ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2555

"ไมเคิล ซาเฟล" ปัดข้อกล่าวหาออนไลน์ "บีฮิบ-Bhip" ร้องหากผิดจริงพร้อมเช็กบิล


ชัยวัฒน์ ประธานฯ บีฮิบ ไทยแลนด์ ควง ไมเคิล ซาเฟล นักธุรกิจระดับบลูไดมอนด์ ที่ตกเป็นจำเลยสังคมออนไลน์ว่าทำธุรกิจไม่ชอบ ออกโรงแถลง ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ย้ำชัดทำธุรกิจอย่าง ชอบธรรม เชื่อมีคนอิจฉาปล่อยข่าวกลั่น-แกล้ง บีฮิบ เป็นธุรกิจน้ำดี หยุดทำให้เสื่อมเสีย หันมาช่วยกันยกระดับวงการจะดีกว่า

ไมเคิล ซาเฟล ผู้นำระดับบลูไดมอนด์ บริษัท บีฮิบ (ไทยแลนด์) จำกัด นักธุรกิจ อิสระ เพื่อนชายคนสนิท ตาล-กัญญา ที่ตกเป็นจำเลยสังคม ว่าทำธุรกิจแอบแฝง หลอกลวงประชาชน เปิดเผยว่า ตนขอยืนยันว่าธุรกิจบีฮิบไม่ได้เป็นแบบที่มีกระแส วิพากษ์วิจารณ์กัน เพราะบริษัทมีการจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง การ ทำธุรกิจแบบนี้ตรวจสอบได้อยู่แล้ว ถ้าทำผิดกฎหมายจริงตนคงไม่มีโอกาสมาเจอทุกคนในวันนี้ คงต้องมีหลักฐานอะไรสักอย่างหนึ่งว่าทำผิด และที่สำคัญหากธุรกิจที่ทำอยู่ ในช่วงหลายปีที่ผ่านเข้าข่ายเป็นธุรกิจแชร์ลูกโซ่จริง ตนก็ไม่มีทางทำได้ถึง 9 ปี โดยเฉพาะบีฮิบเข้ามาในไทยกว่าปีครึ่ง วิธีการทำงานของเรามีสินค้า มีการขายของ มีผู้บริโภคที่ใช้ และพอใจ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องแชร์ลูกโซ่อะไรทั้งสิ้น

ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้กับกระแสที่มีใน เน็ตว่า ตนหลอกลวงโกงเงิน คิดว่าน่าจะเกิด จากคู่แข่งที่ไม่เห็นด้วยกับที่เราทำ ซึ่งที่ผ่าน มาตนรู้สึกว่าอะไรที่ไม่เป็นความจริง ไม่ต้อง พูดมาก เพราะคนที่อยู่รอบข้างรู้จักเราก็รู้ความจริงว่าเราเป็นคนแบบไหน แต่ ณ วันนี้ เมื่อกระแสข่าวมาไกลเกินกว่าที่จะนิ่งเฉยได้ โดยเฉพาะเมื่อกระทบไปถึงบริษัทบีฮิบ และ ลูกทีมหลายพันคน ที่เขาไม่ได้มีความผิดใดๆ เลย ซึ่งจุดนี้ตนอยากจะบอกว่า ตนเสียใจแทนลูกทีมที่ต้องมาแก้ปัญหาทั้งที่ไม่มีความ จริงอะไรทั้งสิ้น แต่อย่างหนึ่งที่ประทับใจและ เป็นเหตุผลที่ยังทำธุรกิจนี้ต่อเพราะตนมีลูกทีม ที่ดี ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาก็อยู่ข้างๆ ซึ่งรู้สึก ว่ามันคุ้มค่ากับที่ต้องยืนยัดต่อสู้อยู่กับปัญหา

ตนอยากขอร้องว่า ตลาดเดียวกันจะ ทำร้ายกันเองทำไมเพราะมีคนไม่ชอบธุรกิจ แบบนี้เยอะแยะอยู่แล้ว แต่ยังมานั่งใส่ร้ายกันเองเพื่ออะไร ช่วยกันสร้างไม่ดีกว่าเหรอ ตนไม่เคยพูดเรื่องลบกับธุรกิจคู่แข่ง และตน ก็เชื่อว่าธุรกิจคู่แข่งไม่ได้เป็นคนทำเรื่องนี้ แต่คนที่ทำคือสมาชิกบางคนที่ทำธุรกิจของ บริษัทคู่แข่งมานานเป็นสิบปี พอมีเด็กอย่าง ตนหรือสมาชิกในองค์กรของตนมีรายได้เยอะกว่าเขาที่ทำมานาน เขาก็อาจไม่พอใจ ซึ่งแทนที่จะมาใส่ร้ายกัน น่าจะมาพูดข้อดีของธุรกิจตัวเองดีกว่าไหม

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า จะดำเนินการอย่างไร ต่อไปกับเหตุการณ์ที่เกิดในครั้งนี้ ไมเคิลกล่าวว่า คงต้องแยกเป็น 2 ประเด็น เรื่องแรกด้านกฎหมาย ก็จะมีทีมกฎหมายของบริษัทช่วยดำเนินการ เรื่องที่สองด้านการตลาด ซึ่งก็ต้องกล่าวว่าตนรู้สึกสบายใจมาก ที่ลูกทีมระดับผู้นำเกือบ 300 คน และสมาชิก บีฮิบทั่วประเทศหลักหมื่นคน ยังคงต่อสู้ด้วย กันไม่ทิ้งกัน โดยจะเห็นได้จากยอดสั่งซื้อสินค้า 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมาช่วงที่มีกระแสข่าวด้านลบรุนแรง พบว่ายอดขายลดลงเพียง 20% ซึ่งสัดส่วนที่ลดลงในภาวะวิกฤติเช่นนี้ ก็ถือว่าน้อยมาก ส่วนการแก้ไขอื่นๆ ตนมอง ว่าไม่มีอะไรในโลกใบนี้ที่สู้ความจริงได้

ด้านนายชัยวัฒน์ ชัยจินดาวัธน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บีฮิบ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยถึงความรู้สึกที่บริษัทถูกพาดพิงจากกระแสข่าว จนทำให้หลายคนมองว่าบีฮิบเป็นธุรกิจผิดกฎหมายและเป็นแชร์ลูกโซ่ว่า การที่ไมเคิลถูกกล่าว หาว่าทำผิด เพราะทำธุรกิจผิดกฎหมายนั้น ตนขอยืนยันว่า เราไม่ได้ทำธุรกิจผิดกฎหมาย และไมเคิลก็ไม่ได้ทำธุรกิจผิดกฎหมาย เราทำธุรกิจตรงไปตรงมาพร้อมตรวจสอบ ไมเคิล ทำงานที่บีฮิบมาปีครึ่ง ไม่ใช่ว่าได้กันแบบนี้ทุกคน ที่ไมเคิลได้แบบนี้เพราะเขามีฐานเก่า มีเพื่อนที่เชื่อเขา เมื่อมีการขยับขยายก็มีกลุ่ม คนตามมา ทำให้ยอดขายเกิดขึ้นเร็ว ถามว่า คนที่เริ่มต้นจากศูนย์แล้วทำได้เท่าไมเคิลมีหรือไม่ ตอบว่ามี แต่น้อย อย่างไรก็ดี ตนยืนยันว่าบีฮิบไม่ใช่แชร์ลูกโซ่แน่นอน

ชัยวัฒน์ยังย้ำอีกครั้งว่า ทุกคนสามารถ ตรวจสอบได้ว่า บีฮิบดำเนินธุรกิจถูกต้องตาม กฎหมายจริงหรือไม่ โดยสามารถตรวจสอบ ได้จาก สคบ.หรือสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ โดยตรง ซึ่งบริษัทได้ดำเนินการจดทะเบียน กับ สคบ. เป็นที่เรียบร้อยก่อนเริ่มดำเนินธุรกิจ มาตั้งแต่ปี 2554นอกจากนั้นผลิตภัณฑ์ของบริษัทก็ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นที่เรียบร้อยแล้วซึ่งตนอยากจะเรียนว่า ตนทำงานกับต่างประเทศมามาก อยากจะบอกว่าการ ดำเนินงานตรวจสอบของอย.บ้านเรา มีระบบ การตรวจสอบที่เข้มงวดมาก ไม่ใช่ผ่านมาได้ง่ายๆ

ทั้งนี้ ภายในงานแถลงข่าวของ บีฮิบ ในครั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตจากสื่อว่า ทำไมถึง มีข้าราชการทหารหลายคนมาร่วมในงานแถลง รวมทั้งเมื่อบริษัทเปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าว ซักถาม ทนายของบริษัทที่ร่วมให้สัมภาษณ์ ก็จะถามกลับถึงต้นสังกัดผู้สื่อข่าวคนนั้น ซึ่ง กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสื่อ


 


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1342 ประจำวันที่ 10-10-2012 ถึง12-10-2012

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น