ข่าวขายตรง (MLM) : ขายตรงน้องใหม่ ผุดเป็นดอกเห็ด! วัดสายป่าน-แผนงานของแม่ทัพ

ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เห็นว่า ธุรกิจขายตรงในปัจจุบันเป็นธุรกิจที่ ได้รับความนิยมอย่างแท้จริง คือ การเกิดขึ้นใหม่ของบรรดาบริษัทขายตรง โดยบรรดานายทุนทั้งคนนอก และคน ในวงการ

นับตั้งแต่ปี 2554 ที่ผ่านมาจนมาถึงเวลานี้ มีบริษัทที่เกิดขึ้นใหม่ ที่ขอจดเป็นบริษัทขายตรงมากมายหลายสิบบริษัท ซึ่งหากช่วง ปลายปีที่ผ่านมา ไม่มีเรื่องของมหาอุทกภัยเกิดขึ้นในประเทศ คงได้เห็นชื่อของบริษัทใหม่ทยอยเปิดตัวตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อน ซึ่งจาก เหตุการณ์ที่กล่าวมานี้เอง ทำให้หลายบริษัทต้องขยับเวลามาเปิดตัว ในช่วงต้นปี 2555 นี้ จึงถือเป็นฤกษ์ดีของการเปิดตัวบริษัทใหม่เลย ก็ว่าได้

อย่างไรก็ดี ถึงแม้ธุรกิจขายตรงจะกลายเป็นธุรกิจเนื้อหอมแห่งยุค แต่ไม่ใช่ว่าทุกบริษัท หรือทุกแบรนด์จะสามารถโกยกำไร แชร์เค้กยอดขายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำอย่างที่คิด เพราะหากกลยุทธ์ไม่ดีจริง หรือสินค้าไม่เป็นที่ตอบรับจากผู้บริโภค ก็คงเป็นเรื่อง ยากที่บริษัทนั้นจะสร้างผลงานได้ตามความฝัน

สิ่งสำคัญดังกล่าวคือตัวแปร ทำให้ทีมข่าว สยามธุรกิจ ต้องเปิดกลยุทธ์ของบริษัทน้องใหม่แต่ละบริษัท โดยเริ่มตั้งแต่ บริษัท ไอยรา แพลนเน็ต จำกัด แบรนด์ขายตรงแบรนด์นี้นับเป็นบริษัทขายตรงแบรนด์ใหม่อีกแบรนด์ ซึ่งใช้ห้วงเวลาของปีมังกรทองในการ เปิดตัวบริษัทขายตรงนามนี้ มีความได้เปรียบในเรื่องของการมีคน ในวงการที่ได้คร่ำหวอดเป็นผู้บริหารของบริษัทขายตรงมาก่อน อย่าง กัมปนาท บุญราศี ซึ่งเป็นอดีตผู้บริหารของ บริษัท เอเชี่ยนไลฟ์ฯ

เมื่อดูจากประสบการณ์การทำงาน รวมทั้งฝีมือการบริหาร ไอยรา นับเป็นแบรนด์ขายตรงแบรนด์ใหม่ที่น่าจะได้รับการจับตามองเป็นอย่างมากไม่แพ้แบรนด์อื่นๆ โดยจากประสบการณ์ของ ผู้บริหารท่านนี้ ทำให้เล็งเห็นถึงความสำคัญของสินค้า โดย ไอยรา ได้ออกกลยุทธ์เน้นหนักในเรื่องของสินค้าเป็นสำคัญ ซึ่งได้มีการดึงผู้เชี่ยวชาญด้านสินค้าที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมาเป็นตัวสร้าง ความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าของบริษัท

ข้ามมาอีกหนึ่งบริษัทน้องใหม่ที่สร้าง ความฮือฮาให้กับวงการคือ บริษัท แทนคุณแผ่นดินสยาม จำกัด ที่มีนักร้องลูกทุ่งชื่อดังอย่าง ยิ่งยง ยอดบัวงาม นั่งเป็นประธานบริษัท จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้นักร้องลูกทุ่งผู้นี้ ขยับตัวเข้า มาเป็นนักธุรกิจอย่างเต็มตัว ก็ถือเป็นบริษัท ที่สร้างสีสันให้กับวงการได้เป็นอย่างดี

แทนคุณแผ่นดินสยาม เป็นค่ายขายตรงที่จับมือกับ บริษัท พสิษฐ์ปุ๋ยไทย อินเตอร์ จำกัด โดย ยิ่งยง ถือหุ้น 50% และโรงงานผลิตปุ๋ยอีก 50% โดยสินค้าของบริษัทก็จะเน้นในเรื่องของปุ๋ยแบบเม็ด ซึ่งจะมีการประชาสัมพันธ์แบรนด์ผ่านละคร ซิตคอม ทางฟรีทีวีเป็นหลัก โดยเน้นในการจับลูกค้ากลุ่มเกษตรกรเป็นสำคัญ โดยเป้าหมายของบริษัทคือการทำให้สินค้าของบริษัทสามารถแชร์ตลาดปุ๋ย 2 แสนล้านบาท ให้ได้ในสัดส่วน 15% ถัดมาอีกค่ายที่มีคนในวงการทีวีกระโดดเข้ามาในระบบธุรกิจขายตรงคือ บริษัท ยูแคนดู จำกัด ที่มี พิษณุ สกุลโรมวิลาส ตัวแสดงเป็นประธานสภา ในรายการตลก สภาโจ๊ก หันมาเป็นประธาน บริษัทขายตรง

บริษัท ยูแคนดู ได้วางสินค้าที่เกี่ยวกับเรื่องของสุขภาพเป็นตัวนำ โดยได้มีการจับมือกับโรงพยาบาลศิริราช ในการตั้งศูนย์วิจัยสินค้าของบริษัท ซึ่งถือเป็นตัวสร้างภาพลักษณ์ให้กับสินค้าได้เป็น อย่างดี ส่วนในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ นั้น บริษัทได้วางเรื่องของการทัวร์คอนเสิร์ต ลูกทุ่งในการสร้างแบรนด์ โดยหวังให้การตลาดแบบเอ็นเตอร์เทนเมนต์เป็นบันไดไต่ฝัน

น้องใหม่ที่ถือว่าเปิดตัวมาแล้วพยายามใช้สื่อในการประชาสัมพันธ์สร้างแบรนด์เป็นสำคัญ คือ บริษัท มิลด์กี้เวย์ เน็ตเวิร์ค จำกัด โดย สุมิตร วชโรดมทรัพย์ นักธุรกิจส่งออก ที่หันมาให้ความสำคัญในธุรกิจขายตรงจนต้องเปิดบริษัทใหม่ พยายามที่จะใช้ข้อได้เปรียบในเรื่องของประสบการณ์กับการทำตลาดต่างประเทศพยายามที่จะปั้นให้ มิลด์กี้เวย์ เป็นแบรนด์ขายตรงของคนไทยวางรากฐานให้มั่นคง เพื่อในอนาคตจะได้ขยายตลาดสู่ต่างประเทศ

โดยสินค้าที่ มิลด์กี้เวย์ เน้นเป็นพิเศษคือเรื่องของสินค้าเสริมอาหาร และ สินค้าด้านความงาม ซึ่งเริ่มต้นด้วยการวาง 25 ตัวสินค้าสู่ตลาด เพื่อเรียกลูกค้าในช่วง แรก ซึ่งบริษัทได้วางทุนในช่วงเริ่มต้นนี้ 40 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการเดิมพันที่ไม่สูง แต่ หากมองที่แผนแล้วทำได้อย่างที่คิด สิ่งที่บริษัทจะได้กลับมาน่าจะมีมูลค่ามากกว่าหลายเท่าตัว

เช่นเดียวกับขายตรงน้องใหม่ ไทยเฮลท์ ที่นำโดย พันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ เจ้าพ่อสื่อวิทยุในเครือ เรดิโอ โอเค ที่ตามกระแสหันมาเอาดีด้านธุรกิจขายตรง เริ่มต้นด้วยการชูสินค้าเด็ด น้ำเห็ดสกัด หวังจับตลาดคนรักสุขภาพ ซึ่งงานนี้เห็นทีถ้าจะรุ่ง เพราะเริ่มต้นก็ประโคมโฆษณา สินค้าผ่านสื่อวิทยุในเครือกว่า 90 สถานี แถมยังเตรียมขยายช่องทางไปสู่คลื่น วิทยุชุมชนอีกกว่า 200 สถานีทั่วประเทศ

ที่สำคัญในปี 2555 นี้ ไทยเฮลท์ ยังเตรียมรุกตลาดเสริมอาหารอย่างครบเครื่องด้วยการเปิดตัวสินค้าเสริมอาหารสำหรับท่านหญิงท่านชาย หวังแชร์ส่วนแบ่งตลาดเสริมอาหารมูลค่า 6 หมื่นล้าน คงจะถือว่ามีสื่ออยู่ในมือแล้วจะกลัวอะไร รุก รบ แรง สมกับเป็นนักบริหารหนุ่มไฟแรง

อีกหนึ่งค่ายขายตรง ที่ออกมาสร้างสีสันให้กับวงการในช่วงต้นปีที่ผ่านมา คือ พระรามเก้า เน็ตเวิร์ก ที่ชูทีเด็ดขายสินค้าสูตรพิเศษซึ่งได้รับการตกทอดมาจากราชวงศ์จีน และที่สำคัญประธานบริษัท อย่าง เสกข์สรร ธีระวาณิชย์ ยังเป็น ผู้มีประสบการณ์ ในด้านการผลิตเวชภัณฑ์ มากว่า 40 ปี โดยเริ่มต้นวางสินค้าหลักไว้ 3 หมวดหมู่ด้วยกัน คือ 1.ผลิตภัณฑ์เครื่อง สำอาง 2.ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และ 3.ผลิตภัณฑ์ยาสามัญ ที่สำคัญยังตอกย้ำด้วยแผนกลยุทธ์การตลาดที่จะเน้นสร้างคนให้มีคุณภาพ พัฒนาสู่มืออาชีพควบคู่กับการขยายสินค้า นอกจากนี้ ยังวางแผนสร้างการรับรู้สินค้า ด้วยสื่อเคเบิลทีวี ซึ่งด้วยแผนการทำงานที่จัดพร้อม จัดเต็มดังกล่าวทำให้ หัวเรือใหญ่อย่าง เสกข์สรร บอกเป้าปีแรกขอยอดแตะ 100 ล. พร้อมสมาชิกหลักหมื่นรหัส ถือว่าไม่มากไม่น้อยจนเกินไปสำหรับ ขายตรงเปิดใหม่รายนี้เหมือนกับขายตรงน้องใหม่อีกค่าย อย่าง ไวต้าอีส เน็ตเวิร์ก ที่กำลังโหมกระหน่ำรบแรง โดยชูจุดเด่นที่แตกต่างผ่านคอนเซปต์ ธุรกิจแห่งไลฟ์สไตล์ เนรมิตบัตร V-money ที่ให้สมาชิกของบริษัทสร้างและขยายธุรกิจได้อย่างง่ายดาย ด้วยการนำเงินสดไปแลกเป็นบัตร V-Money แล้วนำไปใช้กับร้านหรือ Partner ที่เข้าร่วม ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 100 บริษัท โดยสมาชิกจะได้คะแนนสะสม และสามารถ ขึ้นตำแหน่งได้จากการใช้จ่ายผ่านบัตร ดังกล่าว

ซึ่งรูปแบบธุรกิจที่ฉีกแนว ต่างจากเครือข่ายค่ายอื่นๆ นี้ เกิดขึ้นมาจากหัวคิด ของคนทันสมัย อย่าง สุรยุทธ วิไลลักษณ์ ที่ทราบมาว่าเป็นนักบริหารหนุ่มไฟแรง ที่อายุอานามเพียง 30 ปีเท่านั้น งานนี้เรียกว่าธุรกิจเครือข่ายเป็นอาชีพที่เปิดกว้างให้ทุกๆ คนจริงๆ ข้ามมาดูฝั่งขายตรงต่างชาติน้องใหม่กันบ้าง ซึ่งบริษัทที่กำลังเป็นที่จับตามองอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา คงหนีไม่พ้น บริษัท เจอเนสส์ ขายตรงจากเมือง ลุงแซมที่เข้ามาก็เรียกเสียงฮือฮา ด้วยการ ดึงแม่ทีมมีชื่อในวงการอย่าง ธเนตร วงษาอนุสรา จันทรังษี มาเป็นหัวหอกในการเขย่าธุรกิจ

โดยกลยุทธ์ที่สำคัญ คือการชูแผนธุรกิจเกาะโลกออนไลน์ ภายใต้คอนเซปต์ มีเน็ตที่ไหน สร้างรายได้ที่นั่น ส่วนเป้าหมายสุดเว่อร์ที่ประกาศไว้คือ ต้องการยอดขาย 1,000 ล้านบาทในปีแรก พร้อม กับการสร้างผู้นำ 1,000 คนให้มีรายได้อยู่ที่ 1 แสนบาทต่อเดือน เรียกได้ว่าเป็นเป้าหมาย ที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งว่า ขายตรงค่ายนี้จะทำได้อย่างปากพูดไว้หรือไม่ ทั้งนี้ จากความนิยมจนกลายเป็นกระแสของธุรกิจขายตรง การเกิดขึ้นใหม่ ของบริษัทหน้าละอ่อนไม่ใช่ประเด็น แต่ประเด็นที่สำคัญคือ บริษัทเหล่านี้จะมีวิธีใดที่จะยืนหยัดบนเส้นทางของวงการที่เต็มไปด้วยบริษัทระดับหิน ซึ่งจริงอยู่ที่ปัจจุบันธุรกิจขายตรงมีกว่า 800 บริษัท แต่ที่ยังอยู่ และดำเนินธุรกิจได้อย่างงดงาม ตามความฝันในช่วงต้น มีประมาณ 100 บริษัท ซึ่งนี่เป็นโจทย์ของบริษัทน้องใหม่ ที่ต้องหาวิธีมาตอบในอนาคต

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1326 ประจำวันที่ 15-8-2012 ถึง17-8-2012