ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555

บุกตลาดขายตรงอาเซียน อย่าประมาทจุดแข็ง มาเลย์


การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC ในปี 2558 ที่จะถึงนี้ถือเป็นประเด็นสำคัญที่มีผลต่อระบบเศรษฐกิจและการตลาด และเป็นโอกาสสำคัญทางธุรกิจและระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ไปในตัวด้วย เพราะวันนี้ประชากรในกลุ่ม AEC รวมแล้วมีไม่ต่ำกว่า 600 ล้านคนหรือคิดเป็นร้อยละ 10 ของประชากรทั้งโลก ประเทศสมาชิกที่มีประชากรมากที่สุด คือ อินโดนีเซีย มี 245 ล้านคน รองลงมา คือ ฟิลิปปินส์ 101 ล้านคน เวียดนาม 90 ล้านคน ไทย 66 ล้านคน พม่า 53 ล้านคน มาเลเซีย 28 ล้านคน กัมพูชา 14 ล้านคน สปป.ลาว 6 ล้านคน สิงคโปร์ 5 ล้านคน และ บรูไน 0.4 ล้านคน


ในจำนวน 10 ประเทศสมาชิกนี้ สิงคโปร์ และ บรูไน ถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีรายได้สูง กำลังซื้อสูงและมีรสนิยมสูงในการบริโภคสินค้าโดยเฉพาะแบรนด์เนมจากต่างประเทศ ขณะ มาเลเซีย นั้นถูกจัดในกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปากนลาง ถึงระดับสูง ผู้บริโภคส่วนใหญ่อยู่ใน วัยทำงาน กว่า 10 ล้านคน มีความสนใจใน เทคโนโลยี สารสนเทศ เป็นพิเศษและมีรสนิยมไม่แตกต่างจาก สิงคโปร์ และ บรูไน คือ ชอบใช้จ่าย ซื้อสินค้าแบรนด์เนมหรือสินค้านำเข้า


ส่วนประเทศที่มีสัดส่วนการใช้จ่าสยเพื่อการบริโภคสูงสุดเอเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือ GDP คือ ฟิลิปปินส์ คิดเป็นร้อยละ 74 เวียดนาม ร้อยละ 67 อินโดนีเซีย ร้อยละ 59 ไทย ร้อยละ 55 มาเลเซีย ร้อยละ 50 และสิงคโปร์ ร้อยละ 41 ซึ่งในกลุ่มประเทศ สมาชิก AEC นี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า มาเลเซีย คือ 1 ใน 10 ประเทศที่น่าจับตามองในการประกอบธุรกิจเครือข่ายขายตรง


ศก.โต-กำลังซื้อสูง จุดแข็ง ขายตรงมาเลย์ บูม


จะว่าไปแล้ว ธุรกิจขายตรง ในทัศนคติของ ชาวมาเลเซีย แล้ว ค่อนข้างเป็นบวกต่ออาชีพนี้อาจด้วยเพราะช่วงเกิดภาวะวิกฤตเศรษฐกิจโลกส่งผลให้ ชาวมาเลเซีย มีอัตราการว่างงานที่สูงเพิ่มขึ้นจากเดิม อาชีพ ธุรกิจขายตรง เลยกลายเป็นอาชีพเสริมที่สร้างรายได้มากเป็นกอบเป็นกำให้กับ ชาวมาเลเซีย และได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งข้อมูลล่าสุดของ ยูนิลีเวอร อาวียองซ์ มาเลเซีย ระบุไว้ว่ามี ชาวมาเลเซีย หลั่งไหลเข้าสู่อาชีพนี้แล้วไม่ต่ำกว่า 4 ล้านคน มีมูลค่าตลาดรวมขายตรงประมาณ 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ


ขณะ สมาพันธ์สมาคมการขายตรงโลก หรือ WFDSA ได้บันทึกประวัติศาสตร์ให้ ขายตรงมาเลเซีย ตติดยอดขายดันดับ 15 ของโลกและอันดับ 5 ในภูมิภาคเอเชีย เมื่อรวมปัจจัยบวกจากบทวิเคราะห์ของ The Economist Intelligence Unit (EIU) ที่ได้ประเมินภาวะ เศรษฐกิจของ มาเลเซีย ไว้ได้อย่างน่าสนใจว่า ในปี 2555 จะมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4 เป็นร้อยละ 6 ในปี 2559 โดยให้เหตุผลว่าเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูงมีรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีในปี 2554 สูงถึง 9,250 ดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับไทยอยู่ที่ 5,110 ดอลลาร์สหรัฐ


นอกจากนี้รัฐบาลมาเลเซียยังมีแผนเพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีเป็น 15,000 ดอลลาร์สหรัฐเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วภายในปี 2563 ให้ได้ ขณะข้อมูลของ สมาคมการขายตรงมาเลเซีย (Direct Selling Association of Malaysia : DSAM) ปี 2554 ที่พบว่า ธุรกิจขายตรงในมาเลเซียมียอดขายรวมประมาณ 4,500 ล้านริงกิตมาเลเซียหรือ ประมาณ 45,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 35 เมื่อเทียบกัยปี 2552 ที่มียอดขายเพียง 3,320 ล้านริงกิตหรือประมาณ 33,200 ล้านบาท และประมาณร้อยละ 70 ของยอดขายทั้งหมดก็มาจาก 56 บริษัทขายตรงของสมาชิกสมาคมฯ


ฉะนั้นการขยายธุรกิจใน มาเลเซีย ก่อนเปิด AEC ปี 2558 จึงนับเป็นโอกาสที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ขยายตลาดได้อีกมหาศาล


ไม่ประมาทบนกลยุทธ์การตลาดช่วยให้เป็นต่อได้


ที่ผ่านมาตลาดขายตรงมาเลเซียมีหลายบริษัททั้งที่ประสบความสำเร็จและไม่ประสบความสำเร็จบางรายอาทิ ดีเอ็กซ์เอ็น โฮลดิ้งส์ บีเอชดี บริษัทขายตรงอาหารเครื่องดื่มและอาหารเสริมรายใหญ่ของมาเลเซียมียอดขายที่ลดลงมองว่า มาจากตลาดอิ่มตัวก็เบนเข็มไปขยายธุรกิจในประเทศอื่นแทน


ขณะบริษัทขายตรงยักษ์ใหญ๋ของโลก แอมเวย์ (มาเลเซีย) โฮลดิ้งส์ บีเอชดี ที่ออก ผลิตภัณฑ์ใหม่กลุ่มบำรุงผิว และ เครื่องสำอาง มาเพิ่มยอดขายปรากฏว่าผล ประกอบการออกมาประสบความสำเร็จล้นเหลือ อย่างบริษัท โททัลไลฟ์ (มาเลเซีย) เอสดีเอ็น บีเอชดี ในเครือโททัลไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จาก ไต้หวัน มองเห็นโอกาสของ ตลาดขายตรงมาเลเซีย ว่ายังมีช่องว่างที่จะเติบโตได้อีกมากหารพัฒนาสินค้าให้เหมาะกับตลาดเฉพาะกลุ่ม (นิช มาร์เก็ต) แต่ต้องศึกษาและทำความเข้าใจสภาพตลาดซึ่ง จะช่วยให้ต่อยอดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ดียิ่งขึ้นไปได้


นอกจากนี้ยังมี อาวียองซ์ อินเตอร์ เนชั่นแนล ธุรกิจขายตรงสัญชาติอังกฤษ เปิดตัว ยูนิลีเวอร์ อาวียองซ์ มาเลเซีย อย่างเป็นทางการไปแล้วโดยเปิดตัวปีแรกมีประชาชนหลั่งไหลเข้าร่วมเป็นสมาชิกกว่า 20,000 รหัสซึ่งในทางการตลาดแล้ว ยูนิลีเวอร์ อาวียองซ์ มาเลเซีย นับว่าประสบความสำเร็จ สามารถอ่านใจ ชาวมาเลเซีย ได้ถูกจุดที่นอกจากนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับความงามและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวมาเลเซียได้แล้วยังเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของประชากรที่นี่


ซึ่งจากข้อมูลสำรวจของ มาสเตอร์ การ์ด พบว่า ชาวมาเลเซียกว่า ร้อยละ 50 นิยมซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ ยูนิลีเวอร์ อาวียองซ์ มาเลเซีย ก็ได้พัฒนาระบบเทคโนโลยีออกมาให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคมาเลเซีย


อย่างไรก็ตามบนกลยุทธ์ทางการตลาดทุกอย่างก้าวต้องไม่ประมาท เนื่องจากเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีอินเตอร์เน็ตมาช่วยให้ ผู้บริโภครับรู้ข้อมูลเร็วขึ้น มีข้อมูลเกี่ยวกับคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์มากขึ้นจากในเว็บไซต์ และสามารถเปรียบเทียบและตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ได้ด้วยตนเองได้ ฉะนั้น ธุรกิจขายตรง ที่สนใจเข้ามาก็จะต้องปรับตัวปรับกลยุทธ์ให้ทันและตอบสนองของความต้องการของลูกค้าให้ได้รวดเร็ว สามารถวิ่งตามกระแส Demand ได้ทันเพื่อเป็นต่อในธุรกิจต่อไปพร้อมๆ กับเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมผลักดันยอดขายปี 2558 ให้ได้ 10,000 ล้านริงกิตมาเลเซียหรือประมาณ 100,000 ล้านบาท ตามเป้าที่ทางกระทรวงการค้าภายในประเทศและคุ้มครองงผู้บริโภค ของมาเลเซียได้ออกมาประกาศไว้


การประกอบธุรกิจขายตงในมาเลเซียด้วยกลยุทธ์ White Ocean เพื่อหลอมจิตใจนักธุรกิจขายตรงให้มีจรรยาบรรณและธรรมาภิบาล ในการประกอบธุรกิจควบคู่ไปกับกลยุทธ์ทางการตลาดแบบ Blue Ocean ด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ สร้างมูลค่าและความแตกต่างแทนการแข่งขันอย่างดุเดือดเลือดพล่านหรือที่เรียกว่า Red Ocean จะช่วยสร้างโอกาสให้ธุรกิจขายตรงประสบความสำเร็จและยั่งยืนในต่างแดนใต้


ปัจจุบันรัฐบาลมาเลเซียได้ประกาศใช้ พ.ร.บ. ขายตรง ฉบับใหม่ที่มีความเข้มงวดมากกว่าเดิมโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำกับดูแลธุรกิจให้ธุรกิจมีความโปร่งใสและเป็นมาตรฐานสากล รวมถึงส่งเสริมธุรกิจขายตรงภายในประเทศให้เติบโตอย่างมีคุณภาพในอนาคต และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน


สำหรับเคล็ดลับที่ ธุรกิจขายตรง จะต้องศึกษาให้เข้าใจถ่องแท้ก่อนดำเนินกิจการอาทิ เรื่องของคำนิยามทีททางการมาเลเซียได้เพิ่มเข้าไปเพื่อให้เห็นความแตกต่างของคำว่า MLM หรือ ปิระมิด และหากไม่ปฏิบัติตามกฏหมายทั้ง บริษัท และ นักธุรกิจขายตรง จะถูกดำเนินคดีหนักขึ้นจากกฏหมายเดิมคือ เพิ่มโทษปรับ เมื่อให้ระบบ ปิระมิด หลอกลวงประชาชน หากเป็น นักธุรกิจขายตรง มีวงเงินค่าปรับเพิ่มขึ้นจากเดิมอยู่ที่ 250,000 ริงกิตมาเลเวีย หรือ ประมาณ 2,500,000 บาท สูงสุดเป็น 1 ล้านริงกิตมาเลเซียหรือประมาณ 10 ล้านบาท คิดเป็น 4 เท่าเลยทีเดียว หรืออาจถูก จำคุก ไม่เกิด 5 ปีหรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วน บริษัทขายตรง มีโทษหนักมากกว่า นักธุรกิจขายตรง โดยเพิ่มวงเงินค่าปรับเป็น 5 ล้านริงกิตมาเลเซียหรือประมาณ 50 ล้านบาท) สูงกว่าวงเงินปัจจุบันที่ปรับสูงสุดไม่เกิน 500,000 ริงกิตมาเลเซีย หรือประมาณ 5 ล้านบาท หรือคิดเป็น 10 เท่าไม่เพียงเท่านี้ กฏหมายได้เปิดช่องให้ทางการมาเลเซียสามารถยึดทรัพย์สินที่ได้จากการดำเนินธุรกิจที่ผิดกฏหมาย แม้จะมีการโยกย้ายถ่ายโอนทรัพย์สินไปอยู่ในบัญชีของบุคคลอื่นก็ตาม


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:นสพ.ธุรกิจเครือข่ายขายตรง ฉบับที่ 234 ปักษ์หลัง ประจำวันที่ 16-31 สิงหาคม 2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น