ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ข่าวขายตรง : วิทยุ-สื่อทีวีดาวเทียม จุดพลังความรวย โฆษณาโอเวอร์ระวังดับฝัน MLM


ขายตรงเปิดเกมรุกหนักวิทยุชุมชนหลังสร้างแบรนด์ผ่านทีวีดาวเทียมสำเร็จจ้องเสียบเจ้าของคลื่นวิทยุก่อตั้งเป็นศูนย์สาขาล่อประโยชน์สร้างรายได้งามให้กับเจ้าของคลื่น...พึงระวังกสทช. - อย.จับไม่เลี้ยงหากโฆษณาโอเวอร์เคลมมีสิทธิ์ถอนใบอนุญาตจับตา 3 ค่ายเปิดเกมบุกสนามสื่อวิทยุ สตาร์ซันไชน์ - บี.พี. - ไทยเฮลท์ ใครคือตัวจริง...ผู้นำค่ายอื่นเตรียมรับศึกคลื่นวิทยุอาจโดนดูดเกลี้ยงเพราะอิงประโยชน์ที่เหนือกว่าข่มบารมี...


คำถามร้อยแปดพันประการ ที่พรั่งพรูออกมาจากปากผู้ประกอบการขายตรงว่า สร้างแบรนด์ผ่านสื่อวิทยุ สามารถสร้างยอดขายได้จริงหรือ.. เพราะตนจะได้กว้านซื้อสถานีทั่วฟ้าเมืองไทยให้เกลี้ยง...
คำตอบที่ได้รับ นั่นก็คือ ไม่จริง..!!
เพราะสื่อวิทยุไม่ได้ถูกกำหนดให้เป็นสื่อพระเอก ที่จะสามารถสร้างแบรนด์ และสร้างยอดขายได้ หากมองลึกลงไปในตลาดแมส สื่อวิทยุ กลับเป็นตัวเลือกตัวสุดท้ายที่เอเจนซี่จะทุ่มงบโปรโมทเพื่อสร้างแบรนด์ หากเทียบกับสื่อหนังสือพิมพ์แล้วล่ะก็...นั่นมันมวยคนละรุ่น เทียบกันไม่ได้ เพราะสื่อหนังสือพิมพ์ถูกตีตราทั้งภาพ - งานเขียน


ส่วนอานุภาพสื่อทีวีนั้นทรงคุณค่ายิ่งนัก เพราะถูกตีตราทั้งชื่อเสียง ภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือ และผ่านหูผ่านตาผู้บริโภคมากที่สุด จึงถูกเลือกในการสร้างแบรนด์ เพื่อสื่อถึงตลาดแมสมากที่สุด


ผู้ประกอบการ จึงไม่นิยมเล่นสื่อวิทยุ แต่จะมอบหมายให้สมาชิก ผู้นำ ลงเล่นในสนามนี้แทน แต่การเล่นสื่อวิทยุ มีข้อควรพึงระวังมากมาย ทั้งการตีตราคุณภาพ ก็ไม่สามารถกระทำได้ชัด และที่สำคัญยังเป็นสื่อที่หมิ่นเหม่มากที่สุด ในเรื่องของการโฆษณาโอเวอร์เคลม จนกลายเป็นที่มาของ กสทช.ถอดใบอนุญาต อย.สั่งระงับจำหน่ายสินค้า หรือต้องจ่ายปรับกันอุตลุด...


หลายคนอาจจะมีข้อโต้แย้งว่า ไม่เป็นไร โดนค่าปรับน้อย เมื่อเทียบกับการเข้าถึงตัวสมาชิกขายตรงได้ง่ายกว่า แล้วค่อยปิดการขายทีหลัง แต่ลืมไปอย่างหนึ่งว่า การโฆษณาที่โอเวอร์หรือเกินจริง ก็ได้ทำลายฐานผู้บริโภคในตลาดไปเรื่อย ๆ จนกินเป็นวงกว้าง ในท้ายที่สุดแล้ว ชาวบ้านซึ่งเป็นฐานรากหญ้าหรือเป็นฐานขายตรงส่วนใหญ่ ก็จะรู้สึกหวาดกลัวและไม่มั่นใจในระบบขายตรง


ดีไม่ดี...อาจเหมารวมขายตรงเป็นธุรกิจน้ำเน่าไปทั้งระบบอุตสาหกรรม


เพราะอย่าลืมว่า ภาพลักษณ์ขายตรงที่ดี ๆ ถูกฉุดให้ขึ้นมายอมรับในตลาดแมสได้ไม่กี่ปี แต่หากมีภาพลบเบียดแทรกขึ้นมาจากสื่อวิทยุ ที่ขายสินค้าไม่มีคุณภาพและบรรยายสรรพ คุณโอเวอร์เกินจริง รักษาได้สารพัดโรค ทั้ง ๆ ที่คุณภาพไปไม่ถึง ฐานของธุรกิจขายตรงก็จะถูกบั่นทอนตามลงไปเรื่อย ๆ


จนกลับกลายเป็นว่า ฐานรากหญ้าจะกลับมาติดลบเกี่ยวกับธุรกิจขายตรง จนยากที่จะถอนตัว เดิมทีขายตรงมีภาพลบแย่มากอยู่แล้ว จากการบ่อนทำลายของกระบวนการแชร์ลูกโซ่ที่ใช้ฐานเครือข่ายขายตรงหากินอยู่บ่อย ๆ แถมคอยไปหลอกชาวบ้านไม่เว้นในแต่ละวัน ยิ่งถ้าไม่คุมสื่อวิทยุในเรื่องของการออกอากาศให้ดี ๆ มีหวังขายตรงทั้งระบบ ยอดขายอาจฝืดและไม่อาจสร้างยอด จากสื่อวิทยุได้อีกต่อไป


ฉะนั้น ทางออกที่ดีที่สุด บริษัทต่าง ๆ ต้องเข้าไปคุมเข้มกับผู้นำ หรือ สมาชิกที่ใช้สื่อวิทยุเป็นใบเบิกทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ณ วันนี้ การเลือกใช้สื่อวิทยุเป็นศูนย์สาขา เพื่อหล่อเลี้ยงดีเจและเจ้าของสถานี เป็นสิ่งที่ผู้นำและ


ผู้ประกอบการโฟกัส เมื่อตัดสินใจเลือกใช้สื่อวิทยุเป็นหัวหอกหลัก ก็ต้องคุมเข้มพอ ๆ กับการใช้สื่ออินเตอร์เน็ตผ่านเครือข่ายกลุ่มโซเชี่ยล เน็ตเวิร์ค ให้จงได้ มิเช่นนั้น ภัยเงียบที่เกิดจากการใช้สื่อวิทยุโดยไม่ระแวดระวัง โทษเบาอาจโดนปรับ โทษหนักอาจโดนถอนใบอนุญาตจากทางการโดยไม่รู้ตัว...สุดท้ายก็ได้แต่นั่งเสียดายสินค้าเอกที่ตั้งใจปั้น เพื่อสร้างยอดขายให้กับบริษัทในที่สุด


ถามต่อว่า แล้วจะทำอย่างไรที่จะทำสื่อวิทยุให้เกิดอานุภาพมากที่สุด ก็คงต้องยกเครดิตให้กับสินค้าภายในผู้หญิงแบรนด์ ซัน คลาร่า ที่สามารถสร้างยอดขายที่ว่ากันว่า สูงที่สุดต่อเดือนเกือบ 500 ล้านบาท...แล้วถามต่อว่า แบรนด์นี้แจ้งเกิดจากสื่อวิทยุหรือไม่ คำตอบคือ ไม่ใช่


เพราะ ซัน คลาร่า ถูกสร้างแบรนด์ผ่านสื่อทีวีดาวเทียมหลายช่อง ก่อนที่มุดดินไปหาสื่อวิทยุประกบ เพื่อตามเก็บเกี่ยวยอดขายอีกครั้ง...เพราะอย่าลืมว่า ก่อนที่ สตาร์ ซันไชน์ ที่นายใหญ่ โกสิทธิ์ ผะลิวรรณ์ ขึ้นแท่นบริหาร ก่อนที่จะมาแจ้งเกิดในวงการขายตรงที่หัวเมืองกรุงเทพฯ อีกครั้ง อดีตก็เคยปักหลักทำขายตรงอยู่ที่ จังหวัดอุดรธานี เป็นเวลาหลายปีดีดัก โดยใช้สื่อวิทยุสร้างแบรนด์สินค้าน้ำดำและสินค้าเกษตร แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก เพราะสามารถสร้างยอดขายได้เพียง 2 - 3 ล้านบาท/เดือนเท่านั้น


สตาร์ ซันไชน์ จึงพักเกมรบสื่อวิทยุชั่วคราว หันกางไพ่รบใบใหม่ ด้วยการจูบปากกับสถานีดาวเทียม เน้นมาสร้างแบรนด์สินค้าภายในผู้หญิง ภายใต้ชื่อแบรนด์ ซัน คลาร่า (ในอดีตปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น คราล่า พลัส) ก็กลับมามีชื่อเสียงโด่งดังอีกครั้ง เพราะแบรนด์ ซันคลาร่า ถูกสร้างชนิดที่เรียกว่า ถูกตาตรึงใจผู้บริโภคมากที่สุด ซึ่งวิธีการสร้างแบรนด์ในทีวีดาวเทียม ก็ไม่แตกต่างจากตำนาน ปูแดง มากนัก เพราะ ปูแดง ชื่อและแบรนด์ถูกสร้างผ่านทีวีดาวเทียมโด่งดังอย่างเปรี้ยงปร้าง ดังไปทั่วทุกหัวระแหง ซึ่งไม่ว่าจะขับรถไปตามตรอกซอกซอยไหนของประเทศ ก็จะเห็นโลโก้ ปูแดง ตามชายคาหรือฝาบ้าน จนสร้างยอดขายให้กับ ปูแดง ถล่มทลายยอดทะยาน ไปทะลุฟ้าเช่นเดียวกัน ก่อนลุยสื่อวิทยุสำทับอีกรอบในภายหลัง


ถามว่า ในเมื่อสร้างแบรนด์ผ่านทีวีดาวเทียมแล้วทำไม.. ต้องมาย้ำกันที่สื่อวิทยุอีกครั้ง ก็เพราะว่าต้องการเก็บเกี่ยวยอดให้ลงลึกถึงสนามรากหญ้า เพราะอย่าลืมว่าทีวีดาวเทียมไม่ใช่ฟรีทีวี ที่จะมีผู้ชมมากมายขนาดนั้น ซึ่งขนาดฟรีทีวีเมื่อผ่านสร้างแบรนด์หน้าจอไปแล้ว ก็ยังต้องตอกย้ำผ่านสื่อต่าง ๆ อีกกระเทือกหนึ่งที่เป็นสื่อทางเลือกอีกมากมายหลายแขนง เพื่อให้แบรนด์สื่อถึงทุกครัวเรือนมากที่สุด


เพราะฉะนั้นการนำร่องด้วยการสร้างแบรนด์ผ่านสื่อทีวีดาวเทียม แล้วสำทับด้วยสื่อวิทยุ ด้วยการเอาเทปที่อัดในรายการทีวี เอาไปออกอากาศผ่านสื่อวิทยุอีกครั้ง ก็จะได้ราคาค่าเช่าที่ถูกกว่า เพราะไม่ต้องไปจ้างดีเจจัดรายการให้เสียเวลา เพียงเท่านี้...ยอดขายที่วางไว้ จึงบรรลุเป้าทั้ง 2 ทาง ถือเป็นทางออกที่ดีและเกิดประสิทธิผลมากที่สุด


สำรวจฐานวิทยุชุมชน
ผ่านค่ายสตาร์ซันไชน์
นายโกสิทธิ์ ผะลิวรรณ์ ประธานกรรมการ บริษัท สตาร์ ซันไชน์ จำกัด ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับประเด็นการใช้วิทยุชุมชนว่า ตอนนี้ สตาร์ ซันไชน์ ก็ได้เปิดสถานีวิทยุเป็นของตัวเอง ก็ต้องวางโซนการทำงานแต่ละภาค เพราะมีสื่อวิทยุเยอะพอสมควร จริง ๆ นโยบายของ สตาร์ ซันไชน์ เมื่อก่อนเราสร้างสถานีเป็นของตัวเอง แต่ตอนนี้เราเปลี่ยนมาเป็นหุ้นส่วนของสถานีที่เขามีคลื่นอยู่แล้ว เพื่อสะดวกในการทำงาน เพราะเขาเชี่ยวชาญในการทำงานอยู่แล้ว เราแค่ไปเป็นหุ้นส่วนโดยสร้างกติการ่วมกัน


หากจะสรุปสื่อวิทยุของบริษัท ขณะนี้มีกระจายอยู่ทั่วทุกภาค อาทิ ภาคใต้, ภาคเหนือ, ภาคอีสาน เยอะที่สุด ส่วนภาคตะวันออกมีนิดหน่อย ภาคกลางก็ถือว่าเยอะโดยเฉพาะโซนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในอนาคตก็มีการวางแผนจะบุกสื่อวิทยุเพิ่มแต่ต้องรอบทบาทของ กสทช.ที่เข้ามาควบคุมคลื่นก่อน เพราะถ้าหากคลื่นไหนทำไม่ถูกต้องก็จะคัดออก สื่อไหนถูกต้องก็อยู่ต่อไปได้


ตรงนี้ก็จะมีการสำรวจกันพอสมควร ว่าสถานีไหนที่ทำถูกต้อง เราก็จะเข้าไปเจรจาด้วย ซึ่งถ้ามีแนวความคิดตรงกันก็สามารถร่วมงานกันได้ คือจะออกมาในรูปแบบหุ้นส่วนและทำธุรกิจร่วมกัน เพราะโดยส่วนใหญ่คนที่ทำวิทยุก็เป็นเจ้าของสถานีอยู่แล้ว และก็รับทำสปอตโฆษณาด้วย


เมื่อมีการร่วมมือระหว่างกัน ก็ส่งผลให้ฐานะเขาดีขึ้น โดยไม่ต้องเดินไปขอสปอตจากร้านค้าต่าง ๆ เพราะขายสินค้าเราได้มากขึ้น ก็มีการขยายคลื่นเพิ่มขึ้น ส่วนของภาคอื่น ๆ ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน โดยหน้าที่ของเราทำให้อย่างไรก็ได้ที่ให้ชาวบ้านฟังสินค้าจนติดหู และเราบุกสื่อทีวีทำให้ชาวบ้านติดตา พอสินค้ามันดัง ตัวแทนจำหน่ายทุกคนก็ทำงานง่าย ก็เรียกว่าประสบความสำเร็จร่วมกัน


เกมบี.พี.หลังสร้างแบรนด์ผ่านจอ
ตอกย้ำสินค้าผ่านคลื่นวิทยุต่อยอด
บอสใหญ่ สุเทพ บุญภักดี ในฐานะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บี.พี.โปรเกรส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่า ตอนนี้บริษัทฯ กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะมีการรุกขยายตลาดอย่างเต็มที่ อย่างแรก เราก็รุกโดยการสร้างโรงผลิตที่โคราช 2. เรากำลังใช้สื่อโฆษณาผ่านวิทยุชุมชนต่าง ๆ อย่างมั่นคง เพราะสามารถเข้าถึงกลุ่มรากหญ้าทุกคน รวมถึงนักธุรกิจ แต่สำคัญที่ว่า ธุรกิจส่วนมากจะเน้นแต่คนลงทุน การจะทำอย่างนั้นอย่างเดียว คงจะไม่ได้ เพราะต้องสร้างฐานธุรกิจให้แข็งแรงตามไปด้วย


โดยเริ่มต้นต้องสร้างจากฐานสินค้าให้ดีก่อน ทำยังไงให้สินค้ามีคุณภาพ ถ้าสินค้าดีรับรองธุรกิจโตแน่นอน เพราะฉะนั้นการทำตลาดเชิงรุก ต้องสร้างฐานให้ถึงกลุ่มคนรากหญ้า คือบริษัทต้องการทำระบบกับคนกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะฉะนั้นบริษัทฯ จึงได้วางระบบไว้ให้สมาชิกเดินตาม เพื่อไปสู่ความสำเร็จ การสร้างแนว ทางที่ชัดเจนจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งถ้าเข้ามาด้วยความสนใจ ไม่ได้ไปหลอกลวง โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็ไม่ใช่เป็นเรื่องยาก


ส่วนในเรื่องของสื่อวิทยุเป็นแนวทางของเรา โดยสถานีส่วนใหญ่ต้องได้มาซึ่งค่าจ้าง แต่วันนี้เราสอนให้เขารู้ว่า เขาคือเจ้าของธุรกิจ จะพูดอย่างไรให้คนฟัง และกลับมาซื้อของ ฉะนั้น ตรงนี้ก็เท่ากับการขยายฐานลูกค้าไปด้วย ซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มใหม่จากเครือข่ายวิทยุชุมชน


วันนี้ หากคุณมุ่งโฆษณาก็ได้แต่ค่าจ้าง แต่ถ้าเราสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจเองได้ ด้วยการลงมือโฆษณาสินค้าเองก็จะได้มากกว่า และการที่เราโฆษณาตามสถานีวิทยุชุมชนแล้วออกไปเจอลูกค้าตัวต่อตัว เพื่อมาปิดการขายนั้นมันช้า เพราะสถานีวิทยุชุมชนเค้ามีกลุ่มผู้ฟังที่เยอะมากอยู่แล้ว ก็ชวนเข้ามาฟังบรรยายจะดีกว่า โดยเฉพาะคนที่สนใจเข้ามาทำธุรกิจ บริษัทฯ ก็จะมีการรองรับเรื่องค่าใช้จ่าย มีการจัดประชุม มีการพัฒนาบุคลากร เรามีระบบการขับเคลื่อนคน คือมีให้ทั้งหมดอยู่แล้ว เหลือแต่การสื่อออกไปหาสมาชิก ฉะนั้น การที่ได้เครือข่ายใหม่ ๆ เข้ามา ก็ถือเป็นการต่อยอด


ตอนนี้กลุ่มสมาชิกที่เป็นเจ้าของคลื่นวิทยุ จะเป็นกลุ่มในภาคอีสาน เพราะจะมีคนเข้ามาร่วมทำธุรกิจกับเราค่อนข้างเยอะ จากที่มีอยู่แล้ว ก็ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นมาอีก เมื่อมาร่วมกับเราก็ต้องสัมผัสได้จริง ตรงนี้เห็นผลหลายอย่างชัดเจน เพราะการที่เราเป็นเจ้าของคลื่นวิทยุชุมชน เราปลูกฝังแนวทางได้ง่ายมาก หรือจะชวนคนที่สนใจไปล่องแพ ก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรและก็ได้ความรู้กลับมาอีกด้วย


และขอเน้นกันย้ำอีกครั้ง ว่า ระบบสำคัญมาก ถ้าไม่มีระบบก็จะโตยาก ที่นี่ไม่มีใครเก่ง ใครรวย ถ้าเข้ามาก็ถือว่าเป็นคนใหม่ทั้งหมดของ BP ฉะนั้น ทุกคนสามารถเก็บความรู้ ความสามารถได้จากหลักสูตรวิทยากร ก็เป็นอีกมุมหนึ่งที่อยากให้สมาชิกเราได้สัมผัส หลายคนก็ประทับใจ เพราะการพัฒนาองค์กรเป็นหัวใจหลัก การทำธุรกิจเครือข่าย ถ้าไม่มีการพัฒนาองค์กร ก็จะทำให้การทำงานลำบาก การเติบโตช้า ก็จะมีผลกระทบต่อการพัฒนาบุคลากรในอนาคตอีกด้วย


ไทยเฮลท์ชูสื่อโกยยอด
ทีวีดาวเทียมผนึกวิทยุ
นายพันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยเฮลท์ จำกัด เปิดเผยกลยุทธ์การบุกตลาดในรูปแบบสื่อผสมว่า ก่อนหน้านี้บริษัทฯ ได้นำร่องทดลองตลาด ด้วยการแนะนำองค์กรและผลิตภัณฑ์ให้กับผู้บริโภค พบว่า ปัจจัยความสำเร็จมาจากความแข็งแกร่งของระบบเครือข่าย ภายใต้สื่อของบริษัทฯ ที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้โดยตรง ด้วยการมุ่งเน้นโฆษณา - ประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ความรู้และสร้างความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ พร้อมกับความแข็งแกร่งของตัวแทนจำหน่ายที่กระจายอยู่ทุกภูมิภาคที่ช่วยกระจายสินค้า และขยายเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ด้วยกลยุทธ์การตลาดของบริษัทฯ จะมุ่งขยายเครือข่ายผ่านสถานีวิทยุและจานดาวเทียมให้ครอบคลุมพื้นที่การรับชมและรับฟังมากขึ้น พร้อมกับการขยายเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายเพิ่มขึ้นประมาณ 20-30% รวมถึงการผลิตคอนเทนท์รายการที่โดนใจผู้บริโภคตามกลุ่มเป้าหมายของสินค้าในแต่ละรายการ


โดยได้ทีมงานจากคลื่นวิทยุ เรดิโอ โอเค มาเป็นกำลังหลักในการผลิต ซึ่งสามารถรับฟังได้ผ่านจากดาวเทียมระบบ C-Band FM ทั่วประเทศ และเว็บไซต์ www.radiook.co.th รวมถึงทางแอพพลิเคชั่น (Application) ผ่านโทรศัพท์มือถือในรูปแบบระบบปฏิบัติการ iOS (iPhone, iPod touch, iPad และ Apple TV), แอนดรอยด์ (Android), แบล็คเบอรี่ (Blackberry) และสมาร์ทโฟน (Smart Phone)


พร้อมกับการสร้าง สรรค์กิจกรรมทางการตลาด ได้แก่ กิจกรรมฮุคเฟรชชี่, เลิฟแรลลี่, ลูกทุ่งประลองไมค์ และของรางวัลพิเศษภายใต้แคมเปญ เรดิโอ โอเค ใจป้ำ ที่จะกระตุ้นกลุ่มผู้ฟังในรายการให้ติดตามรายการ และโปรโมทสินค้าของบริษัทฯ อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นตั๋วเครื่องบินไปต่างประเทศ อาทิ จีน, ญี่ปุ่น, สิงคโปร์, อลาสก้า ฯลฯ รวมไปถึงการแจกของรางวัลอีกมากมาย เช่น นิวไอแพด และ ไอโฟน เป็นต้น โดยใช้งบการตลาดไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท ในปีนี้


ตอนนี้นโยบายของเราจะจับเอาทั้งสองอย่างมารวมกัน ทำให้ธุรกิจเราเป็นธุรกิจที่เป็นพันธุ์ผสม ไทยเฮลท์ ได้ดำเนินการตลาดในรูปแบบใหม่ ระบบขายตรงลูกผสมสื่อ ซึ่งเราก็มีความชัดเจนเลยว่า นโยบายการทำตลาดของเราไม่เหมือนกับสื่ออื่น ๆ ที่ใช้จุดแข็งในด้านช่องทางการสื่อสารให้เข้าถึงและกระจายสู่กลุ่มผู้บริโภคผ่านสื่อหลักอย่าง วิทยุชุมชน เราผสมผสานกันและก็พัฒนาทั้งตัวระบบการทำธุรกิจ รวมไปถึงระบบของการผลิตสื่อ


ซึ่งในช่วงแรกเราก็นำเอากลุ่มของวิทยุชุมชนเข้ามาเป็นเสมือนหนึ่งสถานี หนึ่งร้านค้า หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ และก็สถานีวิทยุชุมชนในประเทศไทยที่ลงทะเบียนเอาไว้ที่มีเครือข่ายไม่ต่ำกว่า 200 สถานี และมีที่ยังไม่ลงทะเบียนไว้อีกค่อนข้างเยอะ


ทำให้เรามองเห็นตรงจุดนี้ว่า จะสามารถขยายสาขาของบริษัทฯ ออกไปได้ไม่ยาก เพราะมีการซัพพอร์ตในเรื่องของการทำคอนเทนท์ดี ๆ และยังมีคลื่นวิทยุ ก็คือ เรดิโอเพลงอีกประมาณ 90 สถานี และก็มีเคเบิ้ลทีวีจานเหลือง ทำให้สมาชิกของเราเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ ก็ได้เพิ่มในส่วนตรงนี้ที่เป็นสื่อทีวีและเป็นสถานีวิทยุด้วย ซึ่งเราก็ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากว่าตรงนี้ก็เป็นจุดหนึ่งที่มีการกระจายสินค้าได้เหมือนกัน


การที่บอกว่า เราใช้กลยุทธ์การตลาดในรูปแบบขายตรงพันธุ์ผสม คือเราจะนำเอาข้อดีของขายตรง ด้วยการนำเอากระบวนการทางความคิดที่มุ่งเน้นสร้างแรงจูงใจผู้ขายและผู้บริโภค มาผนึกกับผลผลิตที่เกิดจากการใช้สื่อนำไปออนแอร์ ซึ่งคุณภาพเราเทียบเท่ากับคลื่นที่มีอยู่ ตรงนี้กลายเป็นปัจจัยความสำเร็จค่อนข้างมาก เพราะสินค้าของเรามีจุดเด่นและมีความชัดเจนมาโดยตลอด สำหรับผลิตภัณฑ์น้ำเห็ดสกัดชนิดนี้


และปีนี้บริษัทฯ จะมีการเปิดตัวบริษัทอย่างเป็นทางการ โดยตั้งเป้ากวาดยอดขายกว่า 100 ล้านบาท โดยคาดการณ์สัดส่วนยอดขายมาจากน้ำเห็ดสกัด มัชรูม พลัส 50% วีเอ็ม พลัส 25% และยูเลดี้ 25% พร้อมกับอัดกิจกรรมทางด้านการตลาดเหมือนเช่นที่ผ่านมา ก็เป็นการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวผ่านสื่อต่าง ๆ ในทริปล่าสุดเราก็ไปที่ญี่ปุ่น ประเทศจีนที่มณฑลซีอาน ไปดูสวนสัตว์ฮ่องเต้ ก็ได้รับผลตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค รวมถึงแฟนรายการ โดยใช้งบประมาณทั้งปีกับการจัดกิจกรรมต่างๆ ก็ไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท เพราะว่ามีการรันในเรื่องของโปรโมชั่นไปจนถึงปลายปีนี้


หากถามถึงจำนวนสมาชิกสถานีวิทยุเครือข่ายที่เข้าร่วมโครงการก็ประมาณ 200 สถานี และจะมีสถานีที่เข้าร่วมโครงข่ายกับเราอีก 600 สถานี ที่มาจากทั่วประเทศไทย และกำลังจะเพิ่มขึ้นปลายปีนี้อีกไม่น่าจะน้อยกว่า 1,000 สถานี ดังนั้น ตัวเลขเฉพาะกลุ่มหรือสาขาตอนนี้เรามีอยู่ 200 สถานี แบ่งเป็นสถานีวิทยุชุมชนอีก 400 สาขา ดังนั้น ความชัดเจนของการเติบโตในปลายปีนี้ ก็น่าจะบอกได้เลยว่าดีกว่า เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่ทดลองทำตลาดอยู่ และยังประสบกับปัญหาอุทกภัยอีกด้วย


ส่วนการขายปลีกเราก็จะขายผ่านดีลเลอร์ และผู้ค้ารายย่อย และคงไม่มีปัญหาเรื่องการตัดราคา เนื่องจากราคาสินค้าเป็นผู้กำหนดกลไกทางการตลาด หากดีลเลอร์มีการขายตัดราคาเราก็จะทราบ เพราะมีการลงทะเบียนไว้กับบริษัท คงเหลือแต่ดีลเลอร์รายย่อยที่ไม่มีการลงทะเบียน


ส่วนเรื่องการโฆษณาผ่านสื่อวิทยุเกี่ยวกับตัวสินค้าว่า โอเวอร์เครมหรือไม่ ขณะนี้เรากำลังแก้ปัญหากันอยู่ ก็มีการทำหนังสือตักเตือนออกไป และประกาศผ่านหน้าเว็บไซต์ ประกาศผ่านหน้าหนังสือพิมพ์ เพื่อแสดงเจตนาว่า ทางบริษัทฯ ยินดีให้ความร่วมมือกับทางราชการอยู่แล้ว รวมถึงเรื่องสปอตและแอดโฆษณา เราก็ผลิตออกจาก บริษัทฯ โดยตรง


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.ตลาดวิเคราะห์ ฉบับที่326 ประจำวันที่16 - 31 สิงหาคม 2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น