ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ข่าวคังเซน-เคนโก (Kangzen-Kenko) : เส้นทางเงินล้านสัมผัสใกล้แค่เอื้อม "มุฑิตา ดิฐไกรกุล" & "พีรศักดิ์ เรืองจิต"


2 ผู้นำเงินล้านที่ต้องบันทึกลงใน คอลัมน์ : คลับเงินล้าน ภายใต้รอบรั้ว บริษัท คังเซน - เคนโก อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และต้องบันทึกลงหน้าประวัติศาสตร์วงการขายตรงไทยอีกครั้ง กับสาวสวยอารมณ์ดี...ไก่ - มุฑิตา ดิฐไกรกุล และหนุ่มนักสู้ ผู้ไม่ท้อต่อโชคชะตา แป๊ก- พีรศักดิ์ เรืองจิต
...เส้นทางขายตรงที่เดินเข้ามาสัมผัส เป็นเส้นทางใหม่ที่ลิขิตชีวิตครอบครัวใหญ่...ไก่ - มุฑิตา ดิฐไกรกุล มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ซึ่งก่อนที่จะมาบรรจบที่เส้นทางขายตรง ไก่ - มุทิตา เป็นวิสัญญีพยาบาล ในโรงพยาบาลจังหวัดนครราชสีมา ถือว่าเป็นอาชีพที่ดีและเหมาะที่สุด เพราะไม่ว่าเราจะทำอาชีพอะไร ก็ถือว่าดีไปหมด แต่มันยังไม่ใช่อุดมการณ์ของเรา ซึ่งนอกจากอุดมการณ์แล้วเรามีอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเดินไปไม่ถึงฝั่งฝัน...
นั่นคือ เรื่องเศรษฐกิจของครอบครัว เพราะต้องดูแลปากท้องของพี่น้อง นอกเหนือจากการดูแลครอบครัวตัวเอง ทั้งสามีที่รับราชการครูและลูก ๆ ที่ต้องดูแลด้วย ที่สำคัญเธอเป็นข้าราชการคนเดียวของตระกูล เธอจึงเป็นความหวังเดียวที่พี่น้องทุกคนอยากจะฝากผีฝากไข้ และเธอเป็นลูกคนกลางไม่ใช่คนโต มุฑิตา ย้อนถึงประวัติของครอบครัว กับการใช้ชีวิตที่โลดโผน

ลูก ๆ ทั้ง 2 คน ชาย - หญิง ก็อยากจะมีชีวิตที่ดีให้มากกว่านี้ แต่เม็ดเงินในกระเป๋าไม่เป็นใจ ถ้ามีลูกเยอะก็ต้องมีค่าใช้จ่ายสูง เพราะนอกจากต้องเลี้ยงดูลูกแล้ว ยังต้องดูแลพี่น้อง 5 - 6 คน ในตระกูลด้วย

เพราะวัฒนธรรมของคนไทย สอนให้อาชีพราชการเป็นที่พึ่งของครอบครัว หากใครขัดสน เราก็ต้องช่วยเหลือ...
เมื่อชีวิตถูกกำหนดให้เดินบนภาระกองใหญ่ ที่วางกองไว้ตรงหน้า...ชีวิต มุฑิตา ต้องดิ้นถึงขีดสุด เพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์ เพื่อหล่อเลี้ยงทุก ๆ ชีวิต
เพราะฉะนั้นคำว่า เครดิต และใบวิสัญญีพยาบาล คือ ทางออกที่ดีที่สุด เพื่อเป็นเกณฑ์ในการกู้ยืมเงินธนาคาร มาหมุนเป็นสภาพคล่อง เธอก็กล้าทำทุกรูปแบบ เพราะคิดว่า มุฑิตา มีปัญญาหามาใช้ได้...ด้วยการใช้ความขยันเข้าแลก

อาชีพเสริมทุกชนิด...จึงประดาเข้ามาในสมอง เพื่อทำเป็นอาชีพเสริม ทั้งขายเพชร พลอย จิวเวลรี่ต่าง ๆ โดยใช้คุณวุฒิพยาบาลเป็นใบเบิกทางเชื่อหรือไม่ เธอสามารถใช้ใบข้าราชการซี 7 วิสัญญีพยาบาลนำร่อง เป็นใบสินเชื่อ ใบเบิกทาง เพื่อจะนำเพชร พลอยมาขาย จากจังหวัดจันทบุรี ขนมาเป็นเงินนับเป็นล้าน ๆ บาทต่อรอบ เพราะการไปเอาเพชร - พลอยจากจันบุรีมาขาย สมัยก่อนเขาจะถามก่อนเลยว่า...มีโฉนดที่ดินมาจำนองไหม.. ถ้าประกันที่ดินไว้ จึงจะปล่อยของมาให้ขาย ณ ตอนนั้น มุฑิตา บอกเลยว่า...ไม่มีอะไรซักอย่าง เพราะว่าทรัพย์สินโดนยึดหมดแล้ว มีแค่บัตรข้าราชการใบเดียว เป็นใบนำร่อง แต่เธอภูมิใจมาก เพราะเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต สำหรับบัตรข้าราชการซี 7

ทันทีที่เห็นใบข้าราชการการันตีความเชื่อมั่น...มุฑิตา ก็สามารถหยิบโน่นเลือกนี่ ทิ้งอันนี้ แต่เอาอันนั้น หยิบอย่างเมามันมือ เข้าออกร้านโน้นแวะร้านนี้ เสมือนเศรษฐีนีเลือกซื้อเพชร - พลอย กว่าจะรู้ตัวอีกที...ก็เกิดอาการหนาวสั่น เพราะของหยิบมาทั้งหมดมันเป็นเงินกี่ล้านบาท...ก็ไม่รู้ และถ้าทำหายระหว่างทาง ตายลูกเดียว ในใจแอบคิดอยู่อย่างนั้น แต่ไม่กล้าปริปากพูด
เพราะเราจับเสือมือเปล่า...ส่วนทรัพย์ที่ติดตัวกลับมานั้น คุณค่าเกินคณานับยิ่งนัก
ขณะที่ตัวเธอเองยังมึนงงอยู่ และยังไม่ค่อยกล้ามั่นใจ ว่าทำไมเขาถึงกล้าให้เครดิตเราขนาดนี้..
แต่เธอมีความดีอยู่ในตัว ที่คนอื่นมองเห็น และเธอมักเปรยอยู่บ่อย ๆ ว่า การใช้ชีวิตไม่ให้ตกทุกข์ได้ยาก จำต้องพกพาคาถาประจำใจ นั่นคือ...เพราะความรู้ไม่สูงมากแต่ว่าความสามารถสูงเราจึงมีความพยายามสูงก็เลยต้องใช้ความสามารถในการหารายได้เพราะการจะมองเห็นโอกาสของรายได้จากอาชีพที่สองเราต้องมีความมั่นคงทางจิตใจ เมื่อ วิ่ง สู้ ฟัด กับอาชีพเสริม พ่วงงานประจำหลัก ก็ทำให้ต้นตระกูลมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมาก ๆ ทุก ๆ สิ้นเดือนก็จะเห็นรอยยิ้มเปื้อนจากใบหน้าทุกคนในครอบครัว เพราะแม้เงินข้าราชการจะถูกหักรอนไปไม่เหลือเศษเงินให้ติดก้นกระเป๋า แต่เธอยังมีเม็ดเงินจากอาชีพเสริมเข้ามาจุนเจือ

...และอาชีพเสริมที่ว่านี้แหละ ทำรายได้ให้กับชีวิตเธอเป็นกอบเป็นกำกว่า 200,000 - 300,000 บาท/เดือน นาทีนั้น เธอคิดเพียงอย่างเดียว เราต้องรวยกับการขายเพชร - พลอยแน่ ๆ

เสมือนสายฟ้าฟาดลงกลางใจ เมื่อปี 2540 ชีวิตที่กำลังล่องลอยอยู่กับความร่ำรวย ก็หล่นตุ๊บตกลงมาจากสวรรค์ทันที...เมื่อเกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง ลามมาเป็นต้มยำจิวเวลรี่ 10 ปี ที่ใฝ่ฝันกับชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ กลับต้องพังลงในพริบตา
เหมือนฟ้าสั่ง หรือ สวรรค์แกล้ง...ก็ไม่มีคำเปรียบเปรยใดมาเทียบกับอาการบาดเจ็บทางธุรกิจได้
ากเงินทองที่เคยซื้อบ้าน ซื้อที่ดิน ซื้อรถ และเงินสดที่พกติดตัวอีกหลายล้าน เพราะไม่ชอบเอาไปฝากธนาคาร เธอจะเก็บเงินสดไว้ในกระเป๋าและเวลาไปทำงาน ก็จะซ่อนไว้ในล็อกเกอร์...ที่ ๆ เธอคิดว่าปลอดภัยเป็นที่สุด เพราะเธอสามารถหยิบใช้ได้ง่าย ๆ ทรัพย์ทุกอย่างจึงถูกเนรมิตด้วยเงินสด และไม่ใช้เงินเชื่ออีกต่อไป

แต่เมื่อฟ้าไม่เป็นใจ...กับการเดินบนเส้นทางเศรษฐี...ทรัพย์ทุกอย่างที่ มุฑิตา เคยสะสม จึงถูกแปลงเป็นเงินสดอีกครั้ง เพื่อนำมาจ่ายหนี้...บ้าน รถ ที่ดิน เรียกว่า ทุก ๆ อย่างที่เป็นทรัพย์ ถูกแปรเปลี่ยนให้เป็นเงิน เพื่อนำมาจ่ายหนี้

จนในที่สุด...ก็พยุงไม่อยู่ ปล่อยให้เลยตามเลย ท่องคาถาเพียงอย่างเดียว ไม่มี ไม่หนี และก็ไม่จ่าย เหมือนกับว่า เราเอาปัญหานั้นฝังดิน แล้วก็เอาซีเมนต์กลบทับ...

หนักสุดก็มีหมายศาลมาถึงบ้าน ก็ได้แต่อ่านแค่นั้น เพราะไม่รู้จะทำอย่างไร ถึงจะสนใจก็ทำอะไรไม่ได้ จากดอกเบี้ยร้อยละ 8 ที่ต้องชำระตามกฎหมาย ดอกขยับสูงถึงร้อยละ 18...ก็ยังไม่มีจ่ายอยู่ดี เธอเล่าให้ฟังอย่างอารมณ์ดี เมื่อย้อนอดีตไปสู่วันวาน
ตอนนั้น มุฑิตา ได้แต่นั่งทำใจ และบอกกับตัวเองว่า มันเป็นลิขิตตัวเอง ถ้าเราไม่โง่ซะอย่าง อะไรมันก็ผ่านไปได้
...เธอจึงไม่เคยโทษตัวเอง ไม่เคยโทษเวรกรรม แต่ก็แอบโทษสามี (นิดนึง) เพราะเอาที่ดินไปให้คนอื่นยืมจำนองเป็นล้าน เธอก็บ่นทุกครั้งที่เจอหน้าสามี จนต้องออกคำสั่ง จากนี้ไปถ้าจะคบใคร เอามาให้ฉันดูหน้าก่อน

ทั้ง ๆ ที่ใจก็แอบสงสาร ฝั่งสามีแกก็ฟังแล้วก็ไม่กล้าคบใครจริง ๆ เพราะเขาเป็นคนใจอ่อน ใครมายืมตังค์ก็แอบให้หมด
ดังนั้น เมื่อเธอมีหนี้ได้ ก็ต้องหามาใช้ได้เหมือนกัน...ถึงแม้ใจจะแกร่งดั่งหินผา เมื่อเจอปัญหามาก และสารพัดสารพันมารุมเร้า จิตที่เคยเข้มแข็งดี ก็เริ่มจิตตก จนต้องเข้าวัดหันหน้าพึ่งธรรมะ จนพระอาจารย์ร้องทักว่า... โชคดีนะหนูที่เกิดมาเป็นคนจนเพราะคนรวยส่วนใหญ่เขามองไม่เห็นธรรมคนจนเขามองเห็นธรรมเพราะฉะนั้นโชคดีแล้วที่เกิดมาเป็นคนจน ได้ยินคำนั้น มุฑิตา กลับไม่รู้สึก จน อีกในชีวิต และเริ่มมองหาหนทางใหม่ ก็เพราะ จิต เราร่ำรวยแล้ว และหัวใจมันคอนเฟิร์ม ด้วยคำว่า สู้ หนทางเส้นใหม่จึงเริ่มเปิดประตูรับ...เข้าสู่บ้านขายตรงหลังใหม่ หลังที่ไม่เคยเหยียบย่ำและพานพบ...เมื่อมีโอกาสได้รู้จักกับ อ.สเวก ภูมรินทร์ ที่เป็นอัพไลน์เชิญเราไปทานอาหารเย็น เพื่อเลี้ยงส่งอำลาขอออกมาทำ คังเซน และพูดถึงไวน์สมุนไพร พูดถึงสรรพคุณของสินค้าแต่ละตัว จนจบเรียบร้อย เธอก็พูดขึ้นมาทันที ว่า ...พี่ขวดหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่มีเงินร่อยหรอ แต่ก็ขอสมัครเป็นสมาชิกด้วยคน

เมื่อได้สินค้ามาขวดหนึ่ง ทานสินค้าไปจนถึง 10 วัน รอบเดือนก็มาไม่รู้ตัว จากที่เคยปวดท้องตลอดเวลา และยังเป็นทั้ง ไมเกรน, ตับอักเสบ, ปวดรอบเดือน, หัวใจขาดเลือด และก็ริดสีดวงทวาร สารพัดโรคที่มารุมเร้ายามร่างกายเราอ่อนแอ หลังจากทานได้ประมาณ 2 สัปดาห์ ก็เริ่มขับล้างสารพิษ มีอาการปวดสมองเหมือนจะแตก เสมือนว่ามีคนเอาเหล็กมาเกี่ยวตรงเส้นประสาท และเป็นไข้ด้วย พอหลังจากนั้น 3 วันแล้ว ก็ไม่มีอาการอะไรอีกจนถึงปัจจุบันนี้ที่เป็นเช่นนี้เพราะมันเป็นไวน์สมุนไพรจีน ที่ช่วยบำบัด ฟื้นฟูบำรุงร่างกายให้กลับมาสมบูรณ์ดังเดิม

ความอยู่ดีมี รวย ก็เริ่มมาเยือนอีกครั้ง ในปี 2542 และเธอทำควบคู่กับอาชีพพยาบาล จนถึงปี 2547 ก็ลาออกจากอาชีพพยาบาล...ย้อนกลับไป ณ ตอนนั้น เธอก็ก้าวขึ้นตำแหน่งมาเรื่อย ๆ หลังจาก 1 ปีผ่านไป ก็ขึ้นตำแหน่ง สโมสรเงินล้าน จากวันนั้นถึงวันนี้ มุฑิตา...มีชีวิตที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ บัดนี้ มุติตา เก็บความร่ำรวย เป็นเงินสดสะสมผ่านบัญชีกว่า 43 ล้านบาท

หมดหนี้ หมดสิน หมดสิ้นถึงความลำบาก...เมื่อประตูสวรรค์เปิดรับชีวิตใหม่อีกครั้ง...บ้าน รถ ที่ดิน ที่ถูกยึด มันกลับมาเป็นของเธออีกครั้ง มาพร้อม ๆ กับความยิ่งใหญ่ ด้วยอาคารพาณิชย์ที่เป็นทาวน์โอม 3 ชั้น สนนราคากว่า 7 ล้านบาท รถ BMW รถฟอร์ด และที่ดินอีก 5 แปลง เธอซื้อ ซื้อ และซื้อด้วยเงินสด...ทั้งนั้น ต้องขอบคุณหนี้สิน ขอบคุณ คังเซน ที่ทำให้มีชีวิตใหม่ที่ดีกว่า...เพราะถ้าไม่เคยเป็นหนี้ ก็คงไม่ได้เป็นเศรษฐีในวันนี้...

มุฑิตา ยังให้รางวัลกับชีวิต ด้วยการส่งลูกสาว - ลูกชายสุดที่รัก ร่ำเรียนต่อที่ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา โดยไม่ต้องกู้ทุนรัฐบาล และกำลังจะส่งลูกคนเล็กไปเรียนที่นั่นอีกคน เพราะ มุฑิตา มองว่า...ความรวยตรงนี้ ยังสามารถจะส่งความรวยต่อให้ลูกหลานได้อีกมากมาย เพราะการที่เธอส่งลูกสาว - ลูกชายไปเรียนต่างประเทศ ก็เพื่อไปเอาวิสัยทัศน์ และสุดท้ายก็ต้องกลับมาเป็นหนึ่งในครอบครัว คังเซน ที่สามารถกระจายรายได้ให้กับทุกคนในครอบครัว ได้ รวย กันถ้วนหน้า
หนุ่มนักสู้ผู้ล่าฝัน ที่มีแรงบันดาลใจ อยากไต่ขึ้นบันไดแห่งความรวยไม่แพ้กัน แป๊ก - พีรศักดิ์ เรืองจิต...เศรษฐีเงินล้านท่านที่ 2 ของค่าย คังเซน - เคนโก
ต้นกำเนิด พีรศักดิ์ เป็นลูกคนกลาง เป็นคนที่ต้องแบกรับภาระครอบครัวอีกคนหนึ่ง ซึ่งก่อนที่จะมาทำธุรกิจกับ คังเซน ก็ทำงานธนาคารมาก่อน เพราะเรียนจบทางด้านเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จบมาตรงสาขา จึงเข้าทำงานธนาคารอยู่ฝ่ายสินเชื่อ

ลำพังเงินเดือนอย่างเดียว ทำท่าจะเอาทางบ้านไม่รอด เพราะพ่อ - แม่มีลูกอยู่ 5 คน ไหนจะต้องแบกรับภาระทางบ้าน เพราะเราเรียนจบมาแล้ว
มิหนำซ้ำครอบครัวทางบ้าน ก็มีหนีสิ้นที่ติดธนาคารอยู่ไม่น้อย จึงต้องเร่งหาอาชีพเสริม เพื่อมาเป็นรายได้ในการจุนเจือครอบครัวและพี่น้อง อาชีพเสริมชิ้นแรกจึงประเดิมด้วยการเปิดร้านอาหาร เปิดบูธขายมือถือตามห้างสรรพสินค้า หรือไม่ก็ขายของตามชั้นวางของในซูเปอร์มาร์เก็ต หรือแม้กระทั่งรับติดตั้งจานดาวเทียมก็ทำมาหมดแล้ว

พีระศักดิ์ ทำและทำทุกอย่างที่ขวางหน้า อะไรที่คิดว่า ทำได้ ก็ทำหมด...แต่ติดปัญหาอยู่ที่ว่า ทำยังไงก็ไม่รวยซักที มีแค่พอเลี้ยงตัวเองได้ แต่ก็เลี้ยงคนอื่นไม่ได้ จนกระทั่งวันหนึ่งพ่อรู้ว่า ไปไม่รอด พ่อเลยบอกว่า มีงานหนึ่งที่ทำแล้วรวย เพราะคนที่ทำเขามีรายได้เป็นล้านเลย ก็ต้องขอบคุณพ่อที่แนะนำเรา ณ ตอนนั้นยังไม่มีความเชื่อว่า ทำแล้วได้จริง แต่พ่อบอกว่า ผู้ที่ทำตรงนี้แล้วสำเร็จ เขาอยู่อุดรธานี แต่เราอยู่ขอนแก่น ระยะทางห่างกัน 120 กิโลเมตร

สุดท้าย...พ่อก็ลากไป แต่ในใจยังแอบคิดว่า ถ้าได้เดือนละแสน ก็ถือว่าเก่งมาก เพราะส่วนใหญ่เจอแต่พวกแสนสาหัส ไปไม่รอด เพราะการหาเงินหลักแสนนั้นยาก...แต่พ่อบอกเราว่า มีรายได้หลักล้านเลย ก็เลยจำใจขับรถไปถึงอุดรธานี ซึ่งระยะทางไม่ใช่ปัญหา เพราะเราต้องไปดูให้เห็นกับตาว่า มันคือความจริงหรือเปล่า ก็เลยต้องไปพิสูจน์กันหน่อย...

วันนี้ ต้องขอบคุณ คุณลุงไพฑูรย์ - ป้าวิจิตร บุญศรี และขอบคุณ คุณพีระ ทรงทำ ผู้เปิดโอกาสให้...พอไปถึงก็ยังไม่ปลื้ม เพราะหลักการที่เรียนเศรษฐศาสตร์มา ต้องคำนวณก่อนว่า บ้าน รถเบนซ์ และ BM5 ที่จัดแสดงโชว์ มันใช่หรือไม่ เมื่อเริ่มคำนวณก็เจอมูลค่าทรัพย์สิน 10 กว่าล้านขึ้น ถึงยอมรับ ว่า พ่อชวนไปดูคนรวยจริง ความคิดที่ไม่ไกลเกินฝัน ก็เริ่มโลดแล่นเข้ามาในสมอง สมมติ ถ้าผมมีสัก 10 กว่าล้าน คงซื้อทุกอย่างได้ไม่หมด เพราะถ้าจะซื้อแบบนั้นจริง ๆ ต้องมีเงินสักประมาณ 20-30 กว่าล้านบาท ถึงจะมีอารมณ์ซื้อได้ เพราะปกติถ้าเราซื้อรถเบนซ์ ก็ถือว่าโอเว่อร์มากแล้ว ไหนจะต้องซื้อทรัพย์อย่างอื่นอีก

เมื่อคิดและคำนวณแบบเบ็ดเสร็จ จึงรุดหน้าเข้าไปฟังบรรยายทันที ฟังครั้งแรกไม่เข้าใจ จึงนำเอกสารกลับมาศึกษาเอง เพราะจะให้ขับไประหว่างขอนแก่น - อุดรธานี ไป - กลับ 240 กิโล...คงไม่ไหว ค่าน้ำมันกินหมดแน่

เมื่อลองศึกษา ลองดูข้อมูลที่บริษัททำสื่อออกมา ก็มั่นใจว่า ไปได้แน่ เพราะถ้าจะขายแบบหลอก ๆ ไม่เอากำไร ก็ไม่ต้องมานั่งเสียเงินค่าทำสื่อไปให้ยากทำไม และมันคงไม่ได้กำไร จึงมั่นใจสื่อ คังเซน ค่อนข้างมาก เพราะเขาพัฒนาสื่อมาโดยตลอด ไม่เคยหยุดคิด จึงตัดสินใจลงมือทำ...

เมื่อเริ่มเข้ามาสู่รอบรั้ว คังเซน มีวิธีการทำงานที่ง่าย เพราะ คังเซน คัดสรรสินค้ามาค่อนข้างดี ตัวระบบทำให้นักธุรกิจรู้ว่า ต้องทำอะไร ถ้าอยากขายออแกนิก แค่พาลูกค้ามาเจอเจ้าของผลิตภัณฑ์ และจำเป็นต้องไปเข้าคอร์ส 1 - 2 - 3 - 4 และ 5 เพราะบริษัทน้ำดี ๆ เขาทำกิจกรรมกันอย่างนี้...ด้วยสรรพคุณของสินค้า คังเซน ที่ทำสื่อออกมาแต่ละเล่ม คังเซน มุ่งเน้นวัตถุธรรมชาติบำบัดที่ใช้ภูมิปัญญาจากวิชาการการผลิตของชาวตะวันตก อาทิ ยุโรป สวิตเซอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์ ซึ่งก็ไม่มีที่ไหน ที่จับสินค้าตัวเด่น ๆ มารวมกัน และยังมีรางวัลสินค้าดีเด่น ประทับตราคุณภาพ ตรงนี้จึงเป็นจุดสำคัญ

ดังนั้น เส้นทางเงินล้านของ คังเซน จึงเดินได้ไม่ยาก แค่ทำตามระบบที่มีแบบแผนอยู่แล้ว เขามีระบบช่วย ถ้าระบบไม่ช่วย ก็คงจะสำเร็จไม่ได้...และยังมีสาขาอีกกว่า 80 สาขา ออนไลน์ถึงกันเพื่อเอื้อความสะดวกให้กับสมาชิก ปล่อยให้ระบบทำงานแทนคน...จนร่ำรวยแบบกระจายออกไป

คังเซน ยังมีคลับ..สำหรับคนที่มีรายได้ 10 ล้าน จะขึ้นตำแหน่งซิลเวอร์ รายได้ 20 ล้าน ขึ้นตำแหน่งโกลด์...พีรศักดิ์ จึงพำนักอยู่ในตำแหน่งโกลด์ เพราะว่ามียอดรวม 40 กว่าล้านเหมือนกับ พี่ไก่ - มุฑิตา ที่แข่งกันรวย...ส่วนใครมีรายได้เกิน 50 ล้าน จะขึ้นตำแหน่งที่เรียกว่า แพลทินัม...

และในเร็ว ๆ นี้ เราทั้ง 2 คน ก็จะขึ้นในตำแหน่งดังกล่าว ก็เป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นว่า เราหาเงินได้เยอะมากในระบบเครือข่าย...

...เรื่องความเป็นอยู่ของครอบครัว ดีมาก ๆ เพราะเราซื้อรถตู้ส่วนตัวให้แม่ และยังมีคนขับรถอีก 1 คน บ้านที่เคยติดหนี้แบงก์ ก็เป็นอิสระ แถมออกเบนซ์ป้ายแดง 1 คัน เป็นของขวัญ ส่วนพ่อก็ซื้อรถวีออสคันย่อมให้เป็นรางวัล

วันนั้น...ถ้าผมไม่เลือกเครือข่าย ไม่เลือก คังเซน คงจะให้ความสุขบุพการีไม่ได้...เพราะลำพังเราสู้ชีวิต หนี้สินที่มีอยู่เต็มบ้าน ก็ได้แต่ถ้าเอาตัวเองรอด เพราะถ้าจะไปช่วยกันทั้งบ้านกับเงินเดือนเริ่มต้นแค่ 7,000 บาท กับหนี้ทางบ้านอีกบานเบอะ มันไม่ใช่คำตอบเลย และนี่คือสิ่งที่เราสัมผัสมา...

พีรศักดิ์ กล่าวทิ้งท้ายผ่านถ้อยคำอย่างลึกซึ้งว่า...ผมมีความภูมิใจกับตรงนี้มากและก็ภูมิใจในตัวท่านประธานเพราะท่านเป็นคนมีอายุน้อยมีวิสัยทัศน์ดีมีฝีมือการทำงานที่ดีมือถึงกล้าที่จะทำกล้าที่จะเสี่ยงล่าสุดยังได้เปิดสาขาเพิ่มที่เวียดนาม - กัมพูชาถือว่าครอบครัวของผมมีบุญมากนักที่ได้มาร่วมธุรกิจกับท่าน และนี่คือ ความเป็น คังเซน ที่นำพาครอบครัวเราไปสู่เส้นทางอาเซียนแล้วในวันนี้

ผมจึงอยากเห็นทุกคนรักอาชีพเสริม รักที่จะก้าวหน้า แล้วก้าวเดินไปคว้าในเส้นทางอาเซียนด้วยกัน และจงใช้เวลาว่างหลังเลิกงานก็สามารถทำได้ จึงอยากให้ทุกคนคิดและลงมือทำ ก็จะสำเร็จเหมือนดั่งเช่นชีวิตผมอย่างแน่นอน...!!


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.ตลาดวิเคราะห์ ฉบับที่326 ประจำวันที่16 - 31 สิงหาคม 2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น