ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2556

บ.แม่ "แคทส์" สั่งสาขาไทยลุยอาเซียนปักธง ปท.ชายแดนนำร่องยึดโมเดลเดิม







picture-2965-1371039165 (Mobile)


"แคทส์ดอทคอม" จัดฉลองลุยไทยครบ 4 ปี พร้อมประกาศบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น แต่งตั้งสาขา ไทยเป็นแกนกลางขยายสาขาอาเซียน รับมือ AEC นำร่องเปิดแล้ว 4 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา, เวียด-นาม, ลาว และมาเลเซีย วางพม่าเป็นประเทศต่อไป ชี้การขยายสาขาเป็นไปในรูปแบบตั้งบริษัท ใช้ไทย เป็นโมเดลต้นแบบ แต่ยอมรับการเปิดตลาดต่างประเทศไม่ง่าย กำแพงภาษีเป็นปัญหาหลัก ด้านประธานบริษัทชาวญี่ปุ่น บอกพอใจงานบริหารสาขาไทย 70%


มร.โทชิมาซะ ชิ ชิ โด ประธาน บริษัท แคทส์ดอทคอม (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทขายตรงจากประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้น ทั้งเรื่องน้ำท่วมที่ประเทศไทย โรงไฟฟ้าระเบิดที่ญี่ปุ่น แต่เราก็ดำเนินธุรกิจมาได้อย่างต่อเนื่อง


"สำหรับตนค่อนข้างจะมีความผูกพันกับประเทศไทย มานานตั้งแต่ปี ค.ศ.1971 หรือร่วม 42 ปีมาแล้ว บางท่านอาจจะยังไม่เกิด ผมเข้าเมืองไทยครั้งแรกโดยเริ่มงานในฝ่ายวิจัยและ พัฒนาของ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่ง ตนเป็นผู้ออกแบบเครื่องยนต์รถฮอนด้า ซีวิค รุ่นแรก" ประธานแคทส์ฯ เล่าความหลัง


โดยที่ผ่านมา บริษัท แคทส์ดอทคอม ได้เริ่มมีการขยายธุรกิจไปยังประเทศใกล้-เคียง เช่น กัมพูชา, เวียดนาม, ลาว และมาเลเซีย อย่างไรก็ดี นี่ยังถือเป็นก้าวแรกของบริษัทในการทำธุรกิจ ซึ่งเรายังมีโอกาส อีกมากในการเติบโต โดยประเทศไทยจะเป็น ศูนย์กลางของธุรกิจแคทส์ดอทคอมในแถบ อาเซียน


"จากความร่วมมือของทั้งผู้บริหาร รวมถึงสมาชิกของบริษัททุกคน ทำให้บริษัทได้จัดงานฉลอง 4 ปีของบริษัทในไทย ขึ้น เพื่อเป็นการตอบแทนนักธุรกิจ โดยการ จัดงานครั้งนี้ มีผู้ร่วมงานเกือบ 1 พันคน อีกทั้งยังมีสมาชิกจากต่างประเทศเข้าร่วมอีกด้วย อาทิ ญี่ปุ่น, ลาว และมาเลเซีย"


อย่างไรก็ตาม ดังที่กล่าวมา แคทส์-ดอทคอม บริษัทแม่มีความต้องการที่จะให้สาขาในประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการขยายตลาดในแถบประเทศอาเซียน จากเหตุผลด้วยเรื่องความสะดวกของไทย ที่มีอาณาเขตติดต่อเพื่อนบ้านหลายประเทศในแถบอาเซียน ทั้งยังมีทำเลอยู่ตรงกลางของภูมิภาค ซึ่งดูจะพร้อมกว่าที่สาขาแม่ใน ญี่ปุ่นจะเข้ามาสร้างการขยายตลาดเอง อีกทั้งประธานชาวญี่ปุ่นยังกล่าวอีกว่า พอใจการบริหารของสาขาในประเทศไทย 70 เปอร์เซ็นต์


"ในส่วนของเรื่องโรงงานผลิตสินค้า บริษัทแม่คงต้องดูที่ความพร้อม อีกทั้งยังต้องใช้เวลาสำรวจความต้องการของตลาด ออกไปอีก หากต้องมีการเปิดโรงงานสินค้า ที่ประเทศไทย ซึ่งในช่วงแรกของการขยาย ตลาดอาเซียน คงต้องเป็นการสั่งสินค้าจาก ประเทศญี่ปุ่นไปก่อน" ประธานใหญ่ กล่าว


ด้านนายเกียรติพงษ์ ตั้งงามจิตต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคทส์ดอทคอม (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในส่วนของประธานบริษัท แคทส์ดอทคอมฯ ออกจากฮอนด้า ก็ได้มีการมาค้นคว้าสินค้าชื่อ "มะโฮ" ซึ่งเป็นสินค้าหัวหอกของบริษัทในเวลาต่อมา จนทุกวันนี้ก็ยังคงเป็นสินค้าขายดีของบริษัทเช่นเดิม


อย่างไรก็ดี ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ของปีนี้ บริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้นไม่มากนัก โดยที่บริษัทต้องการที่จะขยายออกไปสู่ตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น เรื่องยอดขายในประเทศจึงเพิ่มไม่มากดังที่กล่าว


"สาขาของบริษัทในประเทศไทย มีความพร้อมในการลุยตลาดอาเซียนเป็นอย่างมาก ซึ่งที่ผ่านมาก็เริ่มขยายไปแล้วที่ เวียดนาม, ลาว และมาเลเซีย โดยในอนาคต บริษัทต้องการที่จะขยายสาขาไปในประเทศพม่าต่อไป"


"ในเรื่องของการขยายสาขา บริษัทจะขยายไปในรูปแบบการตั้งบริษัทให้มีความคล้ายคลึงสาขาประเทศไทยมากที่สุด โดยเฉพาะในเรื่องของแผนการจ่าย ซึ่งตอนนี้ติดในเรื่องของภาษีในแต่ละประเทศ ที่ทำให้การขยายตลาดติดขัดในการทำเรื่อง แผนงาน แผนจ่ายอยู่บ้าง" เกียรติพงษ์ กล่าว


ในงานฉลองครบรอบ 4 ปีของบริษัท ประเทศไทย ได้มีแคมเปญแจกรถยนต์ และ มอเตอร์ไซค์ โดยมีผู้มาร่วมงานเกือบพันคน อีกทั้งยังมีการมอบรางวัลเกียรติยศให้กับนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จของบริษัทอีกด้วย


ทั้งนี้ ในปี 2556 แคทส์ฯ ได้ทำการขยาย ตลาดไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) โดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่ ซึ่งเป็นผู้ผลิตมะโฮ ในการขยายกำลังการผลิต และวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งคาดว่าจะมีเพิ่มอีก 10 รายการ จากที่ในปี 2555 ได้เพิ่มมาแล้ว 7 รายการรวมถึงผลิตภัณฑ์ดูแลผิวระดับจากยีสต์ดำ


ในส่วนของระบบการทำงานของสมาชิก แคทส์ฯ ได้มีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ ทั้งรูปแบบการทำงานแบบ Offline, Online และ Airline ซึ่งจะช่วยให้สมาชิกสามารถที่จะสร้างเครือข่ายได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยการพัฒนา Application บนมือถือซึ่งใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็วและประหยัดค่าใช้จ่าย รองรับการเดินทางสู่ ต่างประเทศ




Credit By :http://www.siamturakij.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น