แตะ 1 พันล้านบาท ได้อย่างแน่นอน

ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า จากเหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบ ต่อธุรกิจของคิงส์เฮิร์บมากพอสมควร ซึ่งในความเป็นจริงหากไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าว เชื่อว่าบริษัทจะสามารถทำยอดขายในปีที่ผ่านมาถึง 1 พันล้านบาทได้อย่างแน่นอน แม่ทัพใหญ่คิงส์เฮิร์บ เผย

ในส่วนปัจจัยการเติบโตที่จะทำให้บริษัท ก้าวขึ้นไปสู่ตัวเลขพันล้านได้นั้น ดร.ปพน กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้บริษัทเติบโต ได้นั้น มาจากเหตุผล 3 ประการด้วยกัน นั่นคือ 1.บริษัทเห็นความสำคัญของการโฆษณาประชาสัมพันธ์และการเข้าถึงสื่อมวลชน 2.บริษัทเห็นความสำคัญของการดูแลสมาชิก เป็นอย่างดี ดุจคนในครอบครัวเดียวกันอยู่เสมอ และ 3.บริษัทให้ความสำคัญกับการดูแลผู้บริโภคผ่านการมุ่งเน้นการวิจัยพัฒนา คุณภาพของสินค้าให้ดีขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอ

โดยล่าสุดนอกจากสินค้าพระเอกคือ คอลดาต้า ตัวเดิมที่เป็นสินค้าขายดีของบริษัทแล้ว ทางคิงส์เฮิร์บยังได้ออกตัวเสริม ของสินค้ากลุ่มนี้คือ คอลดาต้า ซูเปอร์ทู ซึ่งเป็นสินค้าในกลุ่มเสริมอาหารที่อยู่ในหมวด วัตถุดิบของพลูคาว เช่นเดียวกันกับ คอล-ดาต้า ตัวเก่า ซึ่งจะมีการออกฤทธิ์ที่เร็วกว่า ซึ่งทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์นี้คือพระเอกของบริษัท อีกทั้งยังมีสินค้าในกลุ่มเกษตร ที่บริษัทได้ทำ การเปิดตัวขึ้นใหม่ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับต้นไม้ ภายใต้ชื่อ คอลดาต้า ซูเปอร์กรีน และสบู่ คอลดาต้า ซอฟ ซึ่งทั้ง 2 สินค้าใหม่ที่กล่าวมานี้ นับเป็นสินค้า ที่บริษัทเชื่อว่าจะตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี

สำหรับบริษัท คิงส์เฮิร์บ ปัจจุบันมีสินค้าทั้งหมด 6 กลุ่ม ได้แก่ สินค้าเสริมอาหาร, สินค้าการเกษตร, สินค้าดูแลรูปร่าง, สินค้าความงาม, สินค้ากลุ่มเครื่องดื่ม และสินค้าของใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งมีสินค้าเกี่ยวกับการบำรุงเครื่องยนต์ของรถยนต์ เป็นสินค้านำของกลุ่มสินค้าในกลุ่มนี้

โดยสัดส่วนการทำยอดขายของสินค้า ในแต่ละกลุ่มนั้น จะมีสินค้ากลุ่มเสริมอาหาร ที่มี คอลดาต้า เป็นสินค้าเรือธง ซึ่งครองส่วนแบ่งยอดขายอยู่ที่ 70% ส่วนอีก 30% ก็จะแบ่งกระจายออกไปในอีก 5 กลุ่มสินค้า ที่กล่าวมา

อย่างไรก็ดี ในส่วนของตลาดของคิงส์เฮิร์บนั้น จะมีภาคอีสานเป็นตลาดหลัก ของบริษัท ซึ่งครองส่วนแบ่งยอดขายอยู่ที่ 60% ทั้งๆ ที่ในอดีตที่ผ่านมา ภาคกลางจะเป็นภาคที่มียอดการเติบโตสูง แต่ที่ทราบกัน ดีว่า คนที่อยู่ภาคกลางส่วนใหญ่เป็นคนอีสาน ซึ่งนิยมซื้อสินค้าส่งกลับไปให้พ่อแม่ที่อยู่ในภาคอีสานทาน แต่เมื่อการขยายศูนย์ของบริษัทก้าวหน้าไปมาก ทำให้คนที่อยู่ในภาคสามารถซื้อทานได้เอง ซึ่งไม่จำเป็นต้องซื้อที่ภาคกลางเพียงอย่างเดียว

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของศูนย์สินค้า ของบริษัทนั้น บริษัทจะเปิดให้สมาชิกของบริษัทร่วมเข้ามาเป็นเจ้าของได้ แต่ต้องทำตามเงื่อนไขที่บริษัทได้วางคือ ต้องเป็นสมาชิก ที่มีเครือข่ายไม่ต่ำกว่า 50 รหัส อีกทั้งต้องมีการส่งเรื่องเพื่อสอบศูนย์ เพื่อให้เกิดมาตรฐานเดียวกันทั้งหมดของศูนย์สินค้าทั่วประเทศ อีกทั้งยังจะมีการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องสินค้า และบริษัท เพื่อจะได้ให้คำตอบกับลูกค้าได้เป็นอย่างดี

ปัจจุบัน คิงส์เฮิร์บมีศูนย์สินค้าแล้วทั้งหมด 800 ศูนย์ทั่วประเทศ จากการวางกลยุทธ์ของบริษัทที่ต้องการกระจายศูนย์ในทุกอำเภอๆ ละ 1 ศูนย์ ซึ่งในช่วงสิ้นปีนี้ บริษัทเชื่อว่าจะสามารถเปิดเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 100 ศูนย์ เพื่อให้เป็น 900 ศูนย์ หัวเรือคิงส์เฮิร์บ เผย

นอกจากประเด็นต่างๆ ที่กล่าวมาแล้ว ในส่วนของการเปิดประชาคมอาเซียน ก็เป็นหนึ่งที่บริษัทให้ความสำคัญ ซึ่งบริษัทมีความมั่นใจในศักยภาพของคิงส์เฮิร์บ ว่าด้วยการมีสินค้าที่ดี มีโรงงานเป็นของตนเอง และการมีรากฐานธุรกิจในประเทศที่แข็งแกร่ง เชื่อว่า เมื่อการเปิดประชาคมอาเซียนขึ้นมา ในปี 58 บริษัท จะสามารถสร้างโอกาสทาง ธุรกิจ และสามารถก้าวขึ้นไปสู่ 1 ใน 10 ของ บริษัทขายตรงชั้นนำในประเทศไทยได้อย่าง แน่นอน

การขยายธุรกิจในปัจจุบันบริษัทได้เดินหน้าปักธงชิมลางในรูปแบบการนำสินค้า เข้าไปขายแล้วในทุกประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอยู่ รอบประเทศไทย ดร.ปพน กล่าวในช่วงท้าย

ทั้งนี้ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า บริษัท คิงส์เฮิร์บ ยังได้วางเป้าที่จะเปิดอาคารสำนักงานใหญ่หลังใหม่ของบริษัทอีกด้วย โดยจะตั้งอยู่ย่านถนนรามอินทรา ซึ่งเป็นอาคาร 8 ชั้น โดยวางงบประมาณในการเนรมิตอาคารสำนักงานใหญ่หลังใหม่ นี้ที่ 40 ล้านบาท ซึ่งจะถือเป็นการวางรากฐานที่สำคัญของบริษัท ในการก้าวไปสู่ความฝันที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตต่อไป


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.สยามธุรกิจ ฉบับที่1346 ประจำวันที่ 24-10-2012 ถึง26-10-2012

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น