 |
ตลอดระยะเวลา 8 ปีในการขับเคลื่อนธุรกิจแดนสยาม ต้องยอมรับว่าชื่อเสียงของขายตรงสัญชาติอเมริกาในนาม บริษัท 4 ไล้ฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด ยังไม่กว้างขวางหรือเป็นที่รู้จักมากนัก แต่เชื่อมั่นว่านับจากวินาทีนี้เป็นต้นไปแบรนด์ขายตรงอินเตอร์แห่งนี้จะเป็นที่ยอมรับ และสัมผัสได้จากสิ่งที่ไม่ธรรมดาภายใต้การขับเคลื่อนทัพของนักบริหารหนุ่มมีไฟ Mr. Matt Lisonbee ผู้จัดการอาวุโสในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (International Manager,SE Asia) ที่มาพร้อมกับวิสัยทัศน์การทำงานอย่างเหนือชั้นเชิง
Mr. Matt Lisonbee นักธุรกิจหนุ่มวัย 26 ปี ดำรงตำแหน่ง International Manager,SE Asia หรือ ผู้จัดการอาวุโสในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมิ่อไม่นานมานี้ควบคู่กับการเป็นทีมงานวิจัยผลิตภัณฑ์ของบริษัท 4 ไล้ฟ์ ซึ่งการเข้ามาบริหารทพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในครั้งนี้มีความตั้งใจที่จะพัฒนาธุรกิจในทุกๆด้านให้เติบโต และพร้อมเป็นคนกลางประสานงานระหว่างสำนักงานใหญ่ที่รัฐยูท่าห์ ประเทศสหรัฐอเมริกากับประเทศไทย
บนเส้นทางธุรกิจในฐานะผู้นำทัพของ Mr. Matt นั้นได้เริ่มสั่งสมประสบการณ์ทางธุรกิจตั้งแต่อายุ 11 ปี ซึ่งการได้เห็นธุรกิจเจริญเติบโต เป็นหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เขาได้เล็งเห็นถึงศักยภาพที่โดดเด่นของตลาดในประเทศไทย ที่สำคัญหลังจากได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้นำที่มีความรู้ด้านธุรกิจ ยิ่งทำให้รู้สึกได้ว่าจะสามารถนำพาตลาดเมืองไทยก้าวไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่ และสามารถแสดงศักยภาพของผลิตภัณฑ์ที่หลายคนมองว่าเป็นเรื่องยากในการเจาะตลาดธุรกิจขายตรงเมืองไทย ให้กลายเป็นเรื่องง่ายเพราะเขามีความมั่นใจในคุณภาพและสรรพคุณของผลิตภัณฑ์ที่มีให้ผู้บริโภคคนไทย
ผมได้เห็นการเจริญเติบโตของธุรกิจในทุกๆสาขา และมองเห็นการพัฒนาของตลาดประเทศไทย ผมจะทำให้ทุกคนได้รู้จักกับผลิตภัณฑ์ของเรา ที่โดดเด่นและยังไม่มีคู่แข่งในตลาด จึงอยากให้ทุกคนได้เห็นถึงศักยภาพของผลิตภัณฑ์เพื่อให้ทุกคนได้เห็นโอกาสทางธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม การเข้ามากุมทัพบริหาร 4 ไล้ฟ์ ไทยและตลาดอาเซียนครั้งนี้ หากถามถึงภาระเร่งด่วนที่ต้องทำเป็นอันดับแรกนั้น Mr. Matt บอกถึงเป้าหมายสำคัญว่า คือ จะทำให้ทุกคนได้รู้จักกับผลิตภัณฑ์ 4 ไล้ฟ์และสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นกับผู้บริโภคมากที่สุดเพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นและไม่มีคู่แข่งทางตลาด จึงต้องการให้ผู้บริโภค
ทุกคนได้เห็นถึงศักยภาพของผลิตภัณฑ์เพื่อไปสู่การสร้างโอกาสทางธุรกิจ และอีกหนึ่งภารกิจที่สำคัญที่ถือเป็นหัวใจในการขับเคลื่อนธุรกิจ 4 ไล้ฟ์ คือการพัฒนาองค์กรให้เป็นที่ยอมรับในทุกๆด้าน
Mr. Matt กล่าวว่า ปัจจุบันสาขา 4 ไล้ฟ์ มีมากถึง 22 สาขาทั่วโลก ดังนั้นแผนการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อให้เกิดการยอมรับนั้นจะต้องได้รับการจัดวางอย่างเป็นระบบ อย่างเช่น 2-3 ปีที่ผ่านมาบริษัท 4 ไล้ฟ์ ได้มีการพัฒนาตัวเองรอบด้าน คือ1.การพัฒนาศักยภาพการทำงานพนักงานในแต่ละสาขาทั่วโลก พร้อมๆกับการเปิดตัวผู้นำทัพที่เก่งมาพัฒนาธุรกิจ 2.การขยายผลิตภัณฑ์ในแต่ละปีให้มากขึ้น อย่างเช่น ช่วงเมษายนที่ผ่านมาในประเทศไทย ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใหม่ นูทราสตาร์ท (Nutrastsrt) ลงตลาด และคาดว่าช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ได้เตรียมส่ง BCV (blend of Common Vitamin) ผลิตภัณฑ์พุ่งเป้า หรือผลิตภัณฑ์เฉพาะเจาะจงสำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพด้านหัวใจและหลอดเลือดเป็นลำดับต่อไป 3. การประกาศเกียรติคุณให้กับผู้ขึ้นรับตำแหน่งใหม่เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังในการทำงาน ผมมองว่าสิ่งที่ยากที่สุดในการทำธุรกิจเครือข่ายคือ การสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนที่เราไปแนะนำว่าทำไมถึงต้องเป็นส่วนหนึ่งในธุรกิจเรา เพราะเราต้องการที่จะประชาสัมพันธ์วิถีชีวิตของผู้นำที่มีความเปลี่ยนแปลง
ปัจจุบันธุรกิจขายตรง 4 ไล้ฟ์ มีผลิตภัณฑ์มากกว่า 70 รายการที่บริษัทแม่ประเทศสหรัฐอเมริกาจำหน่ายอยู่เวลานี้ ส่วนประเทศไทยขณะนี้ได้จัดจำหน่ายรวม 4 กลุ่ม 17 รายการ แบ่งออกเป็น 1.ผลิตภัณฑ์กลุ่มสกินเคร์ดูแลผิวพรรณ 2.กลุ่มอาหารเสริมดูแลสุขภาพ 3.กลุ่มผลิตภัณฑ์ทั่วไป และ 4.กลุ่มดูแลสุขภาพแบบพุ่งเป้าหรือเฉพาะเจาะจง โดยทุกกลุ่มนั้นมีสัดส่วนยอดขายเติบโตขึ้นทุกเดือนที่สำคัญในเดือนเมษายนที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายสูงตั้งแต่เปิดดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ประมาณ 20%
Together Building People
นอกจากนี้ ความสำเร็จทางธุรกิจของบริษัท 4 ไล้ฟ์ มีหลักการบริหารธุรกิจที่ว่า Together Building People ในการสร้างผู้นำทางธุรกิจ โดย Mr. Matt ได้ย้ำกับถึงหลักการนี้ว่า Together Building People คือถ้าเรายิ่งสร้างให้คนได้รู้จักกับผลิตภัณฑ์ 4 ไล้ฟ์มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้คนเข้ามาในธุรกิจของเรามากขึ้น หรือถ้าเราได้มีการสนับสนุนให้ผู้นำทางธุรกิจได้เข้ามามากเท่าไหร่ พวกเขาก็จะสามารถเป็นกระบอกเสียงให้กับเราได้มากเท่านั้น
พร้อมกันนี้ Mr. Matt ได้ทิ้งท้ายถึงเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ว่า แม้ว่าปัจจุบัน ยอดขายโดยรวมในประเทศไทยแถบภูมิภาคอาเซียนอยู่ในอันดับที่ 4 รองจากประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ แต่มองว่าด้วยจำนวนประชากรที่ไทยก็ไม่น้อยกว่าคนประเทศอื่น จึงเสมือนเป็นโอกาสที่จะดันตัวเองขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของตลาดอาเซียนได้ภายในระยะเวลา 3 ปี เหตุเพราะเชื่อมั่นในศักยภาพการทำงานของผู้นำที่แข็งแกร่งจะผลักดันให้ยอดขายเติบโตเทียบชั้นอินโดนีเซียอย่างแน่นอน และเมื่อถึงวันนั้นไทยจะก้าวขึ้นแท่นอันดับหนึ่งของยอดขาย 4 ไล้ฟ์ ในตลาดอาเซียนได้อย่างแน่นนอน
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย นสพ.Leader Time ฉบับที่ 224 ประจำวันที่ 1-15 มิถุนายน 2556
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น