ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaimlmnews.com
เชื่อมต่อทุกข่าวสาร ยิงทุกประเด็นร้อน แหล่วรวมธุรกิจเครือข่าย

วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ผ่าแนวคิด"วิจัย"ตั้ง "สำนักงาน"สู่เป้าหมายขายตรงยุคใหม่ ผ่านสมอง"พิศิษฐ์ แทนทิว" เลขาธิการสมาคม TDNA







Capture (Mobile)


ในเชิงปริมาณสามารถสะท้อนคุณภาพได้ชัดเจน และแทบไม่ต้องอธิบายให้มากความกับ "ผลงาน" ของสมาคม ที่ก่อตั้งมากว่า 20 ปี จากปริมาณคือ ธุรกิจขายตรงมีบริษัทได้รับอนุญาต ให้ประกอบกิจการเกือบ 900 บริษัทและที่ยังทำธุรกิจอยู่มีไม่ต่ำกว่า 450 บริษัท แต่มีบริษัทเพียง 50 แห่งเท่านั้น เข้าสังกัดเป็นสมาชิกของสมาคมขายตรงอื่นทั้ง 3 สมาคม


เมื่อนำปริมาณเพียง 50 บริษัทไปเชื่อมต่อ "คุณภาพ" ย่อมเข้าใจได้ทะลุว่า สมาคม ทั้ง 3 แห่ง ที่บางแห่งก่อตั้งมากว่า 20 ปี ไร้ผลงานแรงๆ ในระดับ "โดยรวม" จึงขาดพลังดึงดูดให้บริษัทขายตรงจำนวนมากเข้าร่วมเป็นสมาชิก


สิ่งนี้จึงทำให้เกิดสมาคมที่ 4 ขึ้น ชื่อ "สมาคมธุรกิจเครือข่ายขายตรงไทย" (TDNA) ซึ่งมี "พิศิษฐ์ แทนทิว" นั่งเป็นเลขาธิการสมาคมคนแรก


"พิศิษฐ์" บอกว่า เขาจะขับเคลื่อนสมาคมที่ 4 ด้วยเนื้องานที่อัดแน่นด้วยคุณภาพ ของสังคมขายตรง นั่นเท่ากับจะทำให้มีสมาชิกมากขึ้น


งานที่เป็นจุดขายของสมาคมน้องใหม่ในระยะเริ่มต้นคือ การผลักดันให้เกิดการแก้ไขกฎหมายจัดตั้ง "สำนักงานกำกับธุรกิจขายตรง" มาเป็นแกกลางการทำงานแทนที่งานระดับธุรการที่มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) แบกรับมานานกว่า 10 ปี


"พิศิษฐ์" ไม่ได้มีจุดเริ่มต้นชีวิตมาจากนักธุรกิจขายตรง แต่เขาผ่านประสบการณ์ จากงานข่าวขายตรงจนเป็นที่ยอมรับ แล้วได้เป็นบอร์ดขายตรงที่ สคบ. และมาเป็นมันสมองของสมาคม TDNA


เขาถ่ายทอดแนวคิดการผลักดันตั้ง "สำนักงานกำกับธุรกิจขายตรง" อย่างเป็นระบบลุ่มลึก ใน "สัมภาษณ์พิเศษ" ซึ่งมีรายละเอียดตามที่นำเสนอนี้


ก่อเกิดบนฐาน "ความแตกต่าง"


การตั้งสมาคมธุรกิจเครือข่ายขายตรงไทย (TDNA) เป็นสมาคมที่ 4 ขึ้น เพราะมีความ แตกต่างจาก 3 สมาคมที่มีอยู่แล้วคือ ทั้ง 3 สมาคมที่มีอยู่แล้วก่อตั้งและบริหารโดยคนขาย ตรงล้วนๆ แต่ผลงานที่ทำ "มันไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของวงการนี้ทั้งวงการ" ส่วนใหญ่เป็นการเกาะกลุ่มกันเพื่อให้ตัวเองมีสมาคม และใช้สมาคมในการประสานงานกับภาครัฐและสังคมเป็นหลัก แต่ไม่ใช่สมาคมที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและส่งเสริมสิ่งใหม่ๆที่สำคัญขึ้นมาในวงการขายตรง


สมาคมที่ 4 ที่ตั้งขึ้นมานี้ คำนึงถึงผู้ประกอบการทั้งหมด ไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพียงคุยกันอยู่แค่ไม่กี่สิบบริษัท แล้วมีอะไรก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกันแค่ไม่กี่สิบบริษัท แต่สิ่งที่เราจะทำนั้น มันจะเป็นผลดีมหาศาลกับคนทุกคนในวงการขายตรงและระบบเศรษฐกิจของประเทศ


"มีคนถามเหมือนกันว่า มีสมาคมอยู่ 3 สมาคมแล้วจะตั้งอีกทำไม ผมจึงขอถามกลับ ไปว่า มีอยู่ 3 สมาคมแล้วทำอะไรกันอยู่บ้าง (เน้นเสียงและมีสีหน้าจริงจัง) ทำไมอีกหลายๆ อย่างคุณและเขาจึงไม่ทำกัน นี่คือสิ่งที่ผมต้องตั้งสมาคมที่ 4 ขึ้นมา เพราะภารกิจที่จะมาช่วยกันพัฒนาวงการขายตรงยังมีอีกเยอะมากเลย"


TDNA แตกต่างจาก 3 สมาคมนั้น มีอยู่มากมายเลย หนึ่งคนที่มาขับเคลื่อนมาก่อตั้ง มาวางแผนทำงานสมาคม โดยมีผมเป็นเลขาธิการสมาคม ทำหน้าที่เหมือน "เสนาธิการ" วางแผน วางยุทธศาสตร์ทั้งหมดว่า สมาคมจะเดินไปอย่างไร โดยมีพี่นิโรธ (นายนิโรธ เจริญประกอบ) เป็นนายกสมาคม ซึ่งมาจากข้าราชการที่เป็นนักกฎหมาย เคยกำกับดูแลกฎหมายขายตรงในฐานะเป็นเลขาธิการ สคบ. มาตั้งแต่แรกที่มี ก.ม.ขายตรงใหม่ๆ จนเกษียณ แล้วมาเป็นนายกสมาคม


"ผมโดยอาชีพการทำงานมา ไม่ใช่คนขายตรง แต่เติบโตมาจากคนทำหนังสือพิมพ์ มาทำข่าวเป็นคอลัมนิสต์ และมาเป็นบรรณาธิการข่าวที่ นสพ.สยามธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ เรื่องขายตรงโดยเฉพาะ และเป็นคนแรกที่เจาะลึกข่าวในประเด็นสำคัญ ซึ่งไม่ใช่ข่าวประชาสัมพันธ์ รวมทั้งเขียนคอลัมน์ในเชิงตีแผ่สิ่งที่ดีและไม่ดีต่างๆ ในวงการขายตรง จนทำให้คนทั่วไปเข้าใจธุรกิจขายตรงอย่างชัดเจน"


"ความแตกต่างของสมาคมที่ 4 มีความชัดเจนคือ บุคลากรที่มาผลักดันและขับเคลื่อนสมาคมนั้นมาจากคนที่เข้าใจธุรกิจขายตรงหลายมิติ ไม่ได้เป็นคนที่มาในฐานะทำธุรกิจอย่างเดียว หรือคำนึงเฉพาะผลประโยชน์ แม้ในปัจจุบันผมจะมีฐานะเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ของบริษัท นีโอ ไลฟ์ฯ และเหมือนเป็นคนทำธุรกิจขายตรง แต่แบ็กกราวด์ของผมมาจากมิติอื่น และเป็นมิติอื่นที่ผ่านความลุ่มลึกในเรื่องขายตรงมาทุกแง่มุม นี่คือสิ่งสำคัญ" (เน้นเสียง)


"ผมขอย้ำว่า นี่คือจุดสำคัญที่สมาคมอื่นไม่มีบุคลากรแบบนี้ ดังนั้น การขับเคลื่อนงานของสมาคมที่ออกมามันจึงแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงกับสมาคมอื่น และทำให้เราไม่เหมือนกับสมาคมอื่น เพราะเรามียุทธศาสตร์ชัดเจนในการทำให้เกิดผลดีกับธุรกิจขายตรงและเกิดการเปลี่ยนแปลงในประเทศขึ้น"


ผลักดันตั้ง "สำนักงานขายตรง"


ผมมีวิธีสร้างสมาคม ผมมีความคิด มีแนวทางมาก่อนที่ยังไม่ได้ทำสมาคมด้วยซ้ำ เรามีพันธมิตรที่มาร่วมคือ สคบ. ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ และธุรกิจ มหาวิทยาลัย หอการค้าไทย ศูนย์อาเซียน ซึ่งขึ้นอยู่กับสมาคมการค้ากวางตุ้งภายใต้การกำกับของ รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน


3 หน่วยงานนี้จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์สำคัญของสมาคม TDNA แล้ว รวมกับ นสพ.สยามธุรกิจ และสยามธุรกิจแชนแนล (สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม) ที่เป็นผู้สนับสนุน โดยมียุทธศาสตร์สำคัญ 2 ด้านคือ "แก้กฎหมายและทำวิจัยธุรกิจขายตรง" มาเป็นแนวทางขับเคลื่อนให้สมาคมเป็นสมาคมหลัก เป็นสมาคมใหญ่สุดของธุรกิจขายตรง และเป็นสมาคมที่จะมาเปลี่ยนโฉมหน้าของวงการขายตรงไทยภายใต้แนวคิด "รวมพลังสร้างขายตรงยุคใหม่" นี้คือยุทธศาสตร์สำคัญของสมาคมที่ต้องการเดินไปข้างหน้า


ยุทธศาสตร์การสร้างขายตรงยุคใหม่ คือ การเปลี่ยนโฉมหน้าของธุรกิจขายตรงคือ การเสนอแก้กฎหมายในหลายมาตรา ที่สำคัญคือ การเสนอให้ตั้ง "สำนักงาน" กำกับดูแลธุรกิจขายตรงขึ้นมาเฉพาะ ในปัจจุบันนี้การกำกับดูแลธุรกิจขายตรงขึ้นอยู่กับ สคบ.ที่มีกำลังเจ้าหน้าที่เพียง 6 คนที่มาดูแลขายตรง แต่ สคบ.ทั้งสำนักงานมีงบประมาณมาดูแลคนทั้งประเทศ 65 ล้าน คน เพียง 200 ล้านบาทเศษๆ โดยในจำนวนนี้งบประมาณส่วนหนึ่งต้องแบ่งให้เจ้าหน้าที่ 6 คนมาดูแล กำกับธุรกิจขายตรง


ถามว่า ธุรกิจขายตรงมูลค่าตลาดนับแสนล้านบาท เกี่ยวข้องกับคนทั้งประเทศต้องใช้คนเพียงเท่านี้ดูแลพอหรือไม่ (เน้นเสียง) แน่นอนมันไม่พอ ดังนั้น เป้าหมายของเราคือ เราต้องผลักดันให้เกิดการแก้กฎหมายแล้วตั้ง "สำนักงาน" ให้ได้ การไปเสนอรัฐบาลให้ตั้งสำนักงานไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และจะให้เกิดได้รวดเร็วทันทีได้


"สำนักงานกำกับธุรกิจขายตรง" จะเกิดประโยชน์และส่งเสริมธุรกิจได้ เพราะจะมีกำลังเจ้าหน้าที่มากขึ้นเพื่อคอยดูแล กำกับให้ความรู้กับธุรกิจขายตรงอย่างเป็นระบบ รวมทั้งเกิดการพัฒนาทั้งความรู้ต่อสังคมและผู้ประกอบการได้อยู่ภายใต้กรอบ ก.ม.อย่างมีมาตรฐานเดียวกัน ไม่ใช่มีมาตรฐานเฉพาะบริษัทใหญ่ที่มียอดขายมากๆ แต่บริษัทเล็กกลับไม่ได้รับการดูแล สนับสนุน ส่งเสริมให้มีการทำงานที่มีประสิทธิภาพขึ้น มีมาตรฐานและเป็นประโยชน์กับชาวบ้านจริงๆ


สิ่งสำคัญเหล่านี้ เมื่อตั้งสำนักงานขึ้น มาดูแลเฉพาะจะทำให้เจ้าหน้าที่มากขึ้นมาดูแลธุรกิจขายตรงอย่างทั่วถึง เพราะปัจจุบันการทำงานของเจ้าหน้าที่ไม่สอดคล้องกับงาน มีเพียง 6 คน แค่รับเรื่องการจดทะเบียน สคบ.ก็ล้นมือ ดังนั้น การตรวจสอบผู้ประกอบการด้านต่างๆ จึงเป็นไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพ


เมื่อไม่มีสำนักงานเฉพาะจึงเป็นส่วนหนึ่งทำให้เกิดช่องว่างให้เกิดผู้ประกอบการมาแอบแฝงดำเนินธุรกิจแชร์ลูกโซ่ จนทำ ให้ธุรกิจขายตรงโดยรวมเสื่อมเสีย นอกจาก นี้ ถ้าเจ้าหน้าที่น้อยยังมีผลกระทบต่อการจัด มาตรฐานให้ผู้ประกอบการได้อยู่ในมาตรฐานเดียวกันได้ ซึ่งสามารถสนองต่อประชาชนเข้ามาตรวจสอบมาตรฐานของบริษัทต่างๆ ได้


"แต่ทุกวันนี้เจ้าหน้าที่ดูแลไม่ทัน แค่ตรวจเอกสารอย่างเดียวก็ทำงานไม่ทันแล้ว ดังนั้นการจะไปกำกับ ดูแล ส่งเสริม เลิกพูด เลย เงินก็ไม่มี คนก็ไม่มี มันทำอะไรก็ไม่ได้ ทำได้แต่เพียงว่า ปล่อยให้ทำธุรกิจกันไป ถ้า มีการร้องเรียนกันมา มีเวลาก็ไปดูอะไรประมาณนี้ มันเหมือนว่า ทำไปตามมีตามเกิดนะ"


"อย่าลืมนะครับ ธุรกิจขายตรงมูลค่า ตลาดแสนล้านบาทนั้น เรากำลังให้มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยสำรวจทั้งหมด เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การแก้กฎหมายในอนาคต ในทุกวันนี้มูลค่าตลาดของธุรกิจขายตรงยังไม่มีข้อมูลที่เกิดจากการรวบรวมให้ชัดเจน"


ด้วยเหตุนี้ สมาคมจึงต้องลงมาจับเรื่องการวิจัย และใช้งบประมาณจ้างศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย 2.6 ล้านบาท มาทำวิจัยเรื่องขายตรงโดยเฉพาะ และใช้งบประมาณมากที่สุด ใหญ่ที่สุดของวงการขายตรงให้ครอบคลุมทั้งหมดทุกมิติ


คำถามคือ ทำไมต้องไปทำงานวิจัย เพราะว่าการผลักดันให้ตั้งสำนักงานนั้นต้องผ่านการแก้กฎหมายของคณะรัฐมนตรี ของสภา หากไม่เข้าใจจะทำให้ล้มเหลวได้ เพราะมองไม่เห็นความสำคัญของสำนักงานที่จะตั้งที่จะมีประโยชน์ต่อการช่วยระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างไร ดังนั้น งานวิจัยที่จัดทำขึ้นจะช่วยให้เข้าใจระบบธุรกิจขายตรง มองเห็นความสำคัญชัดเจน นี่คือการบ้านข้อใหญ่ของเราที่สมาคมกำลังทำเพื่อให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจขายตรงและสังคมส่วนใหญ่ เพราะขายตรงมูลค่าตลาดแสนล้านบาท มันช่วยให้หนุนระบบเศรษฐกิจ ของประเทศได้ สมมติว่า หยุดตลาดขายตรงไปเลย มูลค่าหายไปเป็นแสนล้าน คนอีกเป็นหมื่นเป็นแสนครอบครัวไม่มีเงินเลย มันเกิด อะไรขึ้น คนตกงานมหาศาล รัฐบาลต้องเข้า มารับรองคนเหล่านี้ นี่จึงต้องแก้ ก.ม.เพื่อ ตั้งสำนักงานขึ้น


การไปแก้กฎหมายและเสนอตั้งสำนักงาน ถ้าไม่มีข้อมูลประกอบที่รอบด้าน ชัดเจน ถูกต้อง ตรงไปตรงมาแล้ว การไปผลักดันให้เกิดการแก้กฎหมายของสภา หรือ ผู้เกี่ยวข้องต่างๆ ก็จะไม่เป็นผล สิ่งนี้เป็นเหตุผลหลักที่ต้องมีการทำวิจัย แล้วนำเสนอ งานวิจัยต่อผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ตั้งแต่นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ส.ส. ส.ว. วุฒิสมาชิก เพื่อผลักดันให้เกิด


การเสนอแก้กฎหมายไม่ใช่ทำตามขั้นตอนด้วยการจัดร่างกฎหมายเสนอ สคบ. เสนอ ครม.ให้พิจารณาแล้วเข้าสภา มันไม่ใช่ เพราะนั่นเป็นการพูดแบบรู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง และไม่มีข้อมูลสนับสนุน แต่เรากำลังทำทั้งกระบวนการ


"ถามว่าสิ่งเหล่านี้ คือ การทำทั้งกระบวนการเพื่อผลักดันให้ตั้งสำนักงานอย่างจริงจังนั้น เคยมีใครทำหรือไม่ ไม่เคย ถามว่าเคยมีคนพูดหรือไม่ว่าอยากได้สำนักงาน เคยมีแต่ไม่มีใครทำ และยุทธศาสตร์ในการทำก็ไม่เคยมี แต่สิ่งที่สมาคม TDNA ที่ผมกำลังวางแผนทำอยู่นี้ มันจะไป เป็นกระบวนการ ดังนั้น การเกิดของสมาคม นี้ จะไม่มีเหมือนสมาคมอื่นๆ ที่มีมาแล้วแน่นอน"


ด้วยวิธีการนี้จะทำให้ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ ไม่สามารถแอบแฝงในธุรกิจขายตรงนี้ ขายตรงจะมีศักดิ์ศรีขึ้น มีการยอมรับมากขึ้น มีมาตรฐานจริงๆ นี่เป็นการสร้างขายตรงยุคใหม่ แบบพลิกโฉมหน้าครั้งใหญ่และครั้งสำคัญ





Credit By :http://www.siamturakij.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น