ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2555

"นายกฯ" ปูตรวจเข้ม ตั้งเลขาฯสคบ. หึ่งเอกชนหนุนตัวเต็ง ซื้อตำแหน่ง30ล้าน


ตั้ง เลขาฯสคบ. ชะงัก ลือสนั่นเอกชนทุ่มงบหนุนตัวเต็งหลายสิบล้านบาท ผ่านทาง เจ๊ ที่มีสีตรงข้ามกับเหลือง พร้อมสั่งคนในสังกัดเคลียร์พื้นที่ นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผวา หวั่นเอาคนมีตำหนิสอดไส้ยัดครม.ใส่วาระจรอนุมัติ สั่งเบรกกลางครันโยนทีมงานตรวจสอบประวัติเข้ม จับตา จิรชัย มูลทองโร่ย และ นพปฎล เมฆเมฆา สองรองเลขาฯสคบ.ใครจะเข้าวินขั้วตำแหน่ง เลขาฯสคบ. ยุคอื้อฉาว คนแรกถูกเอกชนร้องว่า เรี่ยไรผิดระเบียบสำนักนายกฯ คนหลังถูกแอบอ้างใช้ชื่อไถเงินค่ายขายตรง แฉ จิรชัย โชว์วิสัยทัศน์วันสอบสัมภาษณ์ บอกกรรมการพูดปัญหาสคบ.3 ชั่วโมงก็ไม่พอ กรรมการท่านหนึ่งเหน็บเจ็บให้เวลา 15 นาทีแล้วแต่คุณจะสรุป ล่าสุด ปปช.ตรวจเอกสารร้อง

จิรชัย มีมูล เตรียมตั้งอนุกรรมการสอบเพิ่มสัปดาห์หน้า

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า การวิ่งเต้นตำแหน่งในแวดวงราชการไทยก็ยังมีอยู่ในทุกยุคทุกสมัย แม้แต่ในยุคของ นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งถูกสังคม และฝ่ายตรงข้ามตรวจเข้มทุกรูขุมขน ก็ยังมีข่าวในทำนองนี้ปะทุขึ้นให้เห็นอย่างต่อเนื่อง

คณะทำงานซึ่งเป็นทีมเลขาฯนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่งเปิดเผย ตลาดวิเคราะห์ ว่า เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาทางสำนักปลัดสำนักนายกฯได้ส่งเรื่องการแต่งตำแหน่งเลขาฯสคบ. เข้าครม. ในวาระจรแต่นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้สั่งเบรกไว้ก่อน พร้อมสั่งให้ทีมงานตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งเลขาฯสคบ.ให้ละเอียดถี่ถ้วน เนื่องจากท่านนายกฯได้ทราบข่าวมาว่า ขณะนี้มีระดับรองเลขาฯสคบ.ท่านหนึ่งกำลังเป็นข่าวอื้อฉาว ซึ่งถูกสื่อมวลชนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ขืนแต่งตั้งโดยที่ไม่มีการตรวจสอบให้ละเอียด อาจเป็นประเด็นให้ฝ่ายค้านนำมาโจมตีได้ เพราะมีเรื่องเกี่ยวกับการซื้อตำแหน่งดังกล่าวอยู่ด้วย

ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานจากที่ปรึกษานายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ท่านหนึ่งแจ้งว่า ก่อนหน้านี้มีรองเลขาฯสคบ.ท่านหนึ่งคอยวิ่งเต้นตำแหน่งดังกล่าว โดยผ่านทางเจ๊ผู้มีอิทธิพลคุมสส.ทางภาคเหนือของพรรคเพื่อไทย ได้โทรศัพท์ถึงนายวรวัจน์ให้พิจารณาคนของตนเองในตำแหน่งดังกล่าวด้วย เรื่องนี้ท่านรัฐมนตรีก็ไม่ค่อยสบายใจ เพราะบุคคลดังกล่าวถูกสื่อวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องไม่ชอบมาพากลอีกด้วย สื่อหลายฉบับยังรายงานไปในทิศทางเดียวกันว่า มีภาคเอกชนได้ทุ่มเงิน 20-30 ล้านบาท เพื่อผลักดันซื้อตำแหน่งดังกล่าวให้บุคคลผู้นี้ด้วย เรื่องนี้ท่านวรวัจน์ก็ไม่ค่อยสบายใจ

ผู้สื่อข่าวยังได้รับราย งานจากคณะกรรมการคัดเลือกท่านหนึ่งของสำนักปลัดสำนักนายกฯ ที่สอบสัมภาษณ์ผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งเลขาฯสคบ.คนใหม่ว่า เมื่อวันอังคารก่อนทางคณะกรรมการได้เชิญรองเลขาฯสคบ.ทั้ง 2 ท่าน คือ นายนพปฎล เมฆเมฆา และ นายจิรชัย มูลทองโร่ย เพื่อมาสัมภาษณ์แสดงวิสัยทัศน์ ให้เวลาคนละ 15 นาที ในการพูดถึงปัญหาสคบ. และวิธีทำงานต่อไปในอนาคต โดยให้แต่ละคนพูดแค่ 15 นาที นายจิรชัยแจ้งกับคณะกรรมการว่า ถ้าพูดถึงปัญหาสคบ. 3 ชั่วโมงก็ไม่พอ ประธานกรรมการตัดบทว่า คุณจะสรุปหรือสาธยายอย่างไรก็ได้เราให้เวลาแค่ 15 นาทีเท่านั้น

นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีประจำสำนายกรัฐมนตรี ในฐานะสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวการวิ่งเต้นซื้อตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ว่า เป็นการปล่อยข่าวของคู่แข่งขันกันเอง เป็นการเล่นเกมผ่านสื่อ วิธีการแบบนี้ถือว่าไม่ถูกต้อง เพราะต้องไปพิสูจน์กันที่ผลงานมากกว่า ขอยืนยันว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่เอาชื่อเสียงมาเสี่ยงกับเรื่องนี้แน่ โดยในส่วนของขั้นตอนการพิจารณาสรรหาเป็นหน้าที่ของสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยได้มีการสัมภาษณ์ ผู้สมัครแล้วทั้งหมด

ส่วนที่มีชื่อนายจิรชัย มูลทองโร่ย และนายนพปฎล เมฆเมฆา ที่เป็นแคนดิเดต รมต.สำนักนายกฯ นั้น นายวรวัจน์กล่าวว่า สำหรับตนแล้วก็เปิดโอกาสให้คนทั้งคู่ ซึ่งตนไม่ได้รู้จักใครมาก่อน และขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่เคยรับของกำนัลหรือรับเงินจากการวิ่งเต้น 20-30 ล้านบาทอย่างที่เป็นข่าว ไม่มีเรื่องเหล่านี้ทั้งสิ้น นายวรวัจน์กล่าว

ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ได้ดำเนินการสรรหาเลขาธิการ สคบ. เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และได้มีการเสนอชื่อ รองเลขาฯสคบ.ท่านหนึ่ง เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันอังคารที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา แต่ก็ได้ถอนวาระการพิจารณาออกไปก่อน โดยนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้รับรายงานว่า การแต่งตั้งครั้งนี้มีเรื่องไม่ชอบพากลเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย โดยเฉพาะเรื่องการรับผลประโยชน์ นายกรัฐมนตรีจึงมอบหมายให้ทีมเลขาฯตรวจสอบรายละเอียดในเรื่องนี้ว่ามีความเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน เพราะไม่ต้องการให้เป็นจุดอ่อน และเป็นประเด็นให้ฝ่ายค้านนำไปโจมตีในสภาฯ

สำหรับความไม่ชอบมาพากลในการสรรหาบุคคลขึ้นมารับตำแหน่งเลขาธิการ สคบ.คนใหม่นั้น มีกระแสข่าวออกมาก่อนหน้านี้ว่า มีความพยายามจากกลุ่มธุรกิจ ที่ต้องการจะส่งคนของตัวเองเข้ามาดำรงตำแหน่งดังกล่าว โดยยอมทุ่มเงินเพื่อแลกกับตำแหน่งเป็นจำนวนสูงถึง 20-30 ล้านบาท มอบให้กับผู้ที่สามารถจัดการจัดตัวบุคคลมาดำรงตำแหน่งดังกล่าวได้ เนื่องจากหากมีคนของตัวเองนั่งในตำแหน่งเลขาธิการ สคบ. จะช่วยอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจได้เป็นอย่างมาก

ผู้สื่อข่าว ตลาดวิเคราะห์ ได้รับรายงานจากกรรมการปปช.ท่านหนึ่งว่า ที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการเรี่ยไรเงินของนายจิรชัย มูลทองโร่ย รองเลขาฯสคบ. ว่าอาจเข้าข่ายไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น ทางเจ้าหน้าที่ปปช.ได้ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เอกสาร และข้อร้องเรียนมีมูล ในสัปดาห์หน้าจะได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเข้ามาตรวจสอบรายละเอียดอีกทีหนึ่งว่าเข้าข่ายความผิดอย่างไรบ้าง

อนึ่งในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2555 ที่ผ่านมา ทางสคบ.ได้ยื่นหนังสือถึงเลขาธิการ ปปช. ให้ตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลของนายจิรชัย มูลทองโร่ย รองเลขาฯสคบ. โดยการเรี่ยไรเงินอาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งมีเนื้อหาดังนี้

ด้วยสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้รับสำเนาหนังสือจากสมาคมพัฒนาการขาตรางไทย ลงวันที่ 4 กรกฎาคม 2555 ร้องเรียนเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค คือ นายจิรชัย มูลทองโร่ย ตำแหน่ง รองเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค กรณีใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบขอรับเงินบริจาคจากสมาคมฯ จำนวน 100,000 บาท โดยอ้างว่าจะนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงานวันคุ้มครองผู้บริโภค เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2555 ที่ผ่านมา

สำนักงานคณะกรรมการ ครองผู้บริโภค ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นพบว่า มีการขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ รัฐวิสาห กิจ และภาคเอกชน โดยปรากฏ ในการเบิกจ่ายสนับสนุนงบประมาณการจัดงาน วันคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2555 มีรายการสนับสนุนรวมทั้งสิ้น 11 ราย เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 850,000 บาท ซึ่งการขอรับบริจาค การนำเงินเข้าบัญชี และการเบิกจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่า กรณีร้องเรียนดังกล่าวเป็นการร้องเรียนข้าราชการผู้บริหารระดับต้นของสำนักงานฯ ฉะนั้น ทางสำนักงานฯ จึงขอนำส่งสำเนา และหนังสือร้องเรียนดังกล่าว มายังสำนักงาน ปปช.เพื่อโปรดดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ผู้สื่อข่าวยังได้รับเอกสาร จากสำนักงานปลัดสำนักนายกฯ ซึ่งเป็นคำชี้แจงของนายนพปฎล เมฆเมฆา รักษาการเลขาฯสคบ. ถึงปลัดสำนักนายฯ มีข้อความส่วนหนึ่งระบุชัดว่า 2.2 สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ไม่มีภารกิจ หรืออำนาจหน้าที่ตามกฎหมายที่จะรับบริจาคหรือเรี่ยไรเงินจากบุคคลอื่น ดังนั้น หากมีผู้บริจาคให้ สคบ. สคบ.จะต้องปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการรับเงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคให้ทางราชการ จะต้องเป็นไปตามข้อ 19 กล่าวคือ 1. เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และมีมติคณะรัฐมนตรีให้เรี่ยไรได้ 2. เป็นการเรี่ยไรที่รัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อช่วยเหลือผู้เสียหาย หรือบรรเทาความเสียหายที่เกิดจากสาธารณภัย หรือเหตุการณ์ใดที่สำคัญ 3. เป็นการเรี่ยไรเพื่อร่วมทำบุญเนื่องในโอกาสทอดผ้าพระกฐินพระราชทาน เป็นต้น


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.ตลาดวิเคราะห์ ฉบับที่326 ประจำวันที่16 - 31 สิงหาคม 2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น