ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ข่าวไอยรา แพลนเน็ต (Aiyara Planet) : ไอยรา ผ่าแผนเด็ดดันยอดโต ซุ่มขอ อย. ลาวจ่อบุกตลาด AEC







boss (Mobile)


ไอยรา งัดไม้เด็ดปั๊มยอดขายสิ้นปี 300 ล้าน ผ่าแผน ยึดหัวหาดภาคอีสานเป็นฐานรุกตลาด AEC ล่าสุด ยื่นขอ อย.ลาว ประเดิมเป็นประเทศแรก มั่นใจไม่เกิน 3 เดือน ได้ฤกษ์ปักธง ชูนโยบาย 1 โค้ด 1 แพลนเน็ต เผยเตรียมยลโฉมแฟรนไชส์ร้านกาแฟ ไอยรา คาเฟ่ รูปแบบใหม่ หวังต่อยอดพีวีให้กับสมาชิก


กัมปนาท บุญราศรี ประธานกรมการ/กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ไอยรา แพลนเน็ต จำกัด เปิดเผยกับ เดอะ พาวเวอร์ เน็ตเวิร์ค ว่า ปีนี้บริษัทได้วางเป้าหมายยอดขายสำหรับปีนี้ไว้ที่ 300 ล้านบาท โดย จะใช้กลยุทธ์ดังนี้ 1.ขยายพื้นที่, ขยายยอดขาย, ขยายฐาน สมาชิก และพัฒนานักธุรกิจให้มีความเข้าใจธุรกิจยิ่งขึ้น2.การวางกลยุทธ์ และกำหนดเป้าหมายร่วมกัน, การติดตาม เป้าหมาย, อุปสรรค และปัญหากับผู้นำในทุกๆ เดือน เพื่อ ให้มีการปรับตัวตามสถานการณ์ได้อยู่เสมอ และ 3.การทำ แบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในตลาดขายตรง เช่น เน้นให้เห็นโลโก้ ช้าง และเห็นความเคลื่อนไหวของบริษัทตลอดเวลา เป็นต้น


สำหรับปี 2555 ที่ผ่านมา บริษัทได้จับมือร่วมกับ ผู้นำในการขยายธุรกิจไปในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ส่งผลให้ธุรกิจมีการเติบโตขึ้นตามลำดับ โดยพื้นที่ที่ถือเป็น ตลาดหลัก ได้แก่ ภาคใต้ ซึ่งเริ่มมีความแข็งแกร่งมากขึ้น รองลงมาเป็นพื้นที่ภาคเหนือที่เริ่มกระจายเข้าไปในจังหวัด ย่อยๆ ของภาค ส่วนพื้นที่ภาคอีสานยังเป็นพื้นที่ที่ยัง ไม่เติบโตเท่าที่ควร อย่างไรก็ตามบริษัทมองว่าภาคอีสาน ยังคงเป็นพื้นที่ที่น่าสนใจ เนื่องจากเป็นพื้นที่เส้นทางหลัก เมื่อเปิดประชาคมเศรษฐกิจ (AEC) ในปี 2558


เรามองว่าพื้นที่ภาคอีสานจะเติบโตได้อีก และ จะเป็นเส้นทางในการเข้าไปขยายตลาดในแถบประเทศ เพื่อนบ้าน เช่น สปป.ลาว ซึ่งล่าสุด เราได้ยื่นขออนุญาต จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในลาว แล้ว คาดว่าจะได้รับการอนุมัติอีกประมาณ 3 เดือนข้างหน้า ซึ่งการยื่นขอใบอนุญาตจาก อย. ลาว ในครั้งนี้ เพื่อรองรับ การเปิด AEC ในอีก 2 ปีข้างหน้า หลังจากที่เราไปยื่นขอ อย. ในลาว ทำให้มีผู้นำทั้งใน สปป.ลาว และภาคอีสานเริ่ม ให้ความสนใจในเรื่องนี้เป็นจำนวนมาก นั่นแสดงให้เห็นว่า สมาชิกในภาคอีสานต้องการที่จะเข้าไปทำธุรกิจในตลาด AEC เช่นกัน


สำหรับการเข้าไปทำตลาดใน สปป.ลาว ในเบื้องต้น บริษัทจะได้นำสินค้า 3 รายการ ซึ่งเป็นตัวหลักของไอยรา ก่อน โดยได้กำหนดราคาไว้เท่ากับประเทศไทย แต่ตัวพีวี (PV) จะลดลงไป ซึ่งสมาชิกของไอยราสามารถขยายตลาด ได้ภายใต้รหัส 1 โค้ด 1 แพลนเน็ต ส่วนรูปแบบการลงทุน ในลาวนั้น บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียด ซึ่งตอนนี้ กำลังพิจารณาอยู่ว่าจะลงทุนในรูปแบบใด ได้แก่ บริษัท ลงทุนเอง 100% และการร่วมหุ้นกับนักลงทุนในประเทศ นั้นๆ โดยทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับกฎหมายของแต่ละประเทศ


ปัจจุบันเราเริ่มทำฐานข้อมูลใหม่สำหรับชาวต่าง- ประเทศแล้ว โดยการลงทะเบียนของนักธุรกิจชาวต่าง- ประเทศจะใช้เลขบัตรประชาชนที่เป็นของคนประเทศนั้น ซึ่งจะบอกได้ว่าคนๆ นั้นมาจากประเทศใดจากนั้นตามด้วย โค้ดของบริษัท และเมื่อมีการส่งพีวีเข้ามาทางบริษัทจะนำ มาคำนวณเพื่อจ่ายค่าคอมมิสชั่น ซึ่งการลงทะเบียนใน ลักษณะดังกล่าวสมาชิกของบริษัทสามารถทำได้ทั่วโลก ไม่ใช่แค่ในเอเชียเท่านั้น


กัมปนาท กล่าวอีกว่า ปัจจุบันสัดส่วนยอดขายหลัก ของบริษัทยังคงมาจากสารสกัดจากงาดำคิดเป็นกว่า 70% จากยอดขายสินค้าทั้งหมด ซึ่งในอนาคตบริษัทมีแผนจะนำ สารสกัดจากงาดำไปผสมในสินค้าชนิดอื่นๆ ซึ่งล่าสุดได้นำ ไปผสมเป็นคอลลาเจนผสมเซวามีนสารสกัดจากงาดำซึ่ง เป็นการสร้างกระแสความตื่นเต้นในองค์กรได้ค่อนข้างดี มาก ส่วนความคืบหน้าการเปิดร้านกาแฟ ไอยรา คาเฟ่ นั้น บริษัทมองว่าจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยให้สมาชิก มีพีวีเพิ่มขึ้นอย่างง่ายๆ โดยบริษัทจะเปิดร้านกาแฟตาม เซ็นเตอร์ต่างๆ ของบริษัท เพราะในแต่ละสัปดาห์จะมี สมาชิกเข้ามาที่เซ็นเตอร์อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 วัน และ หลายคนต้องการที่จะดื่มกาแฟ ดังนั้น การเปิดร้านกาแฟ จึงน่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยให้สมาชิกมีพีวีเพิ่มขึ้น โดย ร้านกาแฟดังกล่าวจะเปิดในลักษณะเเฟรนไชส์ เพื่อให้ สมาชิกสามารถซื้อไปเปิดเองโดยมีต้นแบบ ไอยรา คาเฟ่ เป็นแบบอย่าง คาดว่าร้านกาแฟดังกล่าวจะเปิดตัว ได้ภายใน 3 เดือนข้างหน้านี้


กัมปนาท กล่าวว่า หากมองภาพความสำเร็จของ ไอยรา ประกอบด้วย 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่ 1.การจัดอบรม สัมมนาที่มีอย่างต่อเนื่อง 2.เทคโนโลยีที่บริษัทพยายาม ใช้คอมพิวเตอร์มาเป็นเครื่องมือในการทำงานโดย สะดวก ซื้อง่าย ส่งสินค้าคล่องตัว ตรวจสอบข้อมูล ย้อนหลังในการที่จะสื่อสารกัน และสามารถชำระสินค้า ผ่านทางร้านสะดวกซื้อ 7-11 ได้ ทำให้ผู้บริโภคปลายทาง เกิดความเชื่อมั่น และ 3.การสร้างแบรนด์ให้เป็น ที่ยอมรับของผู้บริโภคทั่วไป เนื่องจากปัจจุบันคนส่วนใหญ่ ยังไม่เชื่อมั่นในธุรกิจขายตรง ดังนั้น จึงต้องสร้างการ ยอมรับให้มากขึ้น




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ.The Power Network ฉบับที่ 224 ประจำวันที่ 1-15 มิถุนายน 2556

1 ความคิดเห็น: