 |
นักธุรกิจดีกรีการศึกษาระดับปริญญาโท และเป็นถึงเจ้าของกิจการร้านคอมพิวเตอร์มากกว่า 5 แห่งในจังหวัดเชียงใหม่ และเชียงราย ทำให้หลายๆคนแอบอิจฉา กรกนกภัตร เกตุกนกจินดาธัช แต่ใครหารู้ไม่ว่าเบื้องหลังควมาสำเร็จดังกล่าวใช่ว่าจะโรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป เพราะธุรกิจที่เขาภาคภูมิใจ และลงแรงสร้างมากับมือแม้ในช่วงแรกจะสร้างรายได้ให้กับเขาและเพื่อนเป็นจำนวนมาก แต่สุดท้ายเมื่อห้างโมเดิร์น
เทรดเข้ามาตีตลาด กลับทำให้เขาต้องกลายเป็นเด็กหนุ่มที่มีหนี้สินมากกว่า 5-6 ล้านบาทภายในไม่กี่ปี
ช่วงแรกตลาดคอมพิวเตอร์บูมมาก เพราะร้านโมเดิร์นเทรดยังไม่ได้เข้ามา แต่หลังจากที่ห้างดังกล่าวเข้ามาในปี 3-4 ปี ทำให้การแข่งขันในตลาดคอมพิวเตอร์เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้บางสาขาต้องประสบปัญหาขาดทุนและบางสาขาก็ต้องเอาเงินมาช่วยพยุงไว้ เพื่อธุรกิจให้เดินต่อไปได้ แต่ในที่สุดก็ค่อยๆ ทยอยปิดลงทีละสาขาซึ่งหลายคนอาจจะมองภาพว่าการเป็นเจ้าของกิจการภาพมันสวยหรู แต่หารู้ไม่ว่าเบื้องหลังต้องแบกภาระอะไรหลายอย่าง
กรกนภัตร เล่าอีกว่า หลังจากวิเคราะห์และทำให้ความเข้าใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น จึงได้ตัดสินใจขอถอนหุ้นออกจากเพื่อน เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะตามมาด้วยตัวเลข 5-6 ล้านบาท ซึ่งตอนนั้นคิดว่าหนี้สินดังกล่าวเป็นตัวเลขที่เยอะมากสำหรับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง หลังจากที่ถอนหุ้นออกมาในระหว่างนั้นก็เริ่มมองหาธุรกิจอื่นหลายอย่างแต่ที่คิดว่าน่าจะพอตอบโจทย์ให้กับตัวเองได้ก็น่าจะเป็นธุรกิจเครือข่ายขายตรง เนื่องจากเป็นธุรกิจที่สามารถเลือกทำได้ ด้วยเงินลงทุนที่ต่ำ และไม่มีความเสี่ยงเลย
ที่สำคัญธุรกิจเครือข่ายลงทุนต่ำ แต่สามารถสร้างเงินหลักล้านได้โดยเฉพาะธุรกิจเทียนส์ที่ลงทุนเริ่มต้นเพียงหลักพันบาทไปจนถึงสูงสุดเพียงแค่ 1 หมื่นบาทเท่านั้นก็สามารถที่จะมีรายได้หลักแสนหลักล้านบาท ซึ่งตรงกันข้ามกับธุรกิจทั่วไปที่จะต้องลงทุนด้วยเงินหลักล้าน หรือหลักสิบล้าน ถึงจะมีกำไรหลักแสนหลักล้านได้ นอกจากนี้งานเครือข่ายยังเป็นธุรกิจที่ช่วยผ่อนแรงโดยที่เราไม่ต้องทำงานคนเดียว
ที่ตัดสินใจเลือกมาทำกับเทียนส์ เพราะคิดว่าถูกกับจริตของเรา และเป็นการลงทุนที่สามารถคุ้มทุนได้เร็ว รวมถึงมีความมั่นคง ซึ่งก่อนจะตัดสินใจเลือก ได้เข้าดูรายละเอียดจากยูทูบ ทำให้เราทราบว่าเทียนส์เป็นบริษัทที่ใหญ่มาก มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบันประมาณ 10 กว่าปีไม่ใช่เป็นบริษัทที่เพิ่งเริ่มต้น และที่สำคัญคือ เทียนส์อยู่ในสมาคมขายตรงโลก และสมาคมขายตรงไทยด้วย ซึ่งถือเป็นการสร้างเครดิตให้กับบริษัทว่า เขามีความเชื่อตรงกับสมาชิกอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ยังมองว่าเทียนส์ในประเทศไทยยังมีคนรู้จักน้อยมากเมื่อเทียบกับหลายๆบริษัท ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่ดีในการทำธุรกิจ ซึ่งส่วนตัวมีความมั่นใจว่าธุรกิจเทียนส์น่าจะเติบโตได้อย่างแน่นอน เพราะดูจากนักธุรกิจที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง ลาว พม่า กัมพูชา และเวียดนามสามารถประสบความสำเร็จได้ ดังนั้นถ้าประเทศเหล่านี้ทำได้เราก็น่าจะทำได้เช่นกัน
ผมเข้ามาร่วมธุรกิจเทียนส์เข้าสู่ปีที่ 4 ปัจจุบันดำรงตำแหน่งสิงห์บรอนซ์และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะสามารถพิชิตตำแหน่งสิงห์เงินได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามส่วนตัวมองว่าการขึ้นตำเหน่งทางธุรกิจไม่ได้มีความสำคัญมากเท่ากับการช่วยให้ทีมงานที่อยู่ภายใต้องค์กรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น แต่การมีตำแหน่งในธุรกิจเทียนส์เป็นเพียงการบ่งบอกว่าเรามีโอกาสรับรายได้หลายทางเท่านั้น ซึ่งการขึ้นตำแหน่งสิงห์บรอนซ์สมาชิกทุกคนสามารถก้าวขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนี้ได้เพียงแต่ว่าเขาจะใช้ระยะเวลาเท่าใดแค่นั้นเอง
กรกนภัตร บอกอีกว่า แม้การทำงานจะต้องพบกับอุปสรรคมากมาย แต่มีสิ่งหนึ่งที่เป็นเหมือนแรงบันดาลใจให้ยังคงยืนหยัดอยู่ในธุรกิจเทียนส์ต่อไป นั่นคือ ความฝันของทีมงานที่อยู่ภายใต้องค์กร เนื่องจากเราต้องช่วยให้ฝันของทีมงานประสบความสำเร็จให้ได้ และอีกสิ่งหนึ่งที่ถือว่าสำคัญที่สุดคือ การที่เรายืนหยัดจนประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้ได้สร้างความภาคภูมิใจให้กับคุณแม่และคนรอบข้างด้วย
ผมคิดว่า การเลือกอย่างชาญฉลาดสำคัญกว่าความขยัน ดังนั้นเมื่อเราเลือก และตัดสินใจที่จะประสบควมาสำเร็จในธุรกิจนี้แล้วก็ลงมือทำอย่างต่อเนื่อง อีกสิ่งหนึ่งที่อยากจะฝาก คือ หากทุกคนทำธุรกิจเครือข่ายเหมือนกับธุรกิจทั่วไป เชื่อว่าทุกคนสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน แต่ข้อเสียของธุรกิจเครือข่ายคือ ลงทุนไม่สูง คนทั่วไปก็เลยมองมันง่ายเกินไป บางครั้งไปเจอปัญหาอุปสรรคต่างๆมาก็ละทิ้งผลตอบแทนที่เขาจะได้รับเร็วเกินไป แต่หากเรายังคงยืนหยัดทำมันต่อไปเราอาจจะประสบความสำเร็จเหมือนกับคนอื่นๆได้เช่นกัน
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ.Leader Time ฉบับที่ 221 ประจำวันที่ 16-30 เมษายน 2556
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น