ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ปัญหาโลกแตก แม่ทีมย้ายค่าย VS บริษัทตัดโค้ด







MLM-Leader

 


หลังจากที่ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา In Network Special ได้นำเสนอความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับบริษัทธุรกิจขายตรงชื่อดัง พ ที่ถูกแม่ทีมระดับสูง หอบเอกสารเข้าร้องทุกข์กับ บก.ปคบ. วอนตรวจสอบความไม่โปร่งใสธุรกิจ หลังพบโยกย้ายสายงานโดยไมยุติธรรม ส่งผลเสียหายร่วมครึ่งล้าน กระทั่งเจ้าหน้าที่ได้เรียกมาชี้แจงในที่สุด หลังจากที่ข่าวนี้เผยแพร่ออกไป ประเด็นดังกล่าวจึงกลายเป็นอีกหัวข้อการสนทนาใหม่ในแวดวงธุรกิจขายตรงไปในที่สุด


ย้อนปมขัดแย้งขายตรง พ


ต่อประเด็นดังกล่าว ย้อนเรื่องราวที่เกิดขึ้นเริ่มต้นจาก แม่ทีมผู้ร้องทุกข์ อักษรย่อ ได้หอบเอกสารเข้าไปหา บก.ปคบ. กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค


ร้องทุกข์ว่า ตนได้เข้าร่วมธุรกิจกับบริษัท ตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม พ.ศ.2555 โดยบริษัทดังกล่าว เป็นบริษัทในเครือเดียวกันกับบริษัท ขายตรงชื่อดังอีก 2 แห่ง แห่งแรกคือ และ ภายใต้การบริหารงานของ CEO รายเดียว


โดยเมื่อทำธุรกิจไปได้เพียงไม่นานก็สามารถ ขึ้นตำแหน่งในระดับสูงของบริษัทได้ กระทั่งยอดรายได้ล่าสุดที่เคยรับ สามารถสร้างสถิติรายได้สูงถึงสัปดาห์ละประมาณกว่า 1 แสนบาท หรือได้รับรายเดือนละไม่ต่ำกว่า 4 5 แสนบาท และหากมองตามแผนการตลาดที่บริษัทบอกไว้ อีกไม่กี่เดือนจะสามารถสร้างรายได้ต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทอย่างแน่นอน


แต่เพียงไม่นานก็เกิดความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับสายงานของตนขึ้น เมื่อตนพบว่า ยอดรายได้ของตนในส่วนนี้ขาดหายไปทั้งหมด และคาดว่ามีการโยกสายงานของตนทั้งหมดในฝั่งนี้ ขึ้นไปสร้างให้กับทีมอื่น ที่เป็นแม่ทีมใหญ่ ซึ่งสายงานนี้มีสมาชิกอยู่มากกว่า 4-5 พันคน สร้างความเสียหายทางธุรกิจเป็นอย่างมากให้กับตน


โดยตนได้พยายามสอบถามและขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยไม่ได้ยินยอมให้บริษัททำแบบนี้ แต่ก็ไม่เป็นผล บริษัทอ้างว่าตนทำผิดเงื่อนไขต่างๆ ขิงทางบริษัท จึงได้ทำการตัดโค้ด และให้ผมยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้ตนจึงต้องขอให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องและดูแลธุรกิจขายตรงให้ความช่วยเหลือด้วย


ส่วนอีกเรื่องสำคัญที่แม่ทีมคนดังกล่าววอนขอให้ตรวจสอบเช่นกัน คือเรื่องของใบอนุญาตจดทะเบียนขายตรง โดย ได้นำเอกสารใบเสร็จ ใบสมัคร และชุดทำธุรกิจมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ พร้อมกับให้ข้อมูลว่า ตนสังเกตจากการออกใบเสร็จและใบสมัครของบริษัท ได้ใช้คนละชื่อกับบริษัทที่ดำเนินการอยู่


ยังคงเป็นการนำเอาชื่อของบริษัทแม่ที่เปิดแห่งแรก และบริษัทที่ 2 ที่ปิดทำการไปแล้วมาออกเอกสาร จึงไม่แน่ใจว่าบริษัทนี้ มีการจดทะเบียนธุรกิจขายตรงถูกต้องแล้วหรือไม่ เพราะล่าสุดตนได้เข้าเว็บไซต์ของ สคบ. กลับไม่พบชื่อของบริษัทที่ได้รับอนุญาตแต่อย่างใด


หลังจากนั้น บก.ปคบ. ได้รับเรื่องร้องทุกข์ดังกล่าว และลงบันทึกประจำวันเป็นที่เรียบร้อย และได้มีการออกจดหมายเรียกเจ้าของบริษัทดังกล่าว เข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่ครั้งแรกคือ วันที่ 15 มีนาคม 2556 ณ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค กองปราบฯ


สรุปเหตุอยู่ระหว่างจดเดเจ้งเปลี่ยนชื่อ


อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวระดับสูง เปิดเผยกับ in Network Special ว่า สรุปความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในขณะนี้โดยเฉพาะในประเด็นที่ว่าบริษัทจดทะเบียนทำธุรกิจถูกต้องหรือไม่นั้น ผลปรากฎว่าบริษัทมีการแจ้งเปลี่ยนชื่อบริษัทที่ 2 คือ บริษัท ก กับกกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2555 ให้เป็นชื่อใหม่ คือ บริษัท พ.ก. และอยู่ระหว่างการแจ้งเปลี่ยนชื่อกับทาง สคบ. ทำให้ไม่มีข้อมูลปรากฏ ดังนั้นในแง่ของกฎหมายขายตรง บริษัทตงไม่ถือว่ามีความผิด เพราะเปิดดำเนินธุรกิจจากใบอนุญาตของบริษัทเดิม คือ บริษัท พ.ก. ที่มีใบอนุญาตเดิมมอยู่แล้ว ประเด็นเรื่องมีใบอนุญาตหรือไม่นั้นจึงตกไป เพราะถือว่าถูกต้องตามกฎหมาย


แหล่งข่าว กล่าวต่อว่าส่วนกรณีการ ตัดโค้ด นักธุรกิจคนดังกล่าว จึงกลายเป็นเรื่องราวส่วนตัว ที่ไม่อยู่ในกฎหมายที่จะเอาผิดอะไรได้ และไม่เกี่ยวข้องทางกฎหมายขายตรงกับเจ้าหน้าที่ บก.ปคบ. เป็นเรื่องที่ทางด้านของ นักธุรกิจ และ บริษัท ที่ต้องไปตกลงเคลียร์ปัญหาเอาเอง แต่หากเคลียร์ไม่ลงตัว ก็จะเป็นเรื่องของคดีแพ่ง ที่เจ้าทุกข์ต้องไปดำเนินการต่อเองในที่สุด


ซึ่งทราบมาว่า ล่าสุดเรื่องนี้นักธุรกิจรายดังกล่าว ก็ตัดสินใจไม่ดำเนินการอะไรต่อกับบริษัท พ.ก. เพราะเมื่อเทียบกับการที่ต้องเสียเวลาดำเนินการทางด้านคดี และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จะต้องเกิดขึ้นตามมา คงจะไม่คุ้มค่ากัน อีกทั้งขณะนี้ นักธุรกิจรายนี้ได้ตัดสินใจไปทำธุรกิจกับบริษัทอื่นและกำลังสร้างรายได้ที่ดีใกล้เคียงกับช่วงก่อนหน้านี้แล้ว จึงไม่อยากต้องมาเสียเวลากับเรื่องราวดังกล่าวอีก ความขัดแย้งในเรื่องนี้จึงดูเหมือนว่าจบลงไปแบบเงียบๆ ในที่สุด


อดีตแม่ทีม ค่ายดังย่านธุรกิจเข้าร้องทุกข์ด้วย


แหล่งข่าว กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ประเด็นแม่ทีมถูกตัดโค้ดยังคงเกิดขึ้นเป็นระยะ โดยล่าสุดที่ทราบมา คือแม่ทีมระดับสู.ของบริษัทดังย่านสุขุมวิท ที่ถูกตัดรหัสตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาทำให้สูญเสียรายได้ไปจำนวนมาก เพราะเป็นนักธุรกิจเก่าแก่ที่ทำธุรกิจกับบริษัทมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 หรือยุครากเริ่มของบริษัทนั่นเอง


โดยมีสาเหตุหลักคล้ายกับหลายกรณีที่เคยผ่านมา คือ มีข้อมูลว่าแม่ทีมไปทำธุรกิจกับค่ายอื่น จึงนำมาสู่การ ถูกตัดโค้ด ในที่สุด ขณะที่เจ้าตัวยืนยันว่าไม่ได้เป็นไปตามที่บริษัทกล่าวหาแต่อย่างใด ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้ ยังคงอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนและเช็คข้อมูลเพิ่มเติม ถึงความถูกต้องของการทำธุรกิจค่ายดังกล่าว


อันที่จริงเรื่องการตัดโค้ดนั้น เป็นความขัดแย้งที่เกิดมาทุกยุคสมัยของขายตรง หากมองในแง่กฎหมายขายตรง ก็ถือว่าไม่มีเข้าข่ายความผิดใด หากผู้เสียหายคิดว่าตนเองถูก ก็ต้องไปดำเนินการทางด้านของคดีแพ่ง ซึ่งก็ต้องไปเสียเวลาและค่าใช้จ่ายดำเนินการทางด้านคดีอีกหลายอย่าง


จึงอาจเป็นช่องว่างหนึ่งที่ทำดูเหมือนว่า นักธุรกิจอิสระกลายเป็นผู้เสียเปรียบได้ การแก้กฎหมายจึงเป็นทางออกเดียวที่จะแก้ปมขัดแย้งนี้ได้อย่างถาวร แต่ก็ดูเหมือนว่า ขนาดนักธุรกิจอิสระเองก็ไม่มีใครให้ออกมาเรียกร้องความสำคัญกับประเด็นดังกล่าว จนกว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับตัวอง จึงจะเดินทางไป บก.ปคบ. เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยเรื่องดังกล่าว ที่บางครั้งก็เพียงสามารถแก้ได้ที่ปลายเหตุเท่านั้น แหล่งข่าวกล่าวในที่สุด





ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ.อินมาร์เก็ตติ้ง ฉบับที่ 166 ประจำวันที่ 16-31 พฤษภาคม 2556


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น