ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สัมภาษณ์ (Exclusive Interview) : ดร.ดอร่า ฮอน กับ Best World International Ltd. และ Best World Lifestyle


จุดประสงค์ของบริษัทคืออยากเป็นเวทีที่เปิดโอกาสสำหรับ ทุกคนได้มาโชว์ผลงาน โชว์ความสามารถของตัวเอง และอยาก ให้ bwL เป็นครอบครัวที่จะดูแลคนให้มีชีวิตที่ดีขึ้น โดยมี เป้าหมายเป็นบริษัทที่ดีที่สุดในโลก


แม้ bwLจะเป็นบริษัทที่ได้เข้ามาดำเนินธุรกิจขายตรงในประเทศไทยนานกว่า 5 ปีแล้ว และมี สาขามากกว่า 11 สาขา และมีผู้แทนจำหน่าย 23 ประเทศทั่วโลก แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักในวงการขายตรง เมืองไทยเท่าที่ควร ดังนั้น เพื่อเป็นการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ดร.ดอร่า ฮอน ผู้อำนวยการ บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Best World International Ltd. และ Best World Lifestyle ได้ให้สัมภาษณ์ถึงทิศทางการบริหารงานและการรุกตลาดเมืองไทย


นโยบายการรุกตลาดในไทย
เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้แบรนด์ บริษัทได้เปิดตัวงานคอนเวนชั่นครั้งใหญ่ ณ อิมแพ็ค เมืองทอง- ธานี ที่จะมีการจัดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ตามปกติงานนี้จะจัดที่สิงคโปร์ ปีนี้ได้จัดที่ไต้หวัน และปีหน้า จะจัดที่ไทย ส่วนสาเหตุที่เลือกประเทศไทย เพราะบริษัทมีสาขาในประเทศต่างๆ และการไปจัดงานตาม ประเทศต่างๆ ที่มีสาขาอยู่นั้น เพื่อเป็นการพาสมาชิกที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจร่วมแบ่งปัน ประสบการณ์ แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม รวมไปถึงเป็นการพาสมาชิกไปท่องเที่ยวต่างประเทศ


อีกทั้งเพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายในประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมาที่ได้จัดงานในไต้หวันนั้น ทำให้ ยอดขายในประเทศไต้หวันมีอัตราที่สูงขึ้น และบริษัทหวังว่าในประเทศไทยก็จะเป็นเช่นนั้นเช่นกัน และ คาดว่างานคอนเวนชั่นในประเทศไทยจะมีสมาชิกจากต่างประเทศเข้าร่วมประมาณ 800 คน เป็นสมาชิก ประเทศไทยประมาณ 500 คน


สำหรับการมาประเทศไทยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 2 ด้าน เพื่อดูสถานที่ ที่จะใช้ในการจัดงาน คอนเวนชั่นใหญ่ของบริษัทในประเทศไทยที่จะจัดขึ้นในปี 2555 และเพื่อที่จะมาให้ความรู้ในการอบรม หลักสูตรต่างๆ ให้แก่ผู้นำ ซึ่งในประเด็นหลังสุด ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะการเข้าไปให้ความรู้แก่ ผู้นำนั้น เพื่อเป็นการช่วยในการกำหนดเป้าหมายให้แก่ผู้นำ และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้สำหรับ 5 ปีข้างหน้า ที่ตั้งเป้าว่าจะมีอัตราการเติบโต 35% ในทุกๆ ปี และมียอดขาย 1,000 ล้านบาท จากปัจจุบัน มีอัตราการเติบโตที่ 25% หรือคิดเป็นยอดขาย 240 ล้านบาท อีกทั้งในประเทศไทยบริษัทมีเป้าหมาย ในปี 2020 จะก้าวเป็นบริษัทที่มียอดขายติดอันดับ 1 ใน 10 ของบริษัทขายตรงประเทศไทย ซึ่งปัจจุบัน อยู่ในอันดับที่ 30


เหตุผลที่สนใจตลาดในไทย
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความสำเร็จในเรื่องของตลาดขายตรงสูง และมูลค่าตลาดรวมสูงมาก ซึ่งดูได้จากตารางการจัดอันดับของตลาดขายตรง ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 15 ซึ่งอยู่ในอันดับที่ดีกว่า ประเทศอินโดนีเซีย อีกทั้งประเทศไทยมีจำนวนของผู้แทนจำหน่ายที่มากถึง 15.6 ล้านคน เทียบเท่ากับ จำนวนผู้แทนจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกาที่เป็นประเทศที่มียอดขายของตลาดขายตรงเป็นอันดับ 1 ของโลก


วางกลยุทธ์ในไทยอย่างไร
ในการเข้าไปทำการตลาดของบริษัทในแต่ละประเทศ บริษัทจะให้กลยุทธ์ที่คล้ายคลึงกัน คือ การนำสินค้าที่ดีมีคุณภาพเข้าไปเปิดตลาด บวกกับแผนการแบ่งจ่ายรายได้ที่ดี ซึ่งจะแตกต่างจากที่อื่น ที่นำแผนของการแบ่งจ่ายรายในได้ไปทำการตลาดเพื่อดึงดูดสมาชิก เพราะบริษัทมีความเชื่อมั่นว่า เมื่อ เรามีสินค้าดีมีคุณภาพจะทำให้ผู้ที่ใช้สินค้าติดใจแล้วกลับมาซื้อใหม่และในที่สุดก็จะกลายเป็นสมาชิก


ทั้งนี้ ในประเทศไทย บริษัทเปิดตัวสินค้ากลุ่มสกินแคร์ในการบุกตลาด ซึ่งเป็นสินค้าที่มีคุณภาพสูง จึงสามารถดึงตัวแทนจำหน่ายที่เป็นผู้หญิงที่มีรายได้ในระดับกลางจนถึงสูงเข้ามาเป็นตัวแทนจำหน่ายได้เป็น จำนวนมาก และเป็นความพิเศษของไทยที่แตกต่างจากที่อื่น คือ จะมีสมาชิกที่เป็นผู้ชายมากกว่า หรือ คิดเป็นสัดส่วนสมาชิกผู้ชายมากถึง 35% ซึ่งนับเป็นจุดแข็งของบริษัท สำหรับในไทยตอนนี้ได้ทำตลาด แค่ในกรุงเทพฯ ซึ่งในตลาดต่างจังหวัดยังไม่ได้ปิดตลาด จึงยังมีช่องว่างที่จะเติบโตขึ้นได้อีกมาก


แผนการเปิดตัวสินค้าใหม่
บริษัทมีแผนที่จะขยายกลุ่มผู้บริโภคให้หลากหลายขึ้น จากปกติผู้บริโภคจะเป็นกลุ่มคนระดับ กลาง-สูง แต่หลังจากนี้บริษัทจะปรับระดับผู้บริโภคในส่วนของผู้บริโภคระดับกลาง ให้สามารถซื้อสินค้าได้ ด้วยการเพิ่มรายการสินค้าให้มีหลากหลายกลุ่ม หลายรายการเพิ่มขึ้น


การเพิ่มรายการสินค้าเข้ามานี้ จะเป็นการช่วยให้มีกลุ่มตัวแทนจำหน่ายที่เป็นกลุ่มของผู้ชาย เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการสร้างจุดแข็งให้กับบริษัท ซึ่งแต่ก่อนบริษัทจะมีสินค้าเฉพาะกลุ่มสกินแคร์ แต่ หลังจากนี้บริษัทจะทำตลาดของกลุ่มเสริมอาหารมากขึ้น และขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการขออนุญาตจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อีกประมาณ 10 รายการ และในอนาคตอันใกล้นี้ จะมีการ เปิดตัวสินค้าใหม่ออกสู่ตลาด 1 รายการ ล่าสุดได้ออกเสริมอาหารไปแล้ว 1 รายการ และได้รับผลตอบรับ ดีมาก ซึ่งในประเทศเกาหลีได้เริ่มทำตลาดของสินค้าตัวนี้ไปแล้ว สามารถสร้างยอดขายได้ 30,000 กล่อง ต่อเดือน คิดเป็นรายได้ 200 ล้านเหรียญสิงคโปร์ต่อเดือน ซึ่งในการทำตลาดในเดือนแรกมียอดขายแค่ 100 กล่อง และมีความเชื่อมั่นว่าในประเทศไทยสินค้าตัวนี้จะสามารถทำรายได้เป็นอย่างดีเช่นกัน


นอกจากนี้บริษัทยังได้นำระบบการ วันโค้ด วันเวิลด์ มาใช้ในการทำงาน คือ เมื่อเปิดรหัสแล้ว สมาชิกจะสามารถใช้รหัสนี้ทำงานได้ทุกที่ทั่วโลก รวมถึงสามารถนับยอดรวมและนับคะแนนรวมได้ใน โค้ดเดียว ซึ่งส่วนมากบริษัทขายตรงในประเทศไทยยังไม่มีระบบนี้ เท่ากับว่าสมาชิกสามารถทำตลาดได้ ทุกที่ทั่วโลก และการที่บริษัทเป็นบริษัทขายตรงบริษัทเดียวในสิงคโปร์ที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ได้นั้น แสดงให้ เห็นว่าบริษัทมีความมั่นคงที่สูง และคนที่มาทำธุรกิจ คือ กลุ่มคนที่ต้องการสินค้าที่ดีและสามารถทำรายได้ ต่างจากที่อื่น


ความสำเร็จในประเทศต่างๆ
bwL เป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศที่ค่อนข้าง- ยากในการทำตลาดขายตรง แต่บริษัทสามารถที่จะทำตลาดได้และอยู่มานานถึง 22 ปี ในประเทศดังกล่าว อีกทั้ง bwLเป็นเพียงบริษัทขายตรงเพียงบริษัทเดียวที่สามารถอยู่ในตลาดหลักทรัพย์และเป็นหนึ่งในบริษัท ขายตรงสัญชาติเอเชียที่สามารถเข้าไปอยู่ในระดับนานาชาติได้ทั่วโลก ปัจจุบันบริษัทที่มีสาขาอยู่ทั่วเอเชีย ถึง 11 สาขา และมีผู้แทนจำหน่ายอยู่ทั่วโลกมากถึง 23 ประเทศ โดยมีตลาดหลักที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีจำนวนสาขาที่เปิดให้บริการเกือบทุกประเทศ ยกเว้นที่ สปป.ลาว และกัมพูชา แต่จะมีผู้แทนจำหน่ายอยู่ แทน และในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา บริษัทเริ่มขยายตลาดในเอเชียมากขึ้น โดยเริ่มไปที่จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น และ เกาหลี ประมาณเฉลี่ย 1 ปีต่อ 1 ประเทศ ส่วนสาเหตุที่ทำให้บริษัทก้า วขึ้นสนู่ านาชาติได้นั้น เนื่องจากบริษัท มีสินค้าที่เป็นแบรนด์อินเตอร์ และเป็นบริษัทที่มีสัญชาติเอเชีย มีวิสัยทัศน์และวัฒนธรรมต่างๆ ที่กลมกลืน กับคนเอเชียจึงทำให้เมื่อเข้าไปทำตลาดในประเทศต่างๆ ทำให้ได้รับการตอบรับค่อนข้างดี


ในส่วนของรายได้ของบริษัทในแต่ละปีโดยรวมจะมีรายได้ไม่เหมือนกัน โดยครึ่งแรกของปี ประเทศ เกาหลี สิงคโปร์ และไต้หวัน มีอัตราการเติบโตรวมกันถึง 54% ขณะที่ประเทศจีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย และ ไทย มียอดขายใกล้เคียงกันคือมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 8-10%


แผนขยายสาขาไปประเทศต่างๆ
สาขาต่างประเทศที่จะเปิดต่อไป คือ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าจะเปิดได้ในปี 2014 ซึ่งเป็นไปตาม นโยบายที่จะเปิดสาขาปีละ 1 แห่ง โดยที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดสาขาไปแล้ว 2 สาขา ที่ ฟิลิปปินส์ และเกาหลีใต้ ในการเข้าไปในแต่ละประเทศจะเข้าไปในลักษณะที่คล้ายๆ กัน คือ นำสินค้ากลุ่มที่มีคุณภาพดีใน การบุกตลาด พร้อมกับการพัฒนาตัวแทนจำหน่ายให้มีความรู้ความสามารถ ร่วมไปกับการมีรายได้ที่ดี ผ่านการอบรมสัมมนาในหลักสูตรต่างๆ ที่บริษัทได้เตรียมไว้สำหรับสมาชิก ภายใต้จุดประสงค์ของบริษัท คือ อยากเป็นเวทีที่เปิดโอกาสสำหรับทุกคนได้มาโชว์ผลงาน โชว์ความสามารถของตัวเอง และอยากให้ BWL เป็นครอบครัวที่จะดูแลคนให้มีชีวิตที่ดีขึ้น โดยมีเป้าหมายเป็นบริษัทที่ดีที่สุดในโลก


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ เดอะ พาวเวอร์ เน็ตเวิร์ค ฉบับที่ 204 วันที่ 1-15 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น