ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ข่าวแฮ็ปปี้ เอ็มพีเอ็ม (Happy MPM) : พีเอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล เอจี (ประเทศไทย) จำกัด ขายตรงน้องใหม่ สั่งตรงจาก เยอรมัน ชูจุดเด่นผลิตภัณฑ์ มีดีที่นวัตกรรม







iq7dccf9f3c321a8776676e7384a7f8748


อุตสาหกรรมขายตรงไทย ยังคงร้อนแรงแข่งกับอุณหภูมิโลก ล่าสุดบริษัทขายตรงต่างชาติจากเยอรมันบริษัท พีเอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล เอจี (ประเทศไทย) จำกัด เตรียมจัดแกรนด์โอเพนนิ่งเปิดตัวกลางปีนี้ หวังเป็นทางเลือกใหม่ให้นักธุรกิจอิสระไทย โดยแบ็กอัพบริษัทแม่พร้อมหนุนหลังรุกตลาดไทย ลั่นเชื่อมั่นในศักยภาพและโอกาสโตยังคงมีอยู่มาก ซึ่งทางด้าน ศิริพงษ์ พิพัฒสัตยานุวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีเอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล เอจี (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าตอกย้ำผู้นำนวัตกรรมระดับโลกเร่งเครื่องดันสินค้าไลน์หลัก ฟิตไลน์และบิวตี้ไลน์ลงสนามหวังแบ่งชิ้นเค้กส่วนแบ่งทางตลาด ไม่หวั่นการแข่งเดือดพร้อมประกาศขอโตเรื่อยๆไม่เน้นหวือหวา


ไขก๊อกประวัติ พีเอ็ม ขายตรงเยอรมัน


หากเอ่ยถึงประเทศที่เรียกว่าเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ แล้ว ประเทศเยอรมันเป็นอีกหนึ่งประเทศที่เรียกได้ว่าเป็น เจ้าแห่งการคิดค้นนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ ที่ความฉลาดและล้ำลึก ไม้แพ้ชนชาติใดในโลกนี้ PM International AG ขายตรงน้องใหม่ที่เข้ามาปักเปิดตลาดในประเทศไทยได้ยังไม่ถึงขวบปีดีนัก แต่หากพลิกแฟ้มไปดูปูมหลังแล้ว PM International AG เป็นอีกหนึ่งบริษัทขายตรงที่เรียกว่ากำลังก้าวเข้าสู่วัยฉกรรจ์ เกือบ 20 ปีที่ผ่านมาและได้รับการจัดลำดับเครดิตทางการเงินระดับโลกจากสถาบัน ดันแอนด์เบรดสตรีท ว่ามีความแข็งแกร่งของสถานภาพทางการเงินที่สูงกว่าธนาคารชาติของเยอรมันแล้ว ยังการรันตีความแน่นอนในการจ่ายเงิน สำหรับโบนัสการขาย และผู้ร่วมธุรกิจยังจะเป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่มีความมั่นคงและยาวนาน โดย Mr. Rolf Sorg (รอล์ฟ ซอร์ก) คือผู้ก่อตั้งและได้รับการคัดเลือกจากสหภาพยุโรปให้ดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิกกำกับดูแลด้านเศรษฐกิจ ดำเนินธุรกิจกว่า 50 ประเทศทั่วโลก คือ บุคคลสำคัญที่ทำให้ชื่อของ PM International AG เป็นที่รู้จักทั่วโลกในวันนี้


จากการเติบโตและได้รับการยอมรับทั้งในเรื่องของผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการคิดค้นและพัฒนาและได้รับรองจากสถาบันระดับโลก ทำให้เกิดการขยายสาขออกไปทั่วทุกมุมของโลก รวมถึงประเทศไทย ที่ปักฐานทำธุรกิจโดย ศิริพงษ์ พิพัฒสัตยานุวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีเอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล เอจี (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งนับเป็นการก่อตั้งธุรกิจภายใต้ปณิธานความเชื่อมั่นต่อผลิตภัณฑ์ของบริษัทจากผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์และเห็นผลจริงจึงขอแบ่งปันเรื่องราวดีๆ บอกต่อไปยังคนไทย ภายใต้ชื่อ บริษัท พีเอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล เอจี (ประเทศไทย) จำกัด


ชูจุดแข็งแผน+สินค้ารุกตลาดไทย


สำหรับ บริษัท พีเอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล เอจี (ประเทศไทย) จำกัด การดำเนินธุรกิจยังคงเดินตามรอยนโยบายของบริษัทแม่ในเยอรมัน ที่มีจุดแข็งอยู่ที่แผนธุรกิจการจ่ายผลตอบแทนที่เน้นการ เติบโตอย่างมั่นคง แต่ไม่หวัง โตอย่างหวือหวา โดยแผนการจ่ายผลตอบแทน ฟรอนต์ เอนด์ (Front End) เป็นการจ่ายผลตอบแทนทันทีจากการให้ส่วนลดในการซื้อสินค้า สัดส่วน 26 % จากราคาสินค้า ส่วนแผน แบ็ก เอนด์ (Back End) เป็นผลตอบแทนและโบนัสที่ได้จากการสร้างเครือข่ายทีมงานอีกประมาณ 20% ส่วน


ส่วนทางด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ ฟิตไลน์ (FitLine) มีการแชร์ส่วนแบบประมาณ 90 % และ บิวตี้ไลน์ (BeautyLine) มีการแชร์ส่วนแบบประมาณ 10% โดยผลิตภัณฑ์ไฮไลท์คือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมประเภทไวตามินรวมและแร่ธาตุอาทิ Resto, Aop, Basics ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่แจ้งเกิดให้กับพีเอ็มทั่วโลก และในขณะนี้บริษัทแม่ได้มีการปรับเปลี่ยนคอนเซ็ปต์ผลิตภัณฑ์เป็นเอ็นทีซี นิวเทรียนส์ทรานสปอร์ต คอนเซ็ปต์ซึ่งคาดว่าจะช่วยผลักดันให้มียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน


ในช่วงเกือบ 1 ปีที่พีเอ็มเปิดตัวดำเนินการธุรกิจในประเทศไทยนั้น นายศิริพงษ์ พิพัฒสัตยานุวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีเอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล เอจี (ประเทศไทย) จำกัด เผยถึงผลตอบรับที่ผ่านมาว่า พีเอ็มประเทศไทย เกิดขึ้นจากความมุ่งหวังที่จะแบ่งปันให้ทุกๆ คนได้มีชีวิตที่ดีขึ้นทั้งทางร่างกายและมีรายได้ที่มั่นคง เกิดจากความประทับใจผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วเห็นผลจึงต้องการบอกต่อ โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพีเอ็มถือเป็นน้องใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นเรียนรู้ตลาดอุตสาหกรรมขายตรงในประเทศไทย แต่ด้วยการแข่งขันที่สูงมากในอุตสาหกรรมนี้ เราจึงเน้นการดำเนินธุรกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป ในช่วง 1 ปีแรกนี้จึงเป็นปีแห่งการเรียนรู้ทิศทางตลาดเสียมากกว่า


สำหรับการขยายตลาด จะเน้นในกรุงเทพเป็นหลักในการสร้างฐานผู้นำให้แข็งแกร่งก่อนจะกระจายไปยังตลาดต่างจังหวัด ขณะนี้ตลาดที่น่าสนใจและมีการเติบโตอยู่ในระดับที่น่าสนใจคือ ภาคอีสาน โดยเฉพาะในหัวเมืองใหญ่ อย่างอุดรธานี ขอนแก่น และภาคใต้อย่าง หาดใหญ่ ภูเก็ตเป็นต้น ซึ่งเป็นเสมือนหน้าด่านสำคัญในการขยายฐานไปยังกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งก็มีผู้นำในต่างจังหวัดที่เตรียมขยายตลาดออกไป และในอนาคตบริษัทจะมีการเปิดศูนย์สาขาเพื่อรองรับการเติบโต ทั้งในรูปแบบของบริษัทเป็นผู้ลงทุนและเปิดโอกาสให้นักธุรกิจของบริษัทเป็นผู้ลงทุนด้วยเช่นกัน


พีเอ็มเชื่อมั่นตลาดไทย พร้อมขยายฐานสู่เอเชีย


ทั้งนี้นายศิริพงษ์ มองว่าการเปิดตลาดในประเทศไทย ณ วันนี้นั้น เป็นโอกาสที่เปิดกว้าง เนื่องจากอัตราการเติบโตค่อนข้างสูง นักธุรกิจมีความรู้ในเรื่องการทำธุรกิจ MLM เป็นอย่างดี มีศักยภาพที่สูงมากเมื่อเทียบกับตลาดในภูมิภาคนี้ แต่ต้องอาศัยความเข้าใจเกี่ยวกับการสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ค่อนข้างสูง เป็นช่วงเวลาของการเรียนรู้ตลาด ซึ่งในวันนี้พีเอ็มไทย มีความพร้อมรองรับการขยายฐานธุรกิจเต็มที่แล้ว


โดยกลยุทธ์หลักๆ ของพีเอ็มยังคงให้ความสำคัญในเรื่องของการเทรนนิ่งเสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจและและผลิตภัณฑ์เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องของการให้ความรู้ทั้งในส่วนของแผนการตลาด การให้ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และการทำธุรกิจให้เติบโต ในปัจจุบันนี้เริ่มแรกนี้จะมีผู้นำทีเป็นแกนหลักประมาณสิบกว่าท่านแต่บริษัทต้องการสร้างเลือดใหม่ คนที่ต้องการมีอนาคตที่ยาวไกล ไม่ใช้แค่การได้เงินเร็วหรือช้า


ตลอดระยะเวลา 9 เดือนที่ผ่านมา สำหรับการดำเนินงานของพีเอ็มประเทศไทย เดิมได้มีการตั้งเป้าแรกของการพิชิตชัยไว้ค่อนข้างสูง เพราะเชื่อมั่นในตัวผลิตภัณฑ์มาก แต่หลังจากที่ปิดบัญชีไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่กรกฎาคมถึงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว บริษัทเติบโตไม่สูงมากนัก ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากเป็นบริษัทใหม่ และการแข่งขันที่ดุเดือดทำให้รายได้ในช่วงปีที่ผ่านมาไม่เป็นไปตามเป้า 500 ล้านบาทตามที่วางไว้ แต่เนื่องจากเราต้องการเติบโตอย่างมั่นคงทำให้ในปีนี้เราจะเน้นการสร้างรากฐานให้แข็งแกร่งเน้นการให้ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เพิ่มมากขึ้น


นอกเหนือจากที่เปิดดำเนินธุรกิจในประเทศไทยแล้ว ก่อนหน้านี้พีเอ็มฯ ได้มีการรุกเปิดตลาดในทวีปเอเชียมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นประเทศมาเลเซีย เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ต่อด้วย ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และไทย ซึ่งตลาดต่อไปที่จะมีการเปิดคือ ประเทศจีน และประเทศเวียดนาม ทางบริษัทแม้ไม่ได้มีการขยายธุรกิจเพื่อสร้างความแข็งแกร่ง และเป็นที่ยอมรับในประเทศต่างๆ โดยประเทศไทยคืออีกหนึ่งตลาดที่มีศักยภาพและยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก


อย่างไรก็ตามในขณะนี้เนื่องจากเป็นช่วงเริ่มต้นเปิดตัวบริษัท จึงเป็นช่วงการเตรียมความพร้อม วางรากฐานธุรกิจเพื่อสร้างความแข็งแกร่งในอนาคต อีกทั้งบริษัทต้องการเป็นขายตรงที่ยั่งยืน จึงต้องมีการเตรียมกลยุทธ์ในการทำตลาดในช่วงเริ่มต้นนี้ คือการเทรนนิ่ง ทุกวันอังคารและพฤหัส การจัดโปรโมชั่นต่างๆ จะอิงแบบฟอร์มเดียวกับบริษัทแม่ที่ประเทศเยอรมันเป็นหลักโดยจะมีการประชุมทำโปรโมชั่นต่างๆ ในทุกไตรมาส โดยเน้นใช้สื่อออนไลน์ มีการจัดโรดโชว์ สร้างการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์


ปัจจุบันนี้ธุรกิจขายตรงเป็นธุรกิจที่เติบโตและคนให้ความสนใจตอบรับกับธุรกิจขายตรงเป็นอย่างมาก แต่สิ่งที่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าบริษัทใดเจ๋งจริง อาจจะไม่ได้อยู่แค่เพียงตัวเลขยอดขายเท่านั้นหากแต่สิ่งที่เหนือกว่า คือ การยอมรับจากผู้บริโภคที่มั่นใจในผลลัพธ์จากผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพ ณ วันนี้การแข่งขันในอุตสาหกรรมขายตรงไทยไม่ได้อยู่ที่ปริมาณ หากแต่เป็นคุณภาพและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะเป็นตัวเลือกให้แก่ผู้บริโภค




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ.Leader Time ฉบับที่ 221 ประจำวันที่ 16-30 เมษายน 2556

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น